When the mainstream media are being influenced and dictated by the ruling elites and the tyrannical royal government, this is a blog that collects and presents resources on Thai politics from alternative and foreign sources.
Saturday, March 12, 2016
เมื่อก๊าซที่โรงแยกก๊าซไทย แพงกว่านำเข้าจากต่างประเทศ แล้วรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไปหาสวรรค์วิมานอะไร !?
จีน กับ อิทธิพลกลืนเอเชีย... กรณีพิพาททะเลจีนใต้
จ่อออกหมายเรียกเสธอ้าย พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธ์ิ ข้อหาแอบอ้าง 901
Friday, March 11, 2016
รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน หัวข้อ "สวัสดีประเทศไทย เราจะเอายังไงกันดีจ๊ะ?"
ลุงเย็นลมป่า 10 มีค 59
รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน
หัวข้อ "สวัสดีประเทศไทย เราจะเอายังไงกันดีจ๊ะ?"
ทำไมอีเปรม(ประธานองค์มนตรี เปรม ติณสูลานนท์) ถึงเกลียดและอิจฉา ดร.ทักษิณ นายกของประชาชน
โดย เสรีชน
ทำไมอีเปรม(ประธานองค์มนตรี เปรม ติณสูลานนท์)
ถึงเกลียดและอิจฉา ดร.ทักษิณ นายกของประชาชน
–
ขอทบทวนความทรงจำบางอย่าง ทำไมอีเปรมเกลียดทักษิณ จากที่ผมลองวิเคราะห์และข้อเท็จจริงบางอย่างที่ตรวจพบ
–
1 นิสัยของสองคนเข้ากันไม่ได้ อีเปรมเป็นขุนนางผูกขาดระบบ อำมาตย์ มาอย่างยาวนาน ทำอะไรชอบคิดแต่สร้างภาพถึงความสง่างาม และจะซ่อนความเลวระยำไว้ใต้พรม อีเปรม ค่อยๆ พูด ค่อยคิดแบบข้าราชการที่เขารับราชการมานานถึง 39 ปี แต่ ดร.ทักษิณเป็นคนรุ่นใหม่ เฉี่ยว ทำงานไว สไตล์เจ้าของธุรกิจและ CEO ที่สำคัญ ดร.ทักษิณรับไม่ได้กับระบบราชการที่จำกัดไปด้วยกรอบของกฎหมาย ดร.ทักษิณไม่โตในระบบราชการ แม้เขาเป็นพันตำรวจโท แต่ก็ไม่เคยทำงานเด่น เป็นดอกเตอร์ แต่นายกของประชาชนคนนี้ เขาผ่านการทำงานและสำเร็จในเชิงธุรการ เมื่อนิสัยมีนิสัยเห้นความเดือดร้อนของประขาขนเป้นที่ตั้ง จึงทำให้ อำมาตย์เผด็จการ ทรราช และไม่ชอบและธาตุแท้ ของความเป้นคนมันต่างกัน ท้ายสุดก็ไปกันไม่ได้
–
2 อีเปรม อยู่แวดล้อมด้วยขุนนางและคนอย่างองค์มนตรีที่มีลักษณะะจารีตนิยม อำมาตย์เผด็จการทรราช ขวาจัด ทั้งพลเอกพิจิตร เกษม วัฒนชัย คนนี้เคยร่วมกับ ดร.ทักษิณตอนหลังขัดใจกัน เลยออกมาก็พาลดร.ทักษิณไปด้วย อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ สองคนนี้ขวาตกขอบและสนับสนุนการล้ม ดร.