Saturday, August 27, 2016

สดๆ ร้อน ๆ!! 26-08-16 หม่อมใหม่ของพระบรมฯ ได้รับพระราชทานยศ "พลโทหญิง” ส่วนเมียเก่า...ไร้ข่าว เหมือนสาปสูญ!!








ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ


มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา 

เสนาธิการหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลตรี) เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษสํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ 

ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 


ทั้งนี้ หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๒๖ ข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารชั้นนายพล 

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศ พลโทหญิง ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา 

วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ 


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

นายกรัฐมนตรี



ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

กระเป๋าดำ ขำกลิ้ง!! ภาพลักษณ์ชายมุสลิม

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง 

https://youtu.be/oYPnk9opEoA

https://youtu.be/BrDG-nUSu7k

https://youtu.be/x9rYyj3N3EU




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


Friday, August 26, 2016

ภาพดา ตอร์ปิโด ออกคุก เช้าวันนี้ 27 ส.ค. 59



หนี้บาปนี้ กับเกือบสิบปีที่หายไป ใครรับใช้ให้เธอได้บ้าง???

แต่ก็ยินดีด้วยกับครอบครัวและคนรอบตัวคุณดาครับ 

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน 

https://youtu.be/bz6M8mfcTEo

https://youtu.be/QBWMVFiNF1Q

https://youtu.be/m8HyD3hMOVo




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ขวัญชัย วรสูตร นักชกผู้ชกเอาเปรม ติณสูลานนท์ ก้นจ้ำเบ้า เลือดทะลักอาบหน้า!!!

นักชกประวัติศาสตร์ ซึ่งมีนามเรียกขานกันว่า ขวัญชัย วรสูตร อายุ 27 ปีนักศึกษาหนุ่ม จากคณะรัฐศาสตร์ ปี 4  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เวลาราว 16.00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2528 เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เขาทิ้งหมัดขวาตรงสุดแรงหมัดเดียว เข้าเต็มหน้า อำมาตย์ใหญ่ ที่ชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

อำมาตย์เปรมหงายตึงและทรุดลงกับที่นั่งประธานบนอัฒจรรย์ สนามกีฬาหัวหมาก ขณะที่กำลังนั่งชมฟุตบอลคู่ชิงชนะเลิศ ในวันพิธีปิดกีฬามหาวิทยาลัย

แผลแตกลึกที่ดั้งจมูกยาวเกือบ 2 เซนติเมตร เลือดทะลักอาบหน้า!

นักชกหนุ่มมือสมัครเล่น ขวัญชัย วรสูตร ยังยืนชี้หน้าอำมาตย์และตะคอกสำทับด้วยวาจาว่า "หมั่นไส้มานานแล้ว!" และคำสบถตามมาอีกหลายประโยค

อำมาตย์เปรมตะโกนติดสำเนียงใต้ว่า"อย่าให้มันฉกกู๋" แล้วเรียกลูกน้องและผู้อารักขาเข้ามาช่วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 3-4 คน เมื่อหายตะลึง ก็รีบพากันกรูกันเข้ามารุมล๊อคตัว สับกุญแจมือไขว้หลังเอาไว้ในนาทีถัดมา โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่น้อย

หลังจากชกหมัดขวาหมัดเดียวเข้าเต็มๆ หน้าอำมาตย์เปรม ขวัญชัย วรสูตร ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมให้ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านั้น และเขาก็ไม่ได้พยายามต่อสู้หรือหลบหนีการจับกุมแต่อย่างใด

แน่นอนที่สุด นี่เป็นความตั้งใจและได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี

ขวัญชัย วรสูตร ขอชกแบบจะๆ เพียงหมัดเดียว แล้วก็ยืนดูอย่างไม่สะทกสะท้านอันใด

พ.ต.ท.สวง มีแทน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ต้องรีบเรียกหน่วยพยาบาล ช่วยกันหามอำมาตย์เปรมซึ่งขณะนั้นก็มีอายุปาเข้าไป 65 ปีแล้ว รีบนำตัวส่งไปเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎในทันที

รายงานของคณะแพทย์ปรากฎว่า บาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกล้ามเนื้อของจมูก ดั้งจมูกแตก ลึกเป็น 3-4 แฉก คณะแพทย์ต้องระดมตรวจเช็คด้วยเครื่องมืออุปกรณ์โดยละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกระทบกระเทือนไปถึงสมองและส่วนอื่นๆ ของศีรษะ

รองศาสตาจารย์สุขุม นวลสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในขณะนั้น ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งในวันรุ่งขึ้นทันที เพื่อรับผิดชอบที่นักศึกษาในสถาบันของตนได้ก่อเหตุชกหน้านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาอธิการบดีด้วยซ้ำ

อำมาตย์เปรมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถออกมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อได้

ต่อมา ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยอมรับภายหลังเหตุการณ์ ว่า "ป๋าเห็นดาวเลยละลูกเอ๋ย..." 

เด็กหนุ่มนักศึกษารามฯ ขวัญชัย วรสูตร มีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพ บ้านอยู่ในซอยสุสาน แถวเขตบางรัก ได้สร้างวีรกรรมไว้จนเป็นที่สะใจไม่น้อย สำหรับคนรักประชาธิปไตยในยุคนั้น

เพราะอำมาตย์เปรมขณะนั้น นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากว่า 5 ปี ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ อำมาตย์เปรมถูกสังคมตำหนิว่าขึ้นมามีอำนาจโดยใช้กองทัพหนุนและไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง

ไม่น่าเชื่อว่าชื่อ ขวัญชัย วรสูตร จะกลายเป็นที่กล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 ทศวรรษครึ่ง มาถึงเวทีของคนเสื้อแดงในวันนี้

ขณะที่เรียนหนังสืออยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ใกล้จะเรียนจบเป็นบัณฑิตทางรัฐศาสตร์อยู่แล้ว แต่ทำไม ขวัญชัย วรสูตร เลือกที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ ด้วยความพยายามที่จะสื่อสารและบอกกล่าวให้ผู้คนในสังคมไทย รับรู้ถึงตัวตนของอำมาตย์เปรมที่แท้จริง

ขณะนั้นเขามิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า เส้นทางชีวิตของเขาจะผกผันหันไปสู่เส้นทางอำมหิต กระทั่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความตายที่น่าสยดสยองของเขา ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา

การแสดงออกด้วยความรุนแรง แม้เพียงการเข้าทำร้ายแบบมือเปล่าที่ ขวัญชัย วรสูตร ได้ก่อเหตุขึ้นนั้น ในมุมมองของสังคมไทยโดยทั่วไปอาจจะรับไม่ได้

แต่ในเชิงสัญญลักษณ์แล้ว กล่าวได้ว่า เขาทำได้สำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ และเสียสละที่จะดำเนินการด้วยตนเองเพียงคนเดียว ภายใต้ขอบเขตที่เขาควบคุมระดับของความรุนแรงไว้ เป็นไปตามที่ได้วางงานมาเป็นอย่างดี

สังเกตุได้จากการที่เขาไม่ใช้อาวุธใดๆ ทั้งๆ  ที่รู้อยู่ว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของอำมาตย์เปรมหละหลวมมาก เขาตั้งใจเพียงการชกหน้าอำมาตย์เปรมหมัดเดียว แล้วยืนดูไม่เข้าไปทำร้ายซ้ำเติม อีกทั้งไม่ขัดขืน ไม่ต่อสู้ และให้ความร่วมมือในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตลอดจนการรับสารภาพในการกระทำความผิดแต่โดยดี เพื่อให้การดำเนินคดีราบรื่นไปจนคดีถึงที่สุดโดยเร็ว และเขาก็น้อมรับการลงโทษสั่งจำคุก 3 เดือนโดยคำพิพากษาของศาล ว่าไปตามกบิลเมืองอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

ไม่น่าเชื่อเลยว่านับจากวันนั้น ขวัญชัย วรสูตร ก็ได้กลับกลายผู้ถูกกระทำเข้าบ้าง ตกเป็นเหยื่ออำนาจอธรรม เหยื่อของความรุนแรงเสียยิ่งกว่า ป่าเถื่อนยิ่งกว่านับแสนนับล้านเท่า

ในที่สุด มนุษย์ใจบาปได้พกความอาฆาตพยาบาท แม้ว่าได้จองจำเขาไว้ในคุกแล้ว ก็ยังตามไล่ล่าเอาชีวิตและไล่ล่าเอาวิญญาณของเขา ด้วยน้ำมือของฆาตรกรเลือดเย็น

เขาถูกหาว่าเป็นคนวิกลจริต ถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า ไปตรวจสภาพความบกพร่องทางสมอง หรือจะโดนกระทำอะไรต่อมิอะไรในสถานที่เหล่านั้นเพิ่มก็ไม่มีใครทราบได้

ขวัญชัย วรสูตร ถูกรุมจับกดน้ำตาย เป็นข่าวเล็กๆ ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินเกี่ยวกับเขา ในไม่กี่วันหลังจากศาลสั่งจำคุก

ต้องประณามว่า นี่มันเป็นพฤติกรรมของสัตว์นรก ที่มีจิตใจอำมหิตเกินกว่าปุถุชนทั่วไปจะกระทำต่อกัน

ในสงครามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงยามนี้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ในวันนี้ของ ขวัญชัย วรสูตร จะมีอายุ 52 ปีเต็ม

เชื่อมั่นได้เลยว่า รัฐศาสตร์บัณฑิตในวัยหนุ่มใหญ่คนนี้ ย่อมจะต้องเลือกยืนอยู่เคียงข้างกับคนเสื้อแดงในทุกสมรภูมิรบ เพื่อเรียกหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตยเต็มใบ

ในยามนี้ เพื่อกระตุ้นเตือนและระลึกถึงจิตใจที่กล้าเสียสละ กล้าต่อสู้ ของหมู่มิตรสหายคนเสื้อแดง ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตไปในหลายเหตุการณ์ ของการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย

จึงอยากจะให้เราน้อมจิตใจเพื่อรำลึกถึง  1 ในผองเพื่อนผู้ล่วงลับจำนวนมาก ในบรรดาผู้โดยสารขบวนรถไฟสายประชาธิปไตย

ร่วมคารวะดวงวิญญาณ ขวัญชัย วรสูตร ผู้ล่วงลับ แม้เขาจะได้ตายจากไปยี่สิบกว่าปีแล้ว

กระดูกร้องไห้ ถามหาความยุติธรรม อย่างสำนวนไทยที่คนโบราณว่าไว้ ให้ผู้ใดก็ตามที่มันก่อกรรมทำเข็ญกับบ้านเมืองได้พึงสังวรไว้...

