Tuesday, September 22, 2015

บทความจาก นิวยอร์คไทม์ น่าอ่านมาก


Narin Sanguansap is on Facebook. To connect with Narin, join Facebook today.
Join Log In

Narin Sanguansap
14 hrs · Marina del Rey, CA · 
บทความจาก นิวยอร์คไทม์ น่าอ่านมาก
หลังจากที่เกือบเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมาบนบัลลังก์ของภููมิพล
สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ทางการแพทย์ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ 
สำหรับรายละเอียดโรคภัยไข้เจ็บ
และเมื่อวันก่อน ลูกสาวคนสุดท้อง นำประชุมสวดมนต์พิธีทางุศาสนา
โดยปกติจะใช้สำหรับผู้ป่วยที่ใกลตาย
ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของกษัตริย์ สร้างความวิตกกังวลทั่วประเทศ
ทีมีเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในเอเชียและถูกปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหาร
ที่ยึดอำนาจเมื่อปีที่แล้ว
ทายาทของบัลลังก์ ก็มีชื่อเสียงในฐานะเป็นเพลย์บอย
และขณะนี้ ก็ต้องพยายามเข็นครกขึ้นภูเขา ที่จะชนะความไว้วางใจ
และได้รับความรักจากประชาชนเหมือนที่พ่อของเขาประสบความสำเร็จ 
คนไทยหลายคนหวังว่าพระเทพฯ น้องสาวที่ได้ความชื่นชมมากกว่า
แต่กฎมณเทียรบาลก็กีดกันผู้หญิงจากบัลลังก์
ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนกษัตริย์ ทำให้มีการอภิปราย
ว่าสถาบันกษัตริย์ของไทยควรจะเป็นแบบไหน
แต่ก็เป็นการอภิปรายที่ไม่มีผลอันใด เพราะความรุนแรง
ของกฎหมายหมิ่น
กฎหมายถูกตีความอย่างกว้าง ๆ และปกติ ไม่เกินเดือนนึง 
ก็ตัดสินลงโทษส่งไปยังคุกนานถึง 15 ปี
แต่โชคดีที่มีอินเทอร์เน็ต กับความเห็นที่ไม่ระบุตัวตน
และยูทูปมีการเคลื่อนไหวของประชาชนหัวก้าวหน้าและเสรีนิยม
ที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งที่ท้าทายสถาบัน
"การเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบปัจจุบัน เนื่องจากความจริงที่สถาบันกษัตริย์้
ทำตัวเป็นพระเจ้าผ้ยิ่งใหญ่ ห้ามวิจารณ์เด็ดขาด" ส. ศิวรักษ์กล่าว่
"ยิ่งคุณทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพนับถือมากขึ้น
ยิ่งกลายเป็นสถาบันที่ไร้การรับผิดชอบและคนจำนวนมากรับไม่ได้."
สิ่งที่สนับสนุนมุมมองดังกล่าว คือมกุฎราชกุมารที่มีการหย่าร้าง
จากสามภรรยาและในปีที่ผ่านมาใช้เวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตอยู่ในยุโรป
หรือที่ไหน่ไม่มีใครรู้ เพราะคุณไม่สามารถพูดถึงได้
แม้ความพยายามที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการมีการสนทนาดังกล่าว
ได้ถูกถามในปี 2010 ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กษิต ภิรมย์
ที่ Johns Hopkins University ก็ยอมรับว่า คนไทยควรจะมีโอกาสพูดถึง
"เรื่องต้องห้าม." นี้อย่างเปิดเผย
"ผมคิดว่าเราต้องพูดคุยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์" เขากล่าว
"วิธีทีจะต้องปฏิรูปตัวเองไปยังโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ทันสมัย 
เหมือนที่อังกฤษหรือดัตช์หรือเดนมาร์กหรือลิคเคนสไตน์ ที่สถาบันกษัตริย์ 
ได้่ปรับตัวเองให้เข้าสู่โลกสมัยใหม่. "
กษิต ได้พูดต่ออย่างเร็วว่า นี่ไม่ใช่ความเห็นรัฐบาล แต่เป็นความคิดเห็น
"ส่วนบุคคล" และไม่นโยบายอย่างเป็นทางการ
ส่วนรัฐบาลเผด็จการทหาร ก็เลือกที่จะตอบโต้อย่างรุนแรงต่อผู้วิจารณ์
โดยอ้างความชอบธรรมจากการที่กษัตริย์ เซ้นต์รับรองตำแหน่งตัวเอง
ในฐานะผู้พิทักษ์ที่ดีที่สุดของสถาบัน
นายพลเผด็จการ ได้จำคุกผุ้ทีวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ไปหลายสิบราย
และในปีนี้ มีการใช้จ่าย 540 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่างบประมาณทั้งหมด
ของกระทรวงการต่างประเทศเสียอีก ในแคมเปญ ปกป้องและรักษาสถาบันกษัตริย์."
แคมเปญโฆษณาทางโทรทัศน์รวมถึงการสัมมนาในโรงเรียนและในเรือนจำ, 
การแข่งขันการร้องเพลงและการแข่งเขียนนิยายเรื่องสั้นและทำหนังสั้น
ยกย่องกษัตริย์ ทหารยังสร้างรูปปั้นยักษ์ของกษัตริย์ในอดีตทีหัวหิน 
แต่ออกข่าวว่า เป็นเงินบริจาคทีใช้ในการสร้าง..
"นี่ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ" ประยุทธ ผู้นำของรัฐบาลเผด็จการทหาร่กล่าว
"เยาวชนต้องศึกษาในสิ่งที่พระมหากษัตริย์ได้ทำ."
ในเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องแปลก ที่เผด็จการทหารกระตือรือร้น
ที่จะโปรโมทชือเสียงของ วชิราลงกรณ์ นายประยุทธใช้เวลากับ
มกุฎราชกุมารขี่จักรยานท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ พร้อมกับถ่ายทอดสดทั่วประเทศ
เพื่อแสดงความเคารพต่อสิริกิติ์ มารดาผู้มีสุขภาพย่ำแย่เหมือนภูมิพล
สิริกิตต์ เคย ให้สัมภาษณ์ว่า วชิราลงกรณ์ เป้นเด็ก, แข็งแรงและเป็นพ่อที่ทุ่มเท, 
และเจ้าชู้เหมือน ดอนฮวน
นายกษิต กล่าวว่าการขี่จักรยานเป็น "จุดเปลี่ยน" สำหรับวชิราลงกรณ์
"ไม่มีข้อสงสัยเลยในหมู่ทหาร ว่าใครจะได้เป็นกษัตริย์คนต่อไปของไทย"
การสนับสนุนวชิราลงกรณ์ ของทหาร 
ซึ่งในเวลาปกติ ทหารก็เป็นพันธมิตรของกษัตริย์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน
เพราะกษัตริย์ เป็น จอมพล ของกองทัพ และเป็นผู้เซ็นต์รับรองรัฐประหาร
นักวิจารณ์กล่าวว่าทหารและเหล่าอีลิตในกรุงเทพฯ กอดกษัตริย์ไว้เพื่อ
ที่จะหนุนอำนาจของตัวเอง
ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ถูกยกเลิกในประเทศไทยในปี 1932 
แต่ ภูมิพล ได้รับการปฏิบัติเช่น เทพเจ้า
ตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1946 สถาบันกษัตริย์ได้เติบโตขึ้นเป็น
ป้อมปราการของ อำนาจและความมั่งคั่ง สำหรับผู้แวดล้อม
พิธีกรรมที่เคยถูกยกเลิก ถูกนำกลับมาใหม่ หมอบกราบเหมือนสัตว์ไร้กระดูกสันหลัง
ต่อหน้ากษัตริย์ ถูกฟื้นขึ้นมาในช่วงสมัยของภูมิพล 
การที่ประชาชนต้องเรียกตัวเองว่าเป็น "ฝุ่นใต้ฝ่าเท้าของท่าน"
ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏกายในที่สาธารณะเพราะุความเจ็บป่วยข
แต่ภาพของเขา มีติดอยู่ทั่วไปในประเทศ ไม่ว่าจะอาคารของรัฐบาล
ทางเข้าสนามบิน สำนักงานเอกชนและโรงเรียน
ในประเทศที่มีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยน้อยกว่า $ 9,000 ต่อปี
แต่ภูมิพล กลับมีฐานะร่ำรวยชนิดว่า นับได้ไม่ครบ 
แค่ทรัพย์สิน ที่เปิดเผย ในการถือครองของสำนักงานทรัพย์สิน
ก็มีมากกว่า สามหมื่นเจ็ดพันล้านดอลล่าร์ 
หรือราว หนึ่งล้านสามแสนสามหมื่นสองพันล้านบาท 
(1,332,000,000,000 บาท)
ซึ่งมีผลประโยชน์ตอบแทนในแต่ละปี เป็นเงินหลายร้อยล้านดอลล่าร์ า
ตามกฎหมายไทย สามารถใช้เงินนี้้ได้ "ตามใจกษัตริย์ . "
ทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจที่หันมาเป็นนักการเมือง ได้รับความนิยม
และมีอิทธิพล ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อ กษัตริย์ ในกรุงเทพฯ
ทหารได้ยึดอำนาจทักษิณในปี 2006 และล้มล้างรัฐบาลที่นำโดยน้องสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง
อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ 
จนทำให้ กษัตริย์ ต้องหันไปยืนหลังทหารในการรัฐประหารทั้ง สองครั้ง
เผด็จการทหารไทย ได้ใช้วิธี จัดการยัดข้อหาให้ทักษิณ และยิ่งลักษณ์
ไล่ปิดปากคนวิจารณ์ จำคุกคนเห็นต่าง รวมถึง อดีตคณะรัฐมนตรีรัฐบาลที่แล้ว
แต่การทำให้ประเทศ เห็นเหมือน ๆ กัน ยังคงเป็นความท้าทายที่เร่งด่วนที่สุด
สำหรับทั้งรัฐบาลเผด็จการทหารและกษัตริย์ในอนาคต
การสืบต่อบัลลังก์ครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดจบ หรืออาจจะเป็นโอกาสก็ได้
"สถานการณ์ของสถาบันกษัตริย์ไทยจะไม่อยู่เช่นนี้นานนัก"
ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ เรื่องสถาบันกษัตริย์เขียนไว้ในโพสต์ที่ Facebook 
เมื่อเดือนธันวาคม "มีสองตัวเลือกสำหรับอนาคต 
อย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเปลี่ยนระบอบที่ทันสมัยเช่นในยุโรปหรือญี่ปุ่น
หรือไม่เปลี่ยนและกลายเป็นแตกหักจนกลายเป็นสาธารณรัฐ..
[9/22/15, 3:52:05 PM] superredheart: ไม่มีทางเลือกที่สาม. "
บางคนก็ยก เรื่องที่่ จุฬาลงกรณ์ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงลูกชาย
สรุปเรื่องที่จำเป็นสำหรับกษัตริย์
"จะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและหลีกเลี่ยงการแก้แค้น" เขาแนะนำ 
"การเป็นกษัตริย์ไม่ได้หมายถึงความร่ำรวย มันหมายถึงการไม่ได้กลั่นแกล้งคนอื่น ๆ . "
ความล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ อาจนำไปสู่การที่
"ครอบครัวของเราจะหายไป." จุฬาลงกรณ์สรุป

No comments:

Post a Comment