ทักษิณ ส่วน สถุนธานินทร์ กรัยวิเชียร คนนี้ขวาตกขอบ คลั่งเจ้า บ้าหมอดู กราบไหว้หมาเป็นอาจินต์ หรือคนนอกองคมนตรี แต่เป็นคนใกล้วังอย่างนายสุเมธ เฟอรารี่ ที่ชอบดูถูกประชาชน ว่า ยังไม่ความพร้อมที่จะเป็น ประชาธิปไตย อดีตเลขาสภาพัฒน์ ตัวนี้ ทำให้แนวคิดกลุ่มคนพวกนี้เป็นจารีตนิยมสุดกู่ หนักข้ออีเปรม ยังนำเอาพลอากาศเอกชลิต รอง คมช มาร่วมงานองคมนตรีอีก ทำให้แนวคิดไปกันไม่ได้กับฝ่ายประชาชน ฝ่ายเสรีนิยม และโลกาภิวัฒน์ พวกนี้นิยมให้ประเทศเดินทางแบบเก่า สมัยอีเปรมปกครองเมื่อสามสิบปีก่อน ไม่ต้องการใช้เทคโนโลยี่สื่อสาร เนต หรือเปิดประเทศมากมายนัก กลุ่มจารีตนิยมมักเห่อเหิมกับยศ ชั้น การกราบไหว้ มอบคลานของประชาชน แต่เสรีนิยม รับกับยุคเปลี่ยนผ่าน และหลักสิทธิมนุษยชน คนเท่าเทียมกัน ทำให้สองคนนี้เป็นผู้นำสองสำนักและ clash กันในที่สุด
–
3 อีเปรม เห็นใครดีไม่ได้ เห็นใครได้ไม่ดี พร้อมเป็นทหารเฒ่าที่มีความอิจฉาในกลมสันดาน ตามคำของท่านสมัครที่วายชนม์ไปแล้ว ขี้ริษยา ใครขัดคอมักจำ และอาฆาต ไปดูที่พลตรีมนุญกฤติเล่าเรื่องอีเปรม ริษยาพลเอกเสริม ทำทุกอย่างให้ตนได้ ผบ ทบ นำประเทศรบลาวเพราะไม่พอใจลาวที่ไปคบเวียดนาม ต้องการข่มลาว พอรบแพ้ที่ร่มเกล้า อีเปรมให้ชวลิตรับผิดแทน อีเปรมเขาภูมิใจที่เป็นนายกไทยแปดปี ติดต่อกัน แม้จะมาด้วยปืน อำนาจทหารหมาหน้าตัวเมียเหล่านี้ก็ดีใจ พอดร.ทักษิณเป็นนายกปีที่หก อีเปรมจึงต้องหาทางกำจัดเสีย มิฉะนั้น ทักษิณจะเบรก record เป็นนายกแปดปี หรืออาจจะถึงสิบสองปีได้
–
4 การแต่งตั้งโยกย้ายโผทหาร ปกติ นายกฯ ทุกคนจะส่งให้อีเปรมดูและขอคำปรึกษา แต่ดร.ทักษิณไม่ทำ กลับประกาศมาได้ว่า ผ่านมือนายกแล้ว ใครแก้ไม่ได้ ทำให้อีเปรมแค้นมาก เพราะแก่หงำเหงือกไม่เคยโดนเด็กคราวลูกพูดกระทบให้เจ็บช้ำถึงปานนี้ ประกอบกับนายพลหลายคนรวมทั้งบรรณวิทย์ ก็มาร้องขอให้ป๋าช่วย แต่ป๋าทำอะไรไม่ได้ ทำให้คนแก่ดูด้อยค่า เหมือนหมาหัวเน่า เมื่อถึงคราวที่อีเปรมต้องรุก ขึ้น บงการ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน จนถึง การสั่งลอบสังหาร ให้ดร.ทักษิณตาย ถึง 4 ครั้ง ขณะที่นายกคนอื่นก่อนหน้าที่ถูกขับไล่ไป โดนแค่ถอดจากตำแหน่ง แล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ทั้ง เสนีย์ ธานินทร์ ชาติชาย แต่ไม่ใช่ ดร.ทักษิณที่เขากะเอาให้ตาย แต่กลับไม่ยอมคลานมากราบเท้า อีเปรม แต่กลับนำความที่เกิดขึ้นกับเขา บอกเหล่าให้ชาวโลกได้รับรู้ แม่เวลาจะผ่านมากว่า 10 ปี แล้วก็ตาม คำสัมษาณ์ของ ดร. ทักษิญ ทำเอาโลกตลึง ไม่คิดว่า ระบอบอำมาตย์ทรราช ในไทย จะโหดร้าย ถึงขนาดนี้
–