อ้างอิง

Thursday, August 25, 2016

"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"

รำคาญควายมันบอกว่า ผู้นำที่มาต้องสง่างาม
􂀁􀆧laugh� 􀰂􀇦idiot�􂀁􀆜laugh�

โขมยยึดอำนาจมาเป็นนายก
ด้านหน้าโกหก ผงกหัวพล่าม
"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"
Shit!!ไม่ดูความ เป็นมา หนังหน้าตัว

สง่าจริ้ง!วิ่งราวเอาตำแหน่ง
ถือปืนแย่งจากผู้หญิงยิ่งสุดชั่ว
ชาติคางคกได้ขึ้นวอก็เมามัว
ยกหางหัวถ่มถุยอวดคุยโว

ต้องที่มาสง่างามตามแบบฉบับ
ขู่บังคับตวาดเถียงเสียงโมโห
ถ่อยสถุนทุกวันเมามันส์โชว์
สวะโง่!อวดรบผักตบชวา

เห่าพร่ำย้ำบทเคารพกฎหมาย
เก็บไว้สอนฝูงควายให้กินหญ้า..(เถอะวะ!!)
ตัวเอ็งทรยศ ฉีกกฏ-กติกา
ถุยส์!สง่าหมาไม่แดรกแหกปากคุย

ต้องที่มาสง่างามตามเสต็ป(step)
สยามเห็บเกาะหมาขี้เรื้อนยุ่ย
ผู้นำห่วยหลงคอกหลอกฝูงทุย
คิดชั่วชุ่ยอำนาจปืนจะยืนยง

โขมยยึดเสนอหน้าเป็นนายก
นั่งทับขี้สกปรกนรกส่ง
เหม็นทั้งตัวชั่วเน่าถึงเผ่าพงศ์
อำนาจหลงจมสำลักปลักขี้ควาย

Ngaesai 25/8/1

วัฒนา ไม่เห็นด้วย กับการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.

วันนี้ (26 ส.ค.) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนาตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเห็นทางการเมืองระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจของพล.อ.ประยุทะ์ จันทร์ดอชา นายกรัฐมนตรี ในการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. โดยระบุว่า "พอเถอะ มาตรา 44"ผมไม่เห็นด้วยกับการที่หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่ 50/2559 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะมีข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดแต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวขัดต่อหลักนิติธรรม กล่าวคือ (1) กระบวนการได้มาซึ่งอำนาจไม่ชอบ เพราะได้มาจากการยึดอำนาจ (2) ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจ อีกทั้งผู้ใช้อำนาจไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมีมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญนิรโทษกรรมล่วงหน้าไว้จึงไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกใช้อำนาจ (3) ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะการที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว อำนาจทั้งหลายที่มาจากเผด็จการสมควรจะถูกยกเลิกทั้งหมด (4) ประเทศไทยมีกฎหมายที่ใช้บังคับกับกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติ การใช้อำนาจพิเศษที่นอกจากจะขัดต่อหลักนิติธรรมแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานที่ผิดให้กับรัฐบาลหน้าที่ไม่มีอำนาจดังกล่าว หากเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีข้อบกพร่องก็ควรแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ใช้บังคับอย่างเสมอภาคการใช้อำนาจจะต้องอยู่บนหลักนิติธรรม จึงจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายรวมทั้งฝ่ายที่ถูกลงโทษตามกฎหมายนั้นด้วย หาไม่แล้วการลงโทษดังกล่าวจะไม่สร้างการยอมรับเพราะขาดหัวใจสำคัญคือ ความชอบธรรม (legitimacy) และหลักนิติธรรม (rule of law) ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของผมและพรรคเพื่อไทย แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจพิเศษดังกล่าว ผมจึงขอประณามและขอเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้อำนาจที่ขัดต่อหลักนิติธรรม ได้แก่ บรรดาประกาศหรือคำสั่งของ คสช. การใช้อำนาจตามมาตรา 44 และการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร ขอให้ปฏิบัติกับทุกฝ่ายให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่สิทธิของท่านในอันที่จะพูดนั้น ข้าพเจ้าขอปกป้องไว้ด้วยชีวิต (I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it) / Evelyn Beatrice Hall/ "The Friends of Voltaire" (1906)

กระทรวงต่างประเทศ ของรัฐบาลโจร ได้ชี้แจงต่อโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อย่างไร?

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้



ข่าวสารนิเทศ : ความเห็นต่อข่าวสารนิเทศของโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้

 

1. ประเทศไทยให้ความสาคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักปฏิบัติสากล โดยเชื่อว่าสิทธิดังกล่าวเป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี  รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและการป้องกันความแตกแยกในสังคมเฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชาติ และนำสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน 

 

2. เกี่ยวกับการพิจารณาคดีโดยศาลทหาร นั้น ผู้ต้องหาที่ถูกพิจารณาคดีภายใต้ศาลทหารจะได้รับการประกันสิทธิไม่แตกต่างจากการพิจารณาคดีภายใต้ศาลพลเรือน และตามที่ระบุในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา เช่น สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมและเปิดเผย สิทธิในการได้รับคำปรึกษาด้านกฎหมายและว่าความโดยทนาย สิทธิในการประกันตัว นอกจากนี้ กระบวนการยุติธรรมภายใต้ศาลทหารมีความโปร่งใส ดังจะเห็นได้จากการที่ ญาติผู้ต้องหา ภาคประชาสังคม กลุ่มพิทักษ์สิทธิ และผู้แทนคณะทูตสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้

 

3. การออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นไปอย่างโปร่งใสและบริสุทธิ์ยุติธรรมตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติของอารยประเทศ และสอดคล้องกับขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมผ่านการรับฟังความคิดเห็นและการจัดสัมมนาและอภิปรายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การอภิปรายทางโทรทัศน์ การจัดเสวนาในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ  นอกจากนั้น ในช่วงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนการออกเสียงประชามติ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย ดังเห็นได้จากการที่นักการเมืองที่มีชื่อเสียง นักวิชาการจาก 43 องค์กร และสื่อมวลชนแนวหน้าต่าง ๆ สามารถวิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย แต่สำหรับผู้ที่ตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมายและก่อความไม่สงบก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

 

4. รัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่าการนำพาประเทศกลับสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความยั่งยืน โดยยึดมั่นดำเนินการตาม Roadmap ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2560 ทั้งนี้   การที่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในการออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 สะท้อนถึงการยอมรับ Roadmap ของรัฐบาลด้วย โดยแม้แต่ผู้ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญก็ได้ยอมรับผลการออกเสียงประชามติในเวลาต่อมา ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทย เหมือนดังเช่นที่ควรเคารพเสียงของประชาชนในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมต่อไป


19 ส.ค. 2559 22:11:09 / อัพเดต : 19 ส.ค. 2559 22:27:26 / เรียกดู 644 ครั้ง

ประวิทย์ พ่ายเปรมและสุรยุทธ์... ยอมงอ ไม่ยอมหัก!!! ส่งคนของอำมาตย์เฒ่าขึ้นแท่น ผบ.ทบ.

นายกฯทูลเกล้าโผตั้งนายทหาร 'บิ๊กเจี๊ยบ'ผบ.ทบ.-'บิ๊กแดง'ทัพ1




เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 

ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 
ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. 
พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 
และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)
ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 

สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโทผู้สื่อข่าวรายงานว่า 

สำหรับสาเหตุที่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรมให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนนายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเองมีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากในฐานะดูแลความมั่นคง สามารถสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องหาคนที่มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้นายกฯตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เชื่อว่ามีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทนด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.

สายสัมพันธ์พระเทพ กับจีน ยิ่งใกล้เปลี่ยนรัชกาล ยิ่งกระชับ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และนายพิริยะ เข็มพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและจีน

          จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์สือเจียหูท่ง (Shijia Hutong Museum) และพิพิธภัณฑ์การละครคณะละครประชาชนกรุงปักกิ่ง (Beijing People's Art Theater) ต่อมา เวลา ๑๗.๐๕ น. ประทับเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี ๖๑๕ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติกรุงเทพมหานคร

          สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและความเข้าใจอันดีในทุกด้านระหว่างไทยกับจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระราชกรณียกิจของพระองค์เป็นที่ชื่นชมและโสมนัสแก่พสกนิกรทั้งชาวไทยและจีน ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ นี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ

          นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายธีรกุลฯ ได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธีทำบุญอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ โดยนิมนต์คณะสงฆ์จำนวน ๙ รูปจากไทยนำโดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประกอบพิธีสงฆ์และประพรมน้ำมนต์ผู้มาร่วมพิธีและอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ ทั่วทั้งอาคารเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการรผู้ปฏิบัติงาน จากนั้น เวลา ๑๔.๐๐ น. มหาราชครูพิธีวิสุทธิคุณ พระราชครูวามเทพมุณี พราหมณ์ราชสำนักและประธานพระครูพราหมณ์ ได้ประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาอารักษ์เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ความสำเร็จลุล่วงของงานและผู้ปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่ง อาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ มีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๘๒.๒๕ ตารางวา เป็นอาคาร ๕ ชั้น ประกอบด้วย สถานที่ทำการ ๓ ชั้น และที่จอดรถใต้ดิน ๒ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๙,๙๖๙ ตารางเมตร เป็นที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และส่วนราชการไทยในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนไทยในประเทศจีน รวมถึงชาวจีน สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานราชการของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น 

23 ส.ค. 2559 ภาพข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ





เบรก”บูรพาพยัคฆ์” ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พลิกโผผงาด ขึ้น ผบ.ทบ.-‘บิ๊กแดง’แม่ทัพภาค1

เบรก"บูรพาพยัคฆ์" 'บิ๊กเจี๊ยบ'พลิกโผผงาด ขึ้น ผบ.ทบ.-'บิ๊กแดง'แม่ทัพภาค1

วีรกรรมที่ทำไว้กับคนเสื้อแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ชมคลิป)

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 24 สิงหาคม ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)

ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรมให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนนายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเองมีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากในฐานะดูแลความมั่นคง สามารถสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องหาคนที่มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้นายกฯตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เชื่อว่ามีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้

ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหาร

ขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทน

ด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.

ดร. เพียงดิน รักไทย 25 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้าได้อย่างไร? ตอน 2 ชัยชนะประชาชน คืออะไร?


ดร. เพียงดิน รักไทย 25 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้าได้อย่างไร? ตอน 2 ชัยชนะประชาชน คืออะไร? 

https://youtu.be/4qp4g-9ZLKc      

https://youtu.be/G8nBWnQ8RGY      

https://youtu.be/tkrUzmMHGPA      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


Wednesday, August 24, 2016

ข่าวกอท.เสรีไทย:25สค.59 *ตั้งทหาร:วิกฤติไทยไม่มีวันจบ*

ข่าวกอท.เสรีไทย:25สค.59
*ตั้งทหาร:วิกฤติไทยไม่มีวันจบ*

1)กองทัพไทยได้เวลาโชว์มหกรรม"หั่นกัดเกีย"โดยใช้ความสงบสุขของประชาชนเป็นเครื่องเซ่นสังเวย:ติดตามทหารสายใครจะได้เป็นผบ.ทบ.

2)นสพ.มติชน:บทวิเคราะห์ประลองกำลังระหว่างพลังเปรมกับประวิทในมหกรรม"หั่นกัดเกีย":พลเอกพิสิทธิ์(แกละ)VSพลเอกเฉลิมชัย(เจี๊ยบ)ใครจะเป็นผบ.ทบ.

3)นสพ.ไทยรัฐ:ระเบิด17จุดใต้ได้ผล,พลิกโผผบ.ทบ.สำเร็จ,จับตาเกมส์พลิก

4)ทหารไทยที่ทำตัวไม่ต่างกับโจรวันนี้จะมีหน้าสู้กับโจรได้หรือ?:คสช.ที่มีระบบคิดคับแคบกดขี่ประชาชนสร้างความอยุติธรรมทั่วแผ่นดินต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มมาราปัตตานีที่ถูกขนานนามว่า'โจรแบ่งแยกดินแดน'ปรากฎตัวแถลงข่าวเปิดเผยกลางกรุงกัวลาลำเปอ,มาเลเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรก

5)ดูอาการประยุทธ์หัวหน้าโจรปล้นประชาธิปไตยเมื่อพูดถึงกลุ่มมาราปัตตานีแล้วน่าเป็นห่วงประเทศไทยภายใต้อำนาจราชสำนัก

6)อีกคลิปที่ประยุทธหัวหน้าโจรพูดถึงคนไทยด้วยกันด้วยคำเหยียดหยามว่า"ไอ้ลูกหมา"พูดกับนักศึกษาที่จ.ร้อยเอ็ดทั้งๆที่มีสงครามใต้ประชิดเมือง...น่าเเศร้าใจ

7)วิกฤติกองทัพไทยที่ไม่เคยสนใจประชาชน:ย้อนรอยแม้แต่รัฐบาลจากการรัฐประหารแท้ๆก็เกือบไม่รอด,ยุคสุรยุทธ์ จุลนนท์,การชิงผบ.ทบ.ระหว่างอนุพงษ์กับสะพรั่งก็เกือบเกิดรปห.ซ้อน

8)หลักฐานเฒ่ากาลีเปรมแทรกแซงเตรียมชิงอำนาจในกองทัพเฮือกสุดท้ายก่อนลาโลก:ข่าว11สิงหา59พลเอกประวิทประกาศจัดโผผู้นำเหล่าทัพเสร็จแล้วพร้อมทูลเกล้า,22สค.59เปรมประกาศปิดบ้านงดอวยพรวันเกิด,ข่าวโผรายชื่อผบ.ทบ.ถูกจัดใหม่ผลิกกลับ

9)เปรมอีกแล้ว:ใช้ฐานันดรศักดิ์อิงกษัตริย์สร้างอำนาจให้ตัวเองด้วยวิธีการสร้างความขัดแย้งให้ทุกฝ่ายต้องมาสวามิภักดิ์,จนทุกวงการปั่นป่วน,ล่าสุดพลเอกเปรมทำท่าเดี่ยวเปียโนแสดงบารมีเป็นศูนย์กลางทหารอยู่เหนือพลเอกประวิทและคสช.และให้คู่แข่งผบ.ทบ.ทั้ง2คนเข้าเฝ้าใกล้ชิดเลียนแบบในหลวง
-------------------------
*มันส์ส์แน่ๆคืนนี้25สิงหาสามทุ่มเวลาไทย,เมื่อสส.ดร.สุนัยจะเปิดโปงประวัติการแทรกแซงโผโยกย้ายทหารของพลเอกเปรม,ขณะนี้ในหลวงประชวรหนักเปรมยังจะอ้างใคร,ในรายการเกาะติดคิดทันข่าว,หัวข้อ

"ผบ.ทบ.ต่อรองแรงแซงโค้งด้วยเสียงระเบิด:ความล้าหลังของระบอบไทยที่ไม่ยอมปฏิรูป"
หรือฟังสดตรงที่เวป 
(แชร์ข่าวตาสว่างคืองานต้านเผด็จการร่วมกัน)

Thailand: Insurgents Target Civilians in South Systematic Bombings Possible Crimes Against Humanity



For Immediate Release


Thailand: Insurgents Target Civilians in South
Systematic Bombings Possible Crimes Against Humanity

(New York, August 25, 2016) – Separatist insurgents in Thailand's southern border provinces have committed an apparent series of bombings against civilians that may amount to crimes against humanity, Human Rights Watch said today.

Insurgents detonated two bombs on August 23, 2016, following multiple bomb and arson attacks on August 11 and 12. At about 10:40 p.m. on August 23, a bomb detonated at Southern View Hotel in downtown Pattani province. The explosion caused no casualties but drove panicked people to run to a nearby carpark. A second, larger bomb hidden in a hospital ambulance about 40 to 50 meters away exploded at about 11 p.m. One woman, Oraphan Sriuenhat, who worked at a food shop in front of the hotel, was killed. At least 30 people in the heavily populated area were injured. The hotel, shops, and homes were damaged by the blast.

"The renewed bombings by Thailand's separatists show incredible depravity towards civilians," said Brad Adams, Asia director at Human Rights Watch. "Such attacks are war crimes, but the apparent planning behind them suggests crimes against humanity."

The recent bombings used methods of attack long employed by armed separatist groups in predominantly ethnic Malay Muslim areas of southern Thailand, Human Rights Watch said. A police investigation also found evidence strongly suggesting that separatist groups were responsible for a string of explosions and arson attacks in seven tourist towns on August 11 and 12, that killed 4 civilians and wounded 35 others. Taken together, these attacks indicate a deliberate plan to attack and kill civilians that amount to crimes against humanity, Human Rights Watch said.

Crimes against humanity consist of specific criminal acts committed on a widespread or systematic basis as part of an "attack on a civilian population," meaning there is some degree of planning or policy to commit the crimes. Such acts include murder and "other inhumane acts of a similar character intentionally causing great suffering or serious injury to body or to mental or physical health." International law protects "any" civilian population from attack, and there is no requirement that the victims are linked to any particular side of an armed conflict.

Liability for crimes against humanity is not limited to those who carry out the acts, but also includes those who order, assist, or are otherwise complicit in the crimes. Under the principle of command responsibility, government or armed group leaders can be held criminally responsible for crimes committed by their subordinates when they knew or should have known that such crimes were being committed, but failed to take reasonable measures to stop them.

Since the escalation of their armed attacks in January 2004, insurgents from the loose network of the BRN-Coordinate (Barisan Revolusi Nasional-Coordinate) separatist group have committed numerous violations of the laws of war. Of the more than 6,000 people killed in the ongoing conflict, about 90 percent have been civilians from the populations of ethnic Thai Buddhists and ethnic Malay Muslims in the provinces of Pattani, Yala, Narathiwat, and Songkhla.

Although the insurgents have suffered major setbacks from recent government security sweeps, they still maintain a presence in hundreds of ethnic Malay Muslim villages. To recruit new members and justify acts of violence, insurgents point to abusive, heavy-handed tactics by government security forces.

However, there is no legal justification or acceptable rationale to claims by insurgents that attacks on civilians are legitimate because the targets are part of the Thai Buddhist state or because their interpretation of Islamic law permits such attacks. The laws of war, applicable to the armed conflict in Thailand's southern border provinces, strictly prohibit attacks on civilians and civilian structures not being used for military purposes. Individuals who either order or deliberately carry out such attacks are responsible for war crimes, Human Rights Watch said.

Human Rights Watch also remains deeply concerned by violations of international human rights law and the laws of war by Thai government security forces and militias. Killings, enforced disappearances, and torture cannot be justified as reprisals for insurgent attacks on the Thai Buddhist population and security personnel. This situation has been reinforced by an entrenched culture of impunity for human rights violations by officials in the southern border provinces. The government has yet to successfully prosecute any officials for human rights abuses against ethnic Malay Muslims alleged to be involved in the insurgency.

"The Thai government needs to respond to these brutal attacks by upholding the rule of law, ending abuses by its own security forces, and addressing long-held grievances in the ethnic Malay Muslim community," Adams said. "If the government continues to shield its troops from criminal responsibility, it will only add fuel to the flames of extremist violence."