5 ความขัดแย้งระหว่าง คนกับเหี้ย เริ่มออกอาการลามปามมาถึงเรื่องจัดงานในหลวง อีเปรม บอก ดร.ทักษิณว่า การจัดงานฉลองในหลวงครองราชย์ 60 ปีน่ะ ขอให้ดร.ทักษิณออก เพราะคนประท้วงดร.ทักษิณมาก เป็นประธานจัดงานแล้วคนจะไม่ยอมรับ (แต่ผิดคาดภายหลังการจัดงานมีคนมาร่วมที่บรมรูปทรงม้ากว่าเจ็ดหมื่นคน)
–
ดร.ทักษิณบอก การเมืองคือ การเมือง แต่การจัดงานเทิดพระเกียรติเป็นเรื่องความจงรักภักดี ผมทำไปหมดแล้ว จัดวางคนไปแล้ว ไม่ยอมออก ถ้าออก ใครจะมาเป็นแทนผม
–
อีเปรมบอกว่า จะรับสานงานต่อให้ ดร.ทักษิณบอกไม่เห็นด้วย เพราะการที่คนมาประท้วง ไม่ได้แปลว่าผมทำผิด คนกลุ่มใหญ่สนับสนุนผม เลือกตั้งที่ยุบสภา ผมก็ชนะอีก ไม่อาจทำตามอีเปรม แนะได้
–
และแล้ว ความร้าวลึก ระหว่าง นายกของประชาชนกับคนอย่าง เริ่ม เหี้ยก็เริ่ม
–
อีเปรม โกรธจัด ยิ้มๆ แบบเคืองในใจ แต่สายตาแสดงออก จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่เจอกันอีก มาเจอกันอีกที ตอนงานศพพ่อทรราช พลเอกอนุพงษ์ ตาย ทักษิณยกมือไหว้ อีเปรมก็ทักว่า สบายดีหรือ ดร.ทักษิณบอกสบายดี ป๋าล่ะครับ อีเปรมสวมวิณณานพญาโศก และบอกว่า คนแก่จะเอาสบายยังไงได้ ก็แค่ครั้งสุดท้ายที่พูดในที่สาธารณะ แต่มีการเจรจาลับกันอีกหลายหน ตอนแดงประท้วงแล้วถูกฆ่ากลางกรุงในปี 52 – 53
6 อีเปรมอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารชัดเจน จากเอกสารของวิกีลิกส์ก็บอกชัด พลเอกสนธิ บัง เคยสารภาพว่า อีเปรมพาเข้าเฝ้าเอง ไม่ใช่เขาขอเข้าเฝ้า ซึ่งหากพลเอกบังพูดความจริง การกระทำของอีเปรมคือ การไม่ผิดคำสาบานที่ปฎิญาณตนว่าจะพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ แต่นี่เขากลับทำตรงข้ามคือ ฉีก รธน เสียเอง พอรัฐประหารเสร็จ สองวัน สนธิ นำคณะทหารมาคารวะอีเปรม อีเปรมสวมวิญญาน ฮองเฮา ตรวจแถวทหารชั่วเหล่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และด่า ดร.ทักษิณโดนยกคำพูดกระทบทำนองว่า คนโกง คนไม่ดี พระสยามเทวาธิราชลงโทษ
–
อีเปรมในบท ฮองเฮา ทำเสื่อมเสียพระเกียรติเพราะองคมนตรีต้องไม่ยุ่งการเมือง ดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 14 วรรคท้าย องคมนตรีต้องไม่ฝักใฝ่พรรคการเมือง แต่นี่อีเปรมเขาเสือก และโดดมาเล่นการเมืองเต็มตัว อาทิ คนไทยโชคดีที่ได้คุณอภิสิทธิเป็นนายกฯ จากการตั้งกันโดยทหาร และเป็นฆาตกร 99 ศพ ในเวลาต่อมา หรือการเตือนจิ๋วว่า สมัครพรรคเพื่อไทยระวังจะกลายเป็นคนทรยศบ้านเมืองหรือไม่จงรักภักดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า คนเป็นระดับประธานองคมนตรีสำรอก แสดงความอิจฉาออกมาได้แบบหมาๆ ได้ถึงเพียงนี้