For more Human Rights Watch reporting on Thailand, please visit:

http://www.hrw.org/thailand

For more information, please contact:

In Bangkok, Sunai Phasuk (English, Thai): +66-81-632-3052 (mobile); or phasuks@hrw.org. Twitter: @SunaiBKK 

In San Francisco, Brad Adams (English): +1-347-463-3531 (mobile); or adamsb@hrw.org. Twitter: @BradAdamsHRW

In Washington, DC, John Sifton (English): +1-646-479-2499 (mobile); or siftonj@hrw.org. Twitter: @johnsifton


https://www.hrw.org/news/2016/08/25/thailand-insurgents-target-civilians-south 

 

เรื่องกาแฟโบราณ ใส่นมด้านล่าง

เรื่องกาแฟโบราณ ใส่นมด้านล่าง
  สมัยก่อน ในตอนเช้า คุณลุงคุณป้า มักจะชอบ ไปนั่งจิบกาแฟ กับปาท่องโก๋ แถวๆ ร้านกาแฟ หน้าปากซอย เราเรียกชุมนุมย่อยๆ นี้ว่า "สภากาแฟ" 

  กาแฟโบราณนั้น มีเอกลักษณ์ อยู่อย่างหนึ่งคือ จะใส่นมข้นหวาน ไว้ด้านล่าง แล้วเทน้ำกาแฟ ลงไปด้านบน ถ้าใครชอบหวานมาก ก็ตีนมด้านล่าง ให้ผสมกับเนื้อกาแฟ แต่บางคน ที่ไม่ชอบหวาน ก็อาจจะดื่ม โดยที่ไม่ต้องคนเลย

  ทีนี้ เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่ง คุณลุงคนหนึ่ง ก็ไปนั่งจิบกาแฟ ที่สภากาแฟ พอดีหลานสาว เจ้าของร้าน อยู่ในช่วงปิดเทอม จึงมาช่วยยาย ขายกาแฟ พอหลาน ยกกาแฟมาเสริฟ คุณลุงก็พูดขึ้นว่า นมน้อยจัง

  หลานสาว ก็เขินอาย ตอบกลับไป เสียงเบาๆ ว่า เพิ่งขึ้นค่ะ

  ยายได้ยินดังนั้น ก็ทุบโต๊ะดัง ปัง!! แล้วตะโกนว่า เพิ่งขึ้นที่ไหนกัน ขึ้นมาตั้ง สองเดือนแล้ว!!

  สรุปว่า ลุงพูดถึง นมในแก้วกาแฟ ส่วนหลานสาวพูดถึง หน้าอกของตัวเอง ส่วนยายหมายถึง ราคานม ที่ปรับราคาขึ้น

  เรื่องนี้ เป็นเรื่องเล่าขำๆ จากต่วยตูนที่เล่าต่อๆ กันมา แต่ในความตลกนั้น ถ้าพิจารณาดีๆ จะเห็นว่า

  คนเราอาจพูดกัน คนละเรื่อง ทั้งๆ ที่ คิดว่า กำลังพูดเรื่องเดียวกัน ความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อน อาจเกิดจาก "สถานภาพที่ต่างกัน" เช่น คนหนึ่ง กำลังพิจารณา กาแฟในแก้ว อีกคนหนึ่ง กำลังกังวล เรื่องความเปลี่ยนแปลง ในร่างกาย ของตนเอง และอีกคนหนึ่ง กำลัง กังวล เรื่องกำไรขาดทุน

  ดังนั้น ความเข้าใจผิด เกิดขึ้นได้ แม้จะ กำลังพูด ภาษาเดียวกัน นั่งพูดกัน ตัวต่อตัว และ ไม่มีใครมีเจตนา บิดเบือนข้อมูล นี่เป็นตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าความเข้าใจผิด เกิดขึ้นได้ง่ายเพียงใด

  การสื่อสารในองค์กร ก็เช่นเดียวกัน หากขาดความระมัดระวัง เราก็จะพูดกัน คนละเรื่อง

ดาอยากด่า ตอน "ควายตู้เหล่ เศษสวะยิ่งกว่าผักตบชวา"

ดาอยากด่า ตอน "ควายตู้เหล่ เศษสวะยิ่งกว่าผักตบชวา"

ชวนคิดชวนลุย: เจ็บแล้วจำคือคน..


I hate victims who respect their executioners. 
ผมเกลียดเหยื่อที่เคารพผู้ที่ประหัตประหารตน

Jean-Paul Sartre




ฉิบหายแล้ว ประวิทย์ .!..​หากโผทบ. ออกทางสายสุรยุทธ์.... หากไม่สยบยอมราชาธิปไตย เน่าแน่ หมูตอน!!

และแล้ว ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่เสนอชื่อทูลเกล้าก็คือ เจี๊ยบ
ลิงก์กลอน
ลิงก์บอกว่าใครเป็นใคร อยู่ในกลอน
จะเอาคนที่คุมได้เหมือนเดิมสินะ ผบ.ทบ.สายสุรยุทธ์ 
ลูกกระจ๊อกไอ้ตุ๊ดเฒ่า อิอิ
กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ
22 สิงหาคม เวลา 11:16 น. · 
ว่าที่ ผบ.ทบ. แกละ* หลบไป
เพราะ ผบ.ทบ. คนใหม่ อาจใช่ เจี้ยบ
แกละ น้องป้อม คั่วตำแหน่งแย่งทำเนียบ
บารมีไม่อาจเทียบกับเจี้ยบได้
เดี๋ยวก็คงเจอเจ้าเจี้ยบที่เส้นชัย
เพราะเส้นใหญ่พลเอกสอแกสั่งมา
องคชาติมนตรีพี่สั่งให้
สบายใจเถิดเจี้ยบเท่หนักหนา
ไอ้แกละมันน้องป้อมพี่ไม่ครนา
พี่ใหญ่กว่าเพราะนั่งข้างวังทอง
ความวุ่นวายในกองทัพจับยามดู
เห็นเป็นหมู่เป็นก๊กจนบกพร่อง
พวกไอ้เฒ่าองคชาติอุบาทว์พอง
จองหองวิ่งตำแหน่งให้น้องตน
มันคาใจมาหลายเรื่องหลายทีแล้ว
ป้อมคลาดแคล้วมาหลายคราน่าสงสัย
สอและป้อมควรคุยกันให้เข้าใจ
เดี๋ยวฟ้าใหม่มาสั่งจะนั่งร้อน
(* แกละ แปลว่า ผมจุก)

อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เขียนถึง อ.วรเจตน์ ในวันเกิดปีที่ 46 เมื่อวานนี้

อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เขียนถึง อ.วรเจตน์ ในวันเกิดปีที่ 46 เมื่อวานนี้

"ผมคิดว่า เรื่องดีๆที่ผมจะเขียนถึงใคร มันไม่ควรจะเขียนเฉพาะตอนคนคนนั้นตาย แล้วเราไปเขียนในงานศพ เราควรเขียนตอนที่เขามีชีวิตอยู่"

"ให้เขาได้รู้"

"ให้คนที่รักเขาได้รู้"

"ให้คนที่เกลียดเขาได้เข้าใจ"

Piyabutr Saengkanokkul

อาจารย์วรเจตน์มีโลกส่วนตัวสูงนะครับ ไม่เล่นเฟสบุค ไม่เล่นโซเชียล มีเดีย ไม่ค่อยพบปะผู้คน เท่าที่ผมรู้จักแกมาตั้งแต่ปี 2542 (ปีแรกที่แกจบเอกกลับมาสอน ผมนี่คุยได้ตลอดว่า ผมเรียนหนังสือกับแกรุ่นแรก) แกก็เป็นคนแบบนี้มาตลอด คือ ไม่นัดเจอใคร นัดกินข้าวกันก็เจอแต่พวกผม พอทำกิจกรรมรณรงค์ แกก็ไปเจออาจารย์ท่านอื่นๆบ้าง แต่ชีวิตแก ก็ยังแบบเดิม สอนหนังสือ นักศึกษาทำ วพ มาขอพบ ประชุมกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กรรมการข้อมูลข่างสารราชการ รับเชิญบรรยายตามส่วนราชการ มีแค่นี้จริงๆ

แกไม่เคยต้องการดำรงตำแหน่งอะไรเลย

ผมใกล้ชิดกับแกมาสิบปีเศษ ทราบดีว่า มีตำแหน่งสารพัดที่ต้องการให้แกไปเป็น เอาเป็นว่ามากทั้งจำนวน ทั้งรายได้ บางตำแหน่ง เป็นตำแหน่งที่คนจำนวนมากอยากเป็นจนตัวสั่น แต่ก็ไม่ได้เป็น หรือดิ้นรนจนเป็นให้ได้ ทั้งหมดนี้ อาจารย์วรเจตน์ปฏิเสธหมด

แกพิสูจน์ชีวิตแกมานานมาก จนไม่มีใครตำหนิแกได้ว่าแกรับเงินทอง หวังยศตำแหน่ง เอาจริงๆ ถ้าแกต้องการ ป่านนี้ แกไปไกลกว่าเนติบริกรที่โด่งดังกันอยู่ในเวลานี้แน่

บางที ผมยังรู้สึกว่าสังคมไทยไม่ยุติธรรมกับแก คนแบบแก ไม่ได้อะไรสักอย่าง ผมไม่ได้หมายถึงลาภยศสรรเสริญตำแหน่ง แต่บางอย่างมันเป็นสิ่งที่แกควรได้ แต่จนวันนี้แกก็ยังไม่ได้ ผมคิดว่าทุกท่านคงรู้ว่าหมายถึงอะไร

ผมเคยคุยกับแกเล่นๆว่า ในแง่ครอบครัว พวกเราคงสอบตกหมด เพราะ พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว ตอนที่เขารู้ว่าคนแบบพวกเราได้ไปเรียต่างประเทศโดยทุนการศึกษา พวกเขาคงหวังว่า คนแบบพวกเราจะช่วยยกระดับครอบครัวให้ดีขึั้น แต่จนวันนี้ ครอบครัวของพวกเรา ก็ยังคงลำบากแบบเดิม

ผมทราบมาว่า แม่ของแก น้องชายของแก ก็ยังคงทำสวน เผชิญกับภัยพิบัติธรรมชาติอยู่

แล้วลองกวาดตาไปมองพวกเนติบริกรสิครับ

ที่ผมว่าแกพิสูจน์ชีวิตแกมาหลายสิบปี มาจากเรื่องใด

ตอนอาจารย์วรเจตน์กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ แกวิจารณ์การทำงานของ กกต ศาลรัฐธรรมนูญ คดีซุกหุ้น จนกองเชียร์คุณทักษิณเกลียดแกไปตามๆกัน (ไม่ต้องบอกก็ได้ว่า เนติบริกรที่ไปรับใช้คุณทักษิณเวลานั้นก็ไม่ชอบแกด้วย)

ต่อมามีเรื่อง มาตรา ๗ มี "ตลก ภิวัตน์" คราวนี้ อีกข้างหนึ่งที่เคยวี้ดบึ้มๆๆ แก ก็หันมาด่าแกว่ารับเงินทักษิณ ในขณะที่คนที่เชียร์ทักษิณ ก็กลับมาเชียร์แก

เปลี่ยนรัฐบาลกี่ครั้ง จะมาจากขั้วใด แกก็ไม่รับตำแหน่งทั้งสิ้น

ผมเข้าใจดีว่า ฝ่าย "อำมาตย์" คงผิดหวังกับแกมาก ที่แกเป็นแบบนี้

แต่ผมยืนยันว่าแกไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก แกเป็นแบบนี้มาตลอด มีแต่พวกท่านนี่แหละ ที่พยายาม recruit คนเก่งๆเชื่องๆเข้าไป พอมีคนที่เขาหนักแน่นมั่นคงในสติปัญญาและเหตุผล พวกท่านก็เลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจโลกและสังคมไทยที่เปลี่ยนไป แต่ท่านกลับลงโทษคนที่ท่านคิดว่าดื้อด้านแทน

(จนวันนี้ ใครที่ไปสอบทุนสารพัด พวกเราต้องบอกว่า ห้ามบอกว่าอาจารย์วรเจตน์เป็นไอดอล ไม่งั้นสุ่มเสี่ยงที่จะไม่ได้)

หลังรัฐประหาร ๒๒ พค ๕๗

รัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

และสิ่งที่รัฐประหารทำกับแก ก็ยิ่งไม่ถูกต้องเข้าไปอีก

คนแบบแก ไม่มีมวลชน ไม่มีพรรคการเมือง ไม่มีใครหนุนหลัง แกว่าตามเหตุผล และหลักวิชาที่แกเรียนมา

จนวันนี้ คณะรัฐประหารก็ยังคง "จองจำ" แกไม่เลิก

ถ้าพวกท่านลองพินิจพิจารณาอย่างถถ้วนถี่ด้วยสติสัมปชัญญะของท่านเอง โดยไม่ต้องไปฟังพวกที่คอยรายงานมากนัก ท่านจะเห็นได้ว่า สิ่งที่อาจารย์วรเจตน์นำเสนอ เป็นทางออกที่สวยงามที่พอจะรับกันได้สำหรับทุกฝ่าย

การจองจำ ทำลาย อาจารย์วรเจตน์ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง มันสมองของแกยังมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองอีกมาก

ผมไม่เคยคิดเลยว่าแกจะเป็น "เป้า" ที่สำคัญของคณะรัฐประหารขนาดนั้น บางทีผมก็อาจไร้เดียงสาไปบ้าง พวกเรา ก็ด้วยความหวังดีต่อชาติบ้านเมือง เราก็อยากเสนอรูปแบบการปกครองที่ทุกฝ่ายจะอยู่อาศัยด้วยกันได้ในอนาคต ก็ไม่นึกว่าผลที่ตามมามันจะขนาดนี้

การกักขังจองจำความคิด ไม่มีทางทำให้คนเปลี่ยนความคิด

อัยการในระบอบฟาสซิสต์ที่สั่งฟ้อง อันโตนิโอ กรัมชี่ แถลงว่า "เราต้องหยุดสมองก้อนนี้ที่ทำงานต่อเนื่องมา ๒๐ ปี"

แต่ "สมอง" ของกรัมชี่ ก็ไม่เคยหยุด เขาเขียน สมุดบันทึกจากคุก ความคิดของเขายังเป็น "หมุดหมาย" สำคัญที่ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษา

ผมทราบดีว่า ถ้าอาจารย์วรเจตน์มาอ่านที่ผมเขียนนี้ แกคงตำหนิผม และถ้ามีการกระจายข่าวแชร์กันไป คนก็คง "หมั่นไส้" แกอีกมาก

แต่... ผมอดไม่ได้จริงๆ

ผมคิดว่า เรื่องดีๆที่ผมจะเขียนถึงใคร มันไม่ควรจะเขียนเฉพาะตอนคนคนนั้นตาย แล้วเราไปเขียนในงานศพ เราควรเขียนตอนที่เขามีชีวิตอยู่

ให้เขาได้รู้

ให้คนที่รักเขาได้รู้

ให้คนที่เกลียดเขาได้เข้าใจ

สุขสันต์วันเกิด อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์

ผู้เป็นอาจารย์ เป็นพี่ เป็นเพื่อนของผม

ขอให้อาจารย์หลุดพ้นจาก "วิบากกรรม" เสียที

(จบ)

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณดื่มน้ำมะพร้าวติดต่อกัน 7 วัน อยากรู้โปรดอ่าน!!!!!!!!

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณดื่มน้ำมะพร้าวติดต่อกัน 7 วัน อยากรู้โปรดอ่าน!!!!!!!! 

น้ำมะพร้าวมีสรรพคุณวิเศษตามที่หลายคนกล่าวอ้างจริงหรือไม่? คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับสารพัดประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว แต่คราวนี้คุณจะได้อ่านเกี่ยวกับข้อดีของน้ำมะพร้าวที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน คุณอาจไม่รู้ว่าน้ำมะพร้าวมีโครงสร้างที่เข้ากันได้ดีกับพลาสม่าที่อยู่ในกระแสเลือดของมนุษย์เรา ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมะพร้าวยังเคยถูกนำมาใช้ในยามสงครามเพื่อชดเชยเลือดที่สูญเสียไปและสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย 

ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากน้ำมะพร้าวอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก คุณสามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปและคุณจะทึ่งกับประโยชน์อันมหาศาลของผลไม้ประเภทนี้ แม้น้ำมะพร้าวจะมีรสชาติไม่อร่อยอย่างที่คิด แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่ดื่มสุดยอดน้ำล้างพิษชนิดนี้แน่นอน
จะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเราดื่มน้ำมะพร้าว? 
1. ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น 
2. นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคหนองใน โรคเหงือก และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด โรคติดเชื้อต่างๆ และโรคไข้รากสาดใหญ่ได้อีกด้วย 
3. นอกจากจะเสริมสร้างพลังงานแล้วน้ำมะพร้าวยังช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ แถมยังดีต่อผู้ที่ป่วยเป็นโรคไตเนื่องจากมันมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะโดยธรรมชาติ ทั้งทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะจะได้รับการชำระล้างจากนั้นร่างกายจะขับสารพิษออกมา ที่น่าทึ่งคือมันสามารถสลายก้อนนิ่วได้ด้วย 
4. และเนื่องด้วยมีปริมาณเส้นใยอาหารสูงจึงดีต่อระบบย่อยอาหาร หากคุณดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำมันจะไปกำจัดกรดในกระเพาะอาหาร ไม่ต้องห่วงเรื่องอ้วนด้วยเพราะน้ำมะพร้าวมีระดับไขมันที่ต่ำมากและช่วยลดความอยากอาหารของเรา 
5. หากคุณมีสิวและผิวแห้งหรือผิวมัน เพียงใช้ผ้าชุบน้ำมะพร้าวและทาลงไปบนผิวหนัง น้ำมะพร้าวจะชำระล้างสิ่งสกปรกและทำให้ผิวหนังสดชื่น ที่สำคัญมันจะช่วยเปิดรูขุมขน 
6. หากดื่มน้ำมะพร้าวผสมกับน้ำมันมะกอกก็สามารถฆ่าเชื้อโรคและกำจัดปรสิตในลำไส้ได้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์จะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพได้หลายอย่าง 

7.หากดื่มวันละหนึ่งแก้วทุกเช้าจะช่วยรักษาระดับความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และไม่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง 
8. หากคุณดื่มแอลกอฮอล์ในตอนกลางคืนพอเช้ามาคุณอาจรู้สึกปวดศีรษะ ดังนั้นถ้าต้องการกำจัดอาการปวดศีรษะหรืออาการเมาค้างและชดเชยของเหลวที่สูญเสียไปคุณสามารถทำได้ด้วยการดื่มน้ำมะพร้าว 
8. ขณะเดียวกันถ้าคุณต้องการให้ผิวชุ่มชื่นและเปล่งปลั่งตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำมะพร้าววันละแก้วก็เพียงพอแล้ว
9. นอกจากนี้หลังจากที่ออกกำลังกายมาอย่างเหน็ดเหนื่อยคุณสามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อให้ร่างกายของคุณกลับมามีพลังอีกครั้ง 
10. ทั้งช่วยเพิ่มพลังงาน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันแบคทีเรียและอาการติดเชื้อต่างๆ ตามด้วยน้ำหนักลด


         >_< 👍>_<

Tuesday, August 23, 2016

คสช.​ทำผิดสนธิสัญญากับ UN จริงหรือ?