–
7 อีเปรมชอบหลักการ divide and rule แบบที่เขาครองตำแหน่งนายกแปดปี โดยการกดขี่ ประชาชนใต้ปกครอง ต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ มีพรรคเล็กๆ มากพรรค แต่ดร.ทักษิณสู้ตาม รธน 40 ที่ต้องการเห็นพรรคการเมืองเข้มแข็งสู้กันที่อุดมการณ์ของพรรคใหญ่ เขาต้องการให้มีการรวมศูนย์อำนาจภายใต้การจัดการแบบ CEO ของภาคเอกชน วิธีคิดของสองคนนี้จึงไปคนละขอบฟ้า
ที่สุด เมื่อมีโอกาส แก้ รธน เขาต้องการให้พรรคการเมืองพลังประชาชนถูกยุบ กระจายไปหลายพรรค แต่อีเปรมทำไม่สำเร็จ เพราะเพื่อไทยกลับได้เสียงมากกว่าสมัยพลังประชาชนคือ 265 ในการเลือกตั้ง กค 54 เพิ่มจาก 233 เสียงในปี 50 ทำให้อีเปรมผิดหวังรุนแรง กับการบนบานสารการ ในครั้งนี้
–
สถานะปัจจุบัน
จริงๆ อีเปรมรู้แล้วว่า เอา ดร.ทักษิณไม่ลง และดูเหมือนว่า กาลเวลาที่ผ่านมา จะทำให้ ดร. ทักษิญ แข็งแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดร. ทักษิญเขาพร้อมจะประนีประนอมในระดับหนึ่ง
–
แม้จะมีข่าวการต่อรอง ให้ ดร.ทักษิณกลับ แต่เงินกว่า 47000ล้านบาทไม่คืนให้ ด้วยความเสียดายเงินของคนอื่น
–
อีเฒ่าสารพัดพิษแห่งการเมืองไทย ตอนนี้ทำอะไรมากนักไม่ได้เพราะหลายฝ่ายไม่ยอม จะตาย วันตายพรุ้ง แต่ก็รอจังหวะเอาคืน นส.ยิ่งรักและ ดร.ทักษิณ
–
เพียงแต่ว่า ยิ่งสู้ ยิ่งถลำลึก พร้อมความเสื่อมของสถาบัน ที่ถูกอีเปรมเอามาย้ำยี แบบชนิดเสียหมา ตั้งแต่ปี 2553 ด้วยกระสุนพระราชทาน กว่า 2 แสนนัด
–
แม้มองภาพรวม การประเมินของฝั่ง กปปส และเหล่าทรราช คสช. จะมีกำลัง เหนือ กว่าฝ่ายประชาธิปไตย หรือประชาชนส่วยใหญ่ของประเทศอยู่ หลายขุม
–
หากมองกองทัพ การเป็นเอกภาพ สั่งได้ แม้ทหารเหล่านั้น จะกินเงินเดือนจากภาษีของ ประชาชน แต่รับใช้ ทรราช คสช. อย่างเตรียบรูปแบบ ก็ตาม
–
หรือแม้แต่ ผู้พิทักษ์ สินติราษฎร์ ก็กลับกลายเป็น ผู้พิทักษ์ทรราช คสช. อย่างเต็มรูปแบบ เช่นกัน
ตอนนี้คำสั่งตามกฎหมายของ ทรราช คสช.อยู่ในมือ มุ่งทำลาย นส. ยิ่งรักษณ์ อย่างน่าเกียด ด้วยข้อหา จำนำข้าว
แต่เอาเข้าจริง อีเปรม ผู้อยู่เบื้องหลัง ทรราช คสช. และศาลตุลาการ กลับพบกับ ประชาชนเป็นพันเป็นหมื่นทุกครั้งที่ นส. ยิ่งรักษณ์ ขึ้นศาล
–
นั้นแปลว่าอะไร แปลว่า อีเปรมและ ทรราช คสช. ไม่ใช่คู่ปรับของ ดร. ทักษิญ ไม่ว่าจะมองในมุมใหน
–
เพราะ
–
คู่ปรับที่คุณเอาชนะไม่ได้ ไม่ใช่ทักษิณ แต่เป็นประชาชน เจ้าของประเทศ ที่เทิดทูนระบอบประชาธิปไตย ต่ะหากเล่า เรื่องจึงตาลปัตรจนทุกวันนี้ !!!
——————-
ขอขอบคุณ ต้นฉบับที่คัดลอกมา
Thursday, March 10, 2016
พรรคเพื่อไทยจะเอา”น้ำยา”อะไรมาสู้ คนเสื้อแดงจะเอา”น้ำยา”อะไรมาต้าน?????
ระยะเวลา 6 เดือนของการปราบปรามอำนาจมืดและยาเสพติดของ "กลุ่มผู้มีอิทธิพล"ทั่วประเทศ ทรง "ความหมาย" เพราะหากนับจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน เดือนกรกฎาคมก็เป็นเดือนที่ 6 คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ "กกต." ได้กำหนดแล้วว่าวันที่ 31 กรกฎาคม คือวันลง"ประชามติ" โป๊ะเช๊ะ แม้ว่าจะเป็นมาตรการในทาง "การทหาร" แต่ก็เป็นมาตรการทางทหารอันมีเป้าหมายสูงสุดในทาง "การเมือง" เท่ากับเป็น "การรุก" อย่างมีนัยสำคัญ เป็นการรุกเหมือนที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.)เคยแสดงบทบาทใน "ขอนแก่นโมเดล" เท่ากับรุกไปยัง "เสื้อแดง" เพียงแต่ตอนนี้กรอบอยู่ที่ การจัดการในเรื่อง "อำนาจมืด" การจัดการในเรื่องอันเกี่ยวกับ "ยาเสพติด" เป้าหมายคือ "ผู้มีอิทธิพล" กระนั้น ภายในกลุ่ม"ผู้มีอิทธิพล"นั้นย่อมมีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับกระบวนการในทาง "การเมือง" ไม่ว่าการเมืองระดับ"ท้องถิ่น" ไม่ว่าการเมืองระดับ"ชาติ" ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในระดับท้องที่ ชุมชน ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในระดับจากท้องที่ ชุมชนเข้าไปสัมพันธ์ยัง "ส่วนกลาง" เป็นการ "จัดแถว" ล็อค "ตัวคน" เท่ากับเป็นการรุก สร้างความพร้อมก่อนจะมีการทำ "ประชามติ" ในวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นการรุกขณะที่"ฝ่ายการเมือง"ไม่มีโอกาส เป็นการรุกขณะที่ทุกพรรคการเมืองต้องยุติบทบาทเพราะคำสั่งหัวหน้าคสช.ไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ไม่ให้มีการประชุม ไม่ต้องพูดถึง "พรรคเพื่อไทย" ไม่ต้องพูดถึง"นปช." มอง "ภาพกว้าง" ในทางการเมือง จึงเป็นภาพทางด้าน "คสช." จึงเป็นภาพทางด้าน"ทหาร"อย่างเป็นด้านหลัก เห็นภาพ "กอ.รมน."แทรกซึมไปในทุก"พื้นที่" เห็นภาพ "รด.จิตอาสา" ร่วมไปกับขบวนปฏิบัติการจิตวิทยา(ปจว.)ของกองกำลังรักษาความสงบ(กกล.รส.) เห็นภาพ "กรธ."อธิบายความล้ำเลิศของ "รัฐธรรมนูญ" เห็นภาพ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เห็นภาพ นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ เห็นภาพโฆษกกรธ.ทางสถานีโทรทัศน์ ไม่เพียง "ช่วงเช้า" หากแม้กระทั่ง"ช่วงเย็น" แม้จะถ่ายทอดผ่านสิ่งที่เรียกว่า "ฟรีทีวี" แต่ก็ดำเนินไปภายใต้เครื่องหมาย"โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ" เดินหน้าด้วยความคึกคัก สนุกสนาน ขณะเดียวกัน ภาพทางด้านพรรคการเมือง ภาพทางด้านนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งคนเสื้อแดง กลับไม่ปรากฏ กลับไม่มีใครได้ยินเสียง ภายในภาพที่ไม่ปรากฏ ภายในเสียงที่มิได้มีการเผยแพร่ มองด้าน 1 เหมือนพรรคการเมืองและนักการเมืองเหล่านี้ไม่มีการเคลื่อนไหว เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวโอกาสของ"ประชามติ" จึงพอมองออก มองออกว่า ความมั่นใจอันมาจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ว่าต้องผ่าน"ประชามติ"อย่างแน่นอน เป็นไปได้สูง เป็นไปได้อย่าง"ฉลุย" พรรคเพื่อไทยจะเอา"น้ำยา"อะไรมาสู้ คนเสื้อแดงจะเอา"น้ำยา"อะไรมาต้าน ********** ข้อความข้างบนนี้ มีพี่น้องฝากมา แต่พวกเรา มดแดงล้มช้าง จงมั่นใจเถิด ทำงานของเราไป แล้วเราจะไม่ต้านพวกคนเลวเหล่านี้ แต่เราจะล้มทั้งระบอบ!!!! |
รู้ไหม เขาแอบขุดเจาะเอาน้ำมันและก๊าซบนแผ่นดินไปขาย นานและมากเท่าไหร่แล้ว???