โดย อ. ธนบูลย์


ตามคำพิพากษาในคดีที่ชื่อว่า Dusan Tadic หรือ Dusko Tadic นั้น ต้องถามว่า เขาถกเถียง เรื่องอะไรกัน? และ


มีผลสะท้อนกลับมาช่วยคนไทยผู้ใฝ่รู้ ให้นำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ กับ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว ในประเทศไทย หรือ กำลัง จะเกิด ต่อไปในประเทศ อย่างไร?ู้

๑. ต้องขอให้ บทนำแก่ ท่านผู้อ่านทั้งหลายว่า ข้อเขียนของ ผมเกี่ยวกับ คดีๆนี้ นั้น เมื่อท่านได้อ่านแล้ว คิดว่าผม ยังมิได้ ให้คำตอบครบถ้วนแก่ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย นั้น

๒. เมื่อท่าน ได้อ่านบทความเหล่านี้ ต่อไปเรื่อยๆ ท่านจะเห็นคำตอบ ที่ผมได้ตั้งไว้ ตั้งแต่ต้น ไปในตัว โดยเมื่อท่าน ได้อ่านแล้ว ขอให้คิด และ ใช้สมอง หรือ ปัญญา คิดตามไปด้วย เพราะนั่น คือปัญหาใหญ่ของ การสอนของผม ต่อ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย

๓. ในปัญหาของคดี ที่นำมาเสนอนี้ จะเกี่ยวกับ เขตอำนาจของ ศาลอาญาพิเศษของ องค์การสหประชาชาติ ในการพิจารณา และ พิพากษา ที่จำเลยในคดี Dusan Tadic ยกขึ้น เป็น ข้อต่อสู้ที่สำคัญในคดี มีความเกี่ยวพัน กับ :

๓.๑ อำนาจของ คณะมนตรีความมั่นคง ตามกฎบัตรของ องค์การสหประชาชาติ หรือ The Charter of United Nations ซึ่งเป็น สนธิสัญญาหลายฝ่าย หรือ พหุภาคี (Multilateral Treaty) ว่า การที่คณะมนตรีความมั่นคง ได้ออกข้อบัญญัติที่ 764 ในวันที่ ๑๓ กรฎาคม ปี ค.ศ. ๑๙๙๒ ในขณะที่มีเหตุรบพุ่งกัน อย่างเป็นศัตรู (Hostilities) ในระหว่างชาวเซริบร์ กับ ชาว โครแอต, ชนกลุ่มน้อยผู้นับถือ ศาสนาอิสลาม ในแคว้นบอสเนีย อันเป็น จุดเริ่มต้นของ สงครามกลางเมือง ในแคว้นบอสเนียฯ คณะมนตรีความมั่นคงทำได้ หรือไม่?

๓.๒ ต่อมาในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ปี ค.ศ.๑๙๙๓ คณะมนตรีความมั่นคง ได้ออกข้อบัญญัติ (Resolutions) ที่ ๘๒๗ (๑๙๙๓) ก่อตั้งศาลอาญาพิเศษของ องค์การสหประชาชาติ มาเพื่อพิจารณา และ พิพากษา คดี ที่จำเลย ต้องหาว่า ได้กระทำความผิดในทางอาญาระหว่างประเทศ ทำได้ หรือไม่?

๓.๓ ความผิดดังกล่าว เป็น ความผิดอาญาระหว่างประเทศ ตามสนธิสัญญาแห่ง กรุงเจนีวา ปี ค.ศ. ๑๙๔๙ (The Geneva Conventions, 1949) และ บรรดาสนธิสัญญาทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับ สนธิสัญญาฉบับนี้ ที่เป็น ความผิดในทางอาญาระหว่างประเทศ ตามสนธิสัญญา ที่เกิดใหม่ เช่น สนธิสัญญาว่าด้วย การทรมานฯ ปี ค.ศ. ๑๙๘๔, สนธิสัญญาแห่งกรุงเฮก ปี ค.ศ. ๑๘๙๙ - ๑๙๐๗ ฯลฯ เป็นต้น

๓.๔ ในกรณีแห่งความผิดในทางอาญาระหว่างประเทศ เช่นที่เกิดในคดีนี้ จึงมีความเกี่ยวพัน กับ หลายๆสนธิสัญญา ที่มีรัฐคู่ภาคีของ ในแต่ละสนธิสัญญา ตามที่อ้างถึงอยู่แล้ว จึงมีความจำเป็น หรือไม่? ที่ต้องออกข้อบัญญัติ (Resolutions) ที่ ๘๒๗ (๑๙๙๓) ตามออกมา และ กลายเป็นข้อต่อสู้สำคัญของ จำเลยในคดีนี้

๔. ในกรณีของ จำเลย ในคดีนี้ ที่ได้ยกข้อสู้ต่อสู้ ในคดีมาแต่ต้น โดยได้ต่อสู้ว่า สงครามกลางเมือง ที่เกิดในแคว้นบอสเนียฯ ไม่มีคุณลักษณะ ที่เป็นสงคราม ที่เกี่ยวพันกับ ต่างประเทศ (Characterized as International Conflict)

๕. ความเกี่ยวพัน กับ ต่างประเทศ นั้น จะเป็นตัวชี้ว่า จำเลยในคดีนี้ ควรต้องรับโทษในฐานที่เป็น "อาชญากรสงคราม" หรือ "war Criminal" ตามที่โจทก์ฟ้องในคดีหรือไม่? มาถึงตรงนี้ เห็นควรต้อง อธิบาย ให้ท่านผู้อ่านเข้าใจ ในข้อกฎหมายเสียก่อนว่า

๖. ในช่วงต่อของ สงครามโลกครั้งที่สอง ในห้วงเวลาของ สงคราม และ ความสงบ และสันติสุข ที่มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ โดยเฉพาะบนพื้นแผ่นดินยุโรป และ ทวีปอเมริกาเหนือ นั้น ได้แผชิญ กับ ภาพอันเลวร้าย และ หฤโหดของ สงครามโลกครั้งที่สอง นั่นคือ ภาพของการรบพุ่งกัน บนพื้นแผ่นดินยุโรป และ ในเอเซีย {กองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร กับ กองทัพของลูกพระอาทิตย์ ภาพการฆ่า ด้วยวิธีการล้างเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ คือ ชาวยิวกว่า -๔,๐๐๐,๐๐๐ (สี่ล้าน) คน ในค่ายกักกันมนุษย์ของ พรรคนาซีเยอรมัน) บนพื้นดินยุโรป และ ภาคพื้นเอเชีย}

๗. ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาซึ่งการก่อตั้งสนธิสัญญาฉบับสำคัญๆ ๕ ฉบับ เป็นอย่างน้อย คือ:

๗.๑ (สนธิสัญญา ) ลอนดอนชาร์เตอร์ ปี ค.ศ. 1938 หรือ London Charter, 1938 ที่บัญญัติความผิด และ โทษที่จะใช้ลง โดยศาลนูเรมเบริกก์ ตามสนธิสัญญานี้ เมื่อผู้กระทำความผิด เป็นทหาร แล้วไปกระทำการฝ่าฝืนต่อ บทบัญญัติของ ลอนดอนชาร์เตอร์ ปี ค.ศ. 1938 โทษที่จะลงก็คือ การลงโทษด้วยการประหารชีวิต ด้วยการแขวนคอสถานเดียว สนธิสัญญานี้ ยังมีผลบังคับใช้อยู่

๗.๒ หากไม่ทำการ เปิดศาลที่เมืองนูเรมเบริกก์ มาเป็นศาลพิจารณาโทษ ก็ยอมให้ชาติ หรือ รัฐคู่ภาคีสมาชิกของกฎบัตรสหประชาชาติ (โดยความยินยอมของ คณะมนตรีความมั่นคง ตั้งศาล และ เลือกตัวผู้พิพากษาร่วมผสม กับ ผู้พิพากษาที่องค์การสหประชาชาติ เลือกตั้งมาจากชาติสมาชิก โดยกระจายตามภูมิภาค มาป็นองค์คณะ ที่มีอำนาจพิจารณา และ พิพากษาโทษ ที่อาชญากรสงครามแต่ละคน ได้ก่อให้เกิดขึ้น) โดยพิจารณาโทษ โดยศาลภายในประเทศ หรือ

๗.๓ ให้ศาลโลกที่กรุงเฮก ใช้สำนักงานศาลโลก และตัวศาล ร่วมกันกับศาลในประเทศ ที่การกระทำความผิด ได้เกิดขึ้น ทำการพิจารณา และ พิพากษาแก่โทษ ที่อาชญากรสงคราม (War Criminals) แต่ละคน เราเรียกว่าใช้ หลักการ Ex - Officio หรือ Good่ Office แก่ความผิด ที่ได้กระทำความผิดลงไป อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต คือ คดี ล็อคเคอร์บี้ (Lockerbie Case, การระเบิดเครื่องบิน Pan AM เที่ยวบินที่ 103 พร้อมผู้โดยสาร นักบิน และ ลูกเรือ เสียชีวิต ทั้งลำ จำนวนกว่า -๒๐๐ (สองร้อย) คน จนเครื่องบินตก ที่เมือง ล็อคเคอร์บี้ ในสก็อตแลนด์ ประเทศอังกฤษ

๘. ด้วยเหตุนี้ จึงต้องขอเตือนไปยัง คณะ คสช. บรรดานายทหารทั้งหลาย ในกองทัพทั้งสามของ ประเทศไทยว่า การที่ท่านแส่ สอดแทรก เข้าไปจัดการ ในเกือบทุกๆเรื่อง ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ตามอำนาจหน้าที่ ที่ควรเป็นของ รัฐบาลพลเรือน ตามคำสั่ง "ท่านผู้นำ" ของคณะ คสช. ท่านมีโอกาศสูงเกินกว่า -90%- ที่จะต้อง ตกเป็น ผู้ต้องหาในฐานความผิดเป็น "อาชญากรสงคราม"

๙. ตาม (สนธิสัญญา) ลอนดอนชาร์เตอร์ ปี ค.ศ. 1938 เมื่อใดก็ตามที่ คณะมนตรีความมั่นคงของ องค์การสหประชาชาติ เกิดบ้าเลือดขึ้นมา และ ประกาศใช้ อำนาจพิจารณา และ มีคำสั่ง ตามอำนาจหน้าที่ และ การใช้อำนาจ หน้าที่ของ คณะมนตรีความมั่นคง ตาม บทที่ 7 หรือ Chapter VII บทบัญญัติที่ 51 กฎบัตรของ องค์การสหประชาชาติ ฉะนั้น ขอได้โปรด "เลิกบ้าอำนาจ" ได้แล้ว จึงต้องขอเตือนสติไว้ด้วย บทความบทนี้. ................(มีต่อ)

ประเทศไทยจะซ่อนการกบฎไว้ใต้พรมได้จริงหรือ?