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 27 ภูมิพลเลี้ยวขวาตกขอบ เป็นมาเฟียกะลาแลนด์
อเนก ซานฟราน 11 มี.ค. 2559 ตอน รายงานเบื้องหลัง เหตุเกิดที่ WPI นิวยอร์ค & ความคืบหน้า ดร.ทักษิณ ชินวัตร
อเนก ซานฟราน 11 มี.ค. 2559 ตอน รายงานเบื้องหลัง เหตุเกิดที่ WPI นิวยอร์ค & ความคืบหน้า ดร.ทักษิณ ชินวัตร
หรือ
********
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้
คำต่อคำ ดร. ทักษิณ ไปพูดอะไรไว้ ที่ World Policy Institute 9 มีนาคม 2559
คำต่อคำ ดร. ทักษิณ ไปพูดอะไรไว้ ที่ World Policy Institute 9 มีนาคม 2559
หรือ
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
Wednesday, March 9, 2016
ดร. ทักษิณพูดอะไรไว้ ที่ World Policy Institute ที่นิวยอร์ค 9 มีนาคม 2559
ดร.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงไฮไลต์ของการบรรยาย ที่งาน "สนทนาเป็นการส่วนตัวกับทักษิณ ชินวัตร" (Thaksin Shinawatra in Private Discussion) ซึ่งจัดโดยสถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute) ที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดของไทยจะไม่สามารถวางโครงสร้างพื้นฐานในเชิงสถาบัน ที่จะส่งเสริมให้มีการลงทุน การผลิต และความร่วมมือระหว่างไทยกับต่างประเทศได้ เนื่องจากอาจเปิดช่องให้มีการแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหาร และ นิติบัญญัติ โดยอำนาจพิเศษของวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง และฝ่ายตุลาการ
"เมื่อพิจารณาถึงเค้าโครงของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันคงเป็นไปได้ยากที่จะได้มาซึ่งรัฐบาลที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและความท้าทายในศตวรษที่ 21 ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ได้กำหนดให้วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 200 คนซึ่งจะถูกแต่งตั้งโดย "ผู้เชี่ยวชาญ" วุฒิสภาจะมีอำนาจมากยิ่งขึ้นในการยับยั้งการออกพระราชบัญญัติต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีขอบเขตอำนาจในการตัดสินคดีที่มากยิ่งขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจในการไต่สวนและวินิจฉัยคดี เมื่อมีบุคคลใดก็ตามได้ดำเนินการร้องเรียน โดยไม่ได้มีเงื่อนไขที่ว่ากรณีดังกล่าวต้องเป็นข้อพิพาทจริงที่องค์กรทางการเมืองหรือศาลอื่นได้ดำเนินการยื่นเรื่องแก่ศาลรัฐธรรมนูญ"
"หากพวกเราคิดว่าหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตย คือ รากฐานเพื่อการสร้างความเจริญเติบโตและเสถียรภาพของประเทศ หัวข้อสำคัญที่พวกเราต้องพิจารณาคงเป็นเรื่องที่ว่า อำนาจตุลาการจะล่วงล้ำอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารหรือไม่ เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารเศรษฐกิจของประเทศในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว ผมหวังว่าคงจะไม่มีการใช้อำนาจตุลาการที่เกินกว่าความจำเป็นอีกในอนาคต กรณีศึกษาในประเทศต่างๆ ได้แสดงให้พวกเราเห็นว่า การใช้อำนาจพิจารณาทบทวนโดยศาล โดยไม่ได้มีการถ่วงดุลและตรวจสอบ อาจกลายเป็นการใช้อำนาจอย่างไม่ เหมาะสมและเป็น "ยุทธวิธีเตะถ่วงงาน" จนสุดท้ายก่อให้เกิดอุปสรรคในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ" -- อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจโลกในศตวรรษที่ 21 ว่าควรให้ความสำคัญแก่การขยายความร่วมมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกับประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในเอเชีย ควรส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความมั่งคั่งให้แก่ประชาชนแบบระหว่างประเทศและระหว่างภูมิภาค เพราะความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยีการผลิตแบบอุตสาหกรรมไปสู่ "สภาวะปกติใหม่ของโลกปัจจุบัน" หรือ "New Normal" จากรูปแบบ "การผลิตสินค้าในประเทศเดียว" สู่ "ระบบเครือข่ายการออกแบบ การสรรหาปัจจัยการผลิต และการผลิตที่มีลักษณะข้ามชาติ" และอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างมากโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย
"ประเทศไทยคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความท้าทายของโลกในศตวรรษที่ 21 ได้ ตลอดช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนมูลค่าการส่งออกต่อรายได้ประชาชาติของประเทศไทยและมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในประเทศไทยได้แสดงให้พวกเราได้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่เชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นเข้ากับชะตากรรมของเศรษฐกิจโลก" -- ดร.ทักษิณ เชื่อมโยงประเด็นสถานการณ์ไทย ที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับนานาชาติ
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ สหรัฐฯ ที่มักถูกมองแบบเหมารวมว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อดีตนายกฯไทยมองว่าการปกครองที่แตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่นโยบายเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่แม้จะเป็นคนละขั้ว แต่เป็นกระบวนการคู่ขนาน ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมให้แก่ทั้งภูมิภาคเอเชียและโลกตะวันตก
"จีน" กินรวบรถไฟไทย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"จีน" กินรวบรถไฟไทย
updated: 09 มี.ค. 2559 เวลา 13:00:40 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันนี้ "จีน" ประเทศมหาอำนาจแห่งเอเชีย กำลังแผ่อิทธิพลการพัฒนาระบบรางมายังประเทศไทย นอกจากระบบรถไฟความเร็วปานกลาง เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ที่กำลังทำรายละเอียดโปรเจ็กต์ร่วมกัน
ขณะที่ "โบกี้บรรทุกสินค้า" 308 คัน พร้อมอะไหล่ วงเงิน 770 ล้านบาท เป็นสินค้าจากผู้ผลิตจีนเช่นกัน มี บจ.สยามโบกี้ เป็นผู้แทนจากไทย เป็นผู้จัดหาให้ ร.ฟ.ท.
ส่วน "ซื้อหัวรถจักรจีอี" 50 คัน วงเงิน 6,151 ล้านบาท เค้กประมูลล่าสุด หนีไม่พ้นได้ผู้ผลิตจากจีน เป็นกลุ่มกิจการร่วมค้า คิวเอส ประกอบด้วย บจ.ซีอาร์อาร์ซี ซิซูเอียน และ บจ.ซานโฟโก อินเตอร์เนชั่นแนล ได้งานประมูลแบบไร้คู่แข่ง กำลังลุ้นจะผ่านการพิจารณาจากบิ๊กคมนาคมหรือไม่
และไม่แค่ "ร.ฟ.ท." ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่จากจีน ปัจจุบันมี "ทีพีไอ" ของ เสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ร่วมแจมด้วย อนาคตอันใกล้ "ปตท." น่าจะเป็นอีกรายที่จะตามมา และรายอื่น ๆ ที่กำลังมีแผนจะซื้อลอตใหญ่
สาเหตุที่ทำให้สินค้า "จีน" เป็นที่นิยมว่ากันว่าเป็นเพราะมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าทางยุโรปอย่างน้อย 30-50% อย่าง "หัวรถจักร" จีนตั้งราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่คันละ 100-110 ล้านบาท อีกทั้งปัจจุบันจีนมีการพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัย และได้รับไลเซนส์การผลิตจากทางยุโรปที่ผลิตสินค้าได้หลากหลายตามสเป็กที่คู่ค้ากำหนด
ติดตามข่าวสารผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
ตบหน้า "สลิ่มหลงโลก" WPI ให้เกียรติ ดร. ทักษิณ เสมอ ดร. บันคีมูน!! ดร. เพียงดิน 9 มี.ค. 2559
Tuesday, March 8, 2016
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 26 ขวาพิฆาตซ้าย & เบื้องหลังตุลาเลือด (ต่อ)
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 26 ขวาพิฆาตซ้าย & เบื้องหลังตุลาเลือด (ต่อ)
หรือ
----------------------
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 25 ขวาพิฆาตซ้าย เบื้องหลังตุลาเลือด!!