ประเทศไทยจะซ่อนการกบฎไว้ใต้พรมได้จริงหรือ?

NY Times ลงบทความ commentary วิพากษ์ปฏิกริยาของทหารต่อการก่อการร้ายในไทย อ่านแล้วน่าสนใจมาก

Matt Wheeler ผู้เขียนเริ่มต้นจากประเด็นเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ในภาคใต้ช่วงหลังประชามติที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐได้ออกมาปฏิเสธอย่างทันทีว่าไม่ใช่การก่อการร้าย และพลเอกประยุทธยังกล่าวเสริมด้วยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองจากผลประชามติ

กลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูของรัฐบาล (opponents of the government) รวมถึงกลุ่มเสื้อแดงถูกจับกุม แม้ว่าการระเบิดครั้งนี้จะไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับความรุนแรงครั้งก่อนๆ โดยฝ่ายที่นิยมทักษิณ รวมถึงว่าไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับการระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณเมื่อปี 2015 ด้วย 

ในทางกลับกัน การระเบิดครั้งนี้มีลักษณะเดียวกับเหตุระเบิดอื่นๆ โดยกลุ่ม BRN (กลุ่มก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้) โดยปกติแล้วกลุ่ม BRN ก็จะไม่ออกมาเคลมว่าเป็นผู้ลงมือ และการสืบสวนจากทางตำรวจก็ปรากฏว่าระเบิดที่ใช้เป็นแบบเดียวกับกลุ่มติดอาวุธในสามจังหวัดชายแดนใต้

ผู้เขียนกล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่รัฐไทยมักจะใช้ขั้วตรงข้ามทางการเมืองภายในประเทศเป็นแพะรับบาปของการก่อการร้าย เช่นคดีเผาโรงเรียนสามจังหวัดในปี 1993 ถูกโยนให้ "กลุ่มอำนาจเก่า" และคดีระเบิดเกาะสมุยปี 2015 ก็ถูกอ้างว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนักการเมืองที่สูญเสียอำนาจจากการรัฐประหาร แต่การกล่าวหาเหล่านั้นก็ไม่เคยมีหลักฐานที่จับต้องได้ และตำรวจก็เชื่อมโยงเหตุระเบิดกับสามจังหวัดชายแดนใต้ในที่สุด

คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมรัฐบาลทหารไทยถึงกระตือรือร้นกับการเบี่ยงความสนใจออกจากกลุ่มก่อการร้าย (และยัดเยียดความผิดให้ศัตรูทางการเมือง) ขนาดนั้น? Matt ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่รัฐกำลังปฏิเสธว่าไทยกำลังตกเป็นเป้าของการก่อการร้าย เนื่องจากต้องการรักษาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ที่ให้รายได้ทางอ้อมคิดเป็นราวๆ 20% ของ GDP ประเด็นที่สองคือ การนิยามให้เป็นเพียง "การก่อกวน" ก็เป็นการช่วยกลบเกลื่อนนัยยะทางการเมืองของเหตุการณ์เหล่านี้ หากยอมรับ "การก่อการร้าย" ก็เท่ากับว่าทหารไทยต้องยอมรับความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของตนเองด้วย

นอกจากนี้ เสียงส่วนใหญ่ของทั้งสามจังหวัดยังโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด สื่อถึงการต่อต้านกองทัพและการรวมศูนย์อำนาจ 

ในตอนท้าย ผู้เขียนยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเหตุผลในการขยับขยายบริเวณการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายว่า การก่อการร้ายได้สามจังหวัดเพียงอย่างเดียวไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอีกต่อไป นอกจากนี้ ผู้นำกลุ่ม BRN ยังได้ปฏิเสธกระบวนการเจรจาที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลทหารด้วย พวกเขามองว่ากระบวนการเหล่านี้เป็นเพียงการพูดคุยที่ปราศจากสาระของการเจรจาต่อรอง นอกจากนี้ ผลประชามติยังบ่งบอกว่า ความหวังของการเจรจากับรัฐบาลกลางที่มาจากการเลือกตั้งก็ริบหรี่เต็มที เพราะรัฐบาลทหารจะยังคงกุมอำนาจไปอีกอย่างน้อยหกปี

จากที่กล่าวมาทั้งหมด การที่กลุ่มติดอาวุธก่อเหตุครั้งล่าสุดนี้อาจบ่งบอกว่า ความขัดแย้งได้ยกระดับเข้าสู่ระยะใหม่ ซึ่งอาจเพิ่มความขัดแย้งทางศาสนา และอาจเติมเชื้อไฟให้กลุ่มติดอาวุธชาวพุทธด้วย

อาจกล่าวได้ว่าเหล่านายพลผู้บริหารประเทศนั้น "สายตาสั้น" หากพวกเขายังคงปฏิเสธการมีอยู่ของการก่อการร้ายให้กลายเป็นเพียงความขัดแย้งทางการเมืองที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับภาคใต้ ทางที่ดีที่สุดคือการตระหนักว่ามันเป็นปัญหาทางการเมือง ที่จำเป็นต้องมีการแก้ไขทางการเมืองด้วย ซึ่งหมายถึงการให้เสรีภาพในการแสดงออกแก่ประชาชน การเจรจากับกลุ่มติดอาวุธอย่างจริงใจ และหาทางกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

ปล. เห็นว่าน่าสนใจดีเลยแปลเล่นๆ ถ้ามีตรงไหนผิดหรือตกหล่นรบกวนชี้แนะด้วยค่ะ :)

สรุปข่าวสำคัญ 23-08-2559

23-08-59


[คปท.ยื่นกรธ.ยกเลิกผ่านกฎหมายในรธน.] นั้นดี ลองตัวสิ! http://news.sanook.com/2053570/  .


[สปท.เห็นชอบผลักดันศักยภาพเทศบาลแม่สอด] นั้นดี ลองตัวสิ! http://news.sanook.com/2053574/  .


[ศาลทหารยกคำร้องหมายจับศักรินทร์ชี้ไม่หลบหนี] นั้นดี ลองตัวสิ! http://news.sanook.com/2053530/  .


'สุรพงษ์' เห็นด้วยกับ 'มีชัย' ส.ว.เสนอชื่อนายกฯ ทำไม่ได้ - http://www.thairath.co.th/content/698934  .


โฆษกฯ กรธ. ปัด เขียน รธน.กีดกันเสรีภาพศาสนา ชี้ ม.44 ช่วยลดขัดแย้ง - http://www.thairath.co.th/content/699074  .


ทนายยื่นหลักฐานขอศาลทหารมทบ.23ปล่อย"ไผ่ ดาวดิน" - http://www.posttoday.com/local/northeast/450108  .


ทรัมป์ โจมตีกองทุนคลินตัน - http:/news.ch7.com/detail/189715?link=rss  .


รฟม. ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตรโดยสาร MRT Plus - http://news.voicetv.co.th/business/403557.html  .


'ออมสิน' รับพบมัลแวร์ในตู้เอทีเอ็ม เงินหายแล้ว 12 ล้าน - http://news.voicetv.co.th/thailand/403554.html   .


Live Report คดีระเบิดราชประสงค์- 8 แอดมินเพจ – 15 นปป. - http://shows.voicetv.co.th/wakeupnews/403551.html  .


[กสทช. ยัน "ปิดเบอร์" ต้องได้คืนเงินคงค้าง] นั้นดี ลองตัวสิ! http://news.sanook.com/2053586/  .


\\\\\\\\@-@\\\\\\\\

                      จิตอาสาหาข่าว           5


ประวิทย์ กับ ประวัติที่ไม่เคยผ่านการรบ!?

"ปัจจุบันเป็นผลของอดีต และ ปัจจุบันเป็นเหตุแห่งอนาคต"

"โกหกให้อนุชนรุ่นหลังฟังดูดีในสายตาคนไม่รู้"

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นทหารรับใช้ เปิดประตูรถยนต์ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยเป็นนายกรัฐมนครี เคยไปรบที่ไหนสมรภูมิใดครับ?
ช่างพูดจนเกินจริงขนาดในภาพด้านล่าง
ยกตนข่มผู้สื่อข่าวและประชาชนที่เกิดไม่ทัน
เอาความดีตรงไหนมากล่าวตามภาพ

แค่คิดก็ผิดหรือ?

ทำงานอาชีพข้าราชการทหาร ไม่ใช่ จะมีสิทธิเหนือคนอื่น เกษียณอายุ 12 ปี ยังอยู่บ้านพักข้าราชการทหารในกรมทหารราบที่๑๑ บางเขน
สงสัยไม่กล้าออกมาอยู่นอกกรมฯกลัวตายม้าง?

==============================

ประวัติจากวิกีพีเดีย
ค้นหามาลงให้อ่านและอ้างอิงตามข้อมูลที่หาได้
ผมมักพบกับคนที่คุยด้วยในสังคมที่เป็นจริงและสรุปคำโต้แย้งได้พอมีสาระสำคัญตามนี้
สลิ่มชอบเถียงว่า อ้างวิกีพีเดียเชื่อถือไม่ได้
(ใครพูดแบบนี้หันธง "สลิ่มแท้100%)

===========================+
ด้วยสนใจที่มาของแต่ละบุคคลที่เป็นข่าว
จึงต้องสืบค้นหาอ่านเท่าที่ค้นหาได้
===========================
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ 

ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
30 สิงหาคม พ.ศ. 2557
นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก่อนหน้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ดำรงตำแหน่ง
20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554
นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ก่อนหน้า สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ถัดไป ยุทธศักดิ์ ศศิประภา
รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
11 กันยายน พ.ศ. 2557
ผู้บัญชาการทหารบก
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 – 30 กันยายน พ.ศ. 2548
ก่อนหน้า ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
ถัดไป สนธิ บุญยรัตกลิน
แม่ทัพภาคที่ 1
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2545 – 30 กันยายน พ.ศ. 2546
ก่อนหน้า พรชัย เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
ถัดไป ไพศาล กตัญญู
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 (71 ปี)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ศาสนา พุทธ
การเข้าเป็นทหาร
สังกัด กองทัพบกไทย
ปีปฏิบัติงาน พ.ศ. 2512 - พ.ศ. 2548
ยศ  พลเอก
บังคับบัญชา กองทัพบก
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม ลูกสาว วรรณนิศา วงษ์สุวรรณ (11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 -) รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน รองหัวหน้าและประธานคณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ[1] รองประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ , อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ [2] และอดีตผู้บัญชาการทหารบก

ประวัติ แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เป็นบุตรของพลตรี ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ และนาย พันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ ลูกสาว วรรณนิศา วงษ์สุวรรณ[3] ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่สอง[4]

การศึกษา แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนเซนต์คาเบรียล จากนั้นในปี พ.ศ. 2508 ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 พ.ศ. 2512 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 พ.ศ. 2521 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี พ.ศ. 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 พ.ศ. 2556 ได้รับมอบเกียรติบัตรพิเศษ วิชาการคอมมิวนิสต์ จากวิทยาลัยสังคมนิยมจีน รุ่นที่ 15

การทำงาน แก้ไข

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เริ่มรับราชการทหาร[5] ดังต่อไปนี้

พ.ศ. 2512 ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 3
พ.ศ. 2514 ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงหนัก กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2517 ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2519 นายทหารยุทธการและการฝึก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2520 ประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
พ.ศ. 2522 นายทหารฝ่ายยุทธการ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2523 รองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2524 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2527 ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2529 รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2532 ผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 12 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2536 รองผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2539 ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์
พ.ศ. 2540 รองแม่ทัพภาคที่ 1
พ.ศ. 2541 แม่ทัพน้อยที่ 1
พ.ศ. 2543 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก
พ.ศ. 2544 ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ
พ.ศ. 2545 แม่ทัพภาคที่ 1
พ.ศ. 2546 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 - 30 กันยายน พ.ศ. 2548 ผู้บัญชาการทหารบก
ในปีพ.ศ. 2554 ได้รับตำแหน่ง เป็นคณะดำเนินคดีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกรณีประเทศกัมพูชาฟ้องร้องประเทศไทย[6]

ในปีพ.ศ. 2558เขาเป็นกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 12 คณะกรรมการ[7]และเป็นรองประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

ภารกิจพิเศษที่ได้รับมอบและรางวัลที่ได้รับ แก้ไข

ราชองครักษ์เวร ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบัน
ผู้อำนวยการ กองอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัยวังไกลกังวล ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2545 จนถึง 30 กันยายน 2546
ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 1 เมษายน 2539 จนถึง 1 ตุลาคม 2540
โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าบริเวณพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด(ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (2545-2546)
ประธานกรรมการโครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จังหวัดราชบุรี (2545-2546)
ประธานนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 (ทบ.)
ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ประจำปีพุทธศักราช 2540 สาขาการพัฒนาทางทหาร
ชีวิตและการเมือง แก้ไข

พล.อ.ประวิตร มีชื่อเล่นว่า "ป้อม" จึงได้รับการเรียกขานเล่น ๆ จากสื่อมวลชนว่า "บิ๊กป้อม" เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 17 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.วินัย ภัทธิยะกุล ระหว่างเรียนมีรหัส 7647

พล.อ.ประวิตร ถือได้ว่าเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออกมาโดยตลอด โดยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า "ทหารเสือราชินี" ถือได้ว่าเป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันด้วย

พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ที่มีชื่อมาตั้งแต่แรกว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วตั้งแต่ นายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป ถึงแม้นว่าทางฝ่ายพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม

ในเหตุการณ์ก่อความไม่สงบของกลุ่ม นปช. เมษายน พ.ศ. 2552 ในวันที่ 12 เมษายน เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่กระทรวงมหาดไทยในช่วงเวลาเที่ยง เมื่อกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติได้บุกเข้าไปในพื้นที่กระทรวง พล.อ.ประวิตรซึ่งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ต้องวิ่งหลบหนีเพื่อความปลอดภัยด้วย

ปลายปี พ.ศ. 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายาว่า "ป้อมทะลุเป้า" สืบเนื่องจากผลงานด้านความมั่นคงในการสลายการชุมนุมเสื้อแดงที่บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่างๆที่ถูกครหาด้วย[8] ในปี พ.ศ. 2557 หลังการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา[9] และได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง

14 มิถุนายน พ.ศ. 2559 คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 61 แต่งตั้ง นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ลูกพี่ลูกน้องพลเอกประวิตร เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์[10]

ชีวิตส่วนตัว พล.อ.ประวิตร ครองตนเป็นโสดมิได้เคยผ่านการสมรสมาก่อน[11]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[12]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)

เหรียญชัยสมรภูมิ (กรณีสงครามเวียดนาม)

เหรียญพิทักษ์เสรีชน (ชั้นที่1)

เหรียญราชการชายแดน

เหรียญจักรมาลา

เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[13]
อ้างอิง แก้ไข

↑ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 122/2557 เรื่อง แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131, ตอนพิเศษ 181 ง , 15 กันยายน พ.ศ. 2557, หน้า 2
↑ พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ)
↑ บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
http://www.rta.mi.th/COMMAND/command17/_history/his_pravit.htm ประวัติพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณผู้บัญชาการทหารบก
↑ ฉายานักการเมืองปี 53
↑ พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน 32 ราย)
↑ จาก "ผบ.ทบ.โสดสนิท" คนแรก สู่ "รมว.กลาโหมที่ไม่มีภริยา" คนแรก ในประวัติศาสตร์
↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ชั้นสายสะพาย ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๔๖) เล่ม 120 ตอนที่ 19ข วันที่ 1 ธันวาคม 2546
↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และเหรียญลูกเสือสดุดี ประจำปี 2551
แหล่งข้อมูลอื่น 

อ่านในภาษาอื่น
Last edited 16 days ago by an anonymous user

Monday, August 22, 2016

17 แดง “พรรคปฏิวัติ” คือใคร? จากมุมมอง คมชัดลึก

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?
หลังเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ทหารได้ควบคุมตัว "คนเสื้อแดง" จากทั่วประเทศมาควบคุมตัวไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11)
เพื่อหาข้อมูลว่า พวกเขาเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมดังกล่าวหรือไม่? 

วันที่ 18 ส.ค.ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้นำพยานหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เพื่อจับกุม 17 ผู้ที่ทหารควบคุมตัวไว้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตาม มาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในการควบคุมทั้งหมด 17 คน

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ทราบว่า พวกเขาเป็นสมาชิกของ"พรรคปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย" หรือ "แนวร่วมปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตย" (นปป.) ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ มีแนวคิดต่อสู้ทางการเมืองกับอำนาจรัฐ

       จากการตรวจสอบปูมหลังของผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร จำแนนออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มนักทฤษฎีภาคใต้

       ตัวละครหลักมี 2 คน คือ ประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง ที่ถูกควบคุมตัวเข้าค่ายทหารเป็นคนแรก พร้อมกับหนังสือชื่อ "คู่มือการต่อสู้ของคนเสื้อแดง"

       "ประพาส" เป็นสานุศิษย์ประเสริฐ ทรัพยสุนทร อดีตกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) และเป็นนักเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนในพื้นที่ตรัง-พัทลุง-สตูล

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       อีกคนหนึ่ง ปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมสตูล และเป็นแกนนำเสื้อแดงสตูล พร้อมกับเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาพันธุ์ประชาธิปไตยภาคใต้

       ที่ฝ่ายความมั่นคงให้ความสนใจคือ ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี หรือฉายา "ปู่เล็ก" เป็นชาวพัทลุง แต่มีบ้านพักอยู่ใน จ.นนทบุรี

       "ปู่เล็ก" เป็นแดงอุดมการณ์ ที่มีการเคลื่อนไหวจัดตั้งและให้การศึกษาทางทฤษฎีการเมือง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       ส่วนคนอื่นๆ เป็นแนวร่วม นปช. อาทิ วิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช และ วิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

กลุ่มแนวร่วมเสื้อแดง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

       ผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นแนวร่วมเสื้อแดง ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นอาทิ ชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย แกนนำแดงเชียงราย, ณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง แกนนำแดงอ่างทอง และ "ดอน" ศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม แนวร่วมแดงฮาร์ดคอร์

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

      ส่วนที่ถูกระบุว่าเป็นแดงฮาร์ดคอร์ ประกอบด้วย วีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาวจ.นนทบุรี ,สรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม.,เหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี และ บุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย

       ส่วน มีนา แสงศรี อายุ 39 ปี เป็นแม่ค้าขายน้ำพริก อยู่ย่านสวนหลวง

17 แดง "พรรคปฏิวัติ" คือใคร?

กลุ่มญาติผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล

       ผู้ต้องหาชื่อ รุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นั้นเป็นภรรยาของผู้ต้องหาคดีขอนแก่นโมเดล ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

       ส่วน ร.ต.ต.หญิง วิลัยวรรณ คูณสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาวจ.หนองคาย และ ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย เป็นพี่สาวพี่เขยของ "รุจิยา" โดยพวกเขาถูกควบคุมตัวมาจากหนองคาย