หรือ
----------------------
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 24 กษัตริย์นักประชาธิปไตย? เบื้องหลังตุลาฯเลือด
https://youtu.be/J4oO-j06T3o หรือ
https://youtu.be/6-3EqIkDnEM หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
9 มี.ค. 2559 ดร. ทักษิณ ไปพูด ณ สถาบันกระจอก ของมหาวิทยาลัยห้องแถว?
9
มี.ค. 2559 ดร. ทักษิณ ไปพูด ณ สถาบันกระจอก ของมหาวิทยาลัยห้องแถว?
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
ดนตรีและความรัก คือภาษาสากล ที่มวลมนุษยชาติควรเฉลิมฉลองร่วมกัน
การต่อต้าน ดร. ทักษิณ ที่นิวยอร์ค ไม่ใช่แค่คนไทยแอลเอที่หน่อมแน้ม แต่เป็นการบงการจากเครือข่ายภูมิพล....
Monday, March 7, 2016
"วันสตรีสากลของโลก” กับ การย่ำยีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
วันนี้ สหประชาชาติ สถาปนาให้เป็น "วันสตรีสากลของโลก"
ถามว่า ประเทศนี้ ได้ปฏิบัติอย่างไร? ต่อสตรี อันจะทำให้คำว่า "Women Harassment" หรือ คำว่า "การกดขี่ทางเพศ" สิ้นไป หรือยัง?
ดังปรากฏตามอยู่ตาม "ธรรมนูญโลก"
ที่มีชื่อย่อว่า "CEDAW" หรือ "Convention on the Elimination of All Forms against Women,1979" คนไทย ได้ปฏิบัติให้ ถึงพร้อม หรือ ยัง?
๑. สนธิสัญญา ที่เรียกว่า "Convention on the Elimination of All Forms against Women" นั้น เป็น สนธิสัญญา ที่มีชาติสมาชิกเป็น Member หรือ รัฐคู่ภาคีถึง 189 ชาติ หรือ รัฐ
๒. ซึ่งหมายความว่า มีรัฐ ที่ให้สัตยาบันรับรองถึง 189 ชาติ หรือ รัฐ ประเทศไทย เป็นหนึ่ง ในรัฐ ที่ได้ให้สัตยาบันรับรองต่อ สนธิสัญญานี้ด้วย ในวันที่ 9 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1985 (หกปีนับแต่ วันที่ประกาศใช้) ประเทศไทยของเรา เข้าให้สัตยาบัน โดยวิธี การประกาศขอเข้าร่วม ในสนธิสัญญา หรือ เรียกในภาษายี่เกว่า "ภาคยานุวรรต์)
๓. เมื่อเรา ไปประกาศขอเข้าร่วม ตามความของ สนธิสัญญา นั่นหมายความว่า "เรา ต้องการให้ใช้ สนธิสัญญาฉบับนี้ ให้เกิดผลบังคับ เป็นกฏหมายภายในของประเทศไทย โดยทันที"
๔. ต้องถาม เป็น เครื่องหมายคำถามโตๆ กำกับ ตรงนี้ว่า "แล้วเป็นจริงตาม บทที่เขียนกำกับ และ บังคับ ไว้ในสนธิสัญญา หรือไม่?" คำตอบ ที่ได้รับจากการถาม เป็น "คำตอบ ที่ปฏิเสธ" แบบสิ้นเชิง อย่างนี้แล้ว เราจะไปเฉลิมฉลองใน"สิทธิสตรี" กับ ชาวโลกเขาได้อย่างไร? คนไทย ทั้งประเทศ ควรต้องตอบ คำถามนี้ ในใจตนเอง ให้ กระจ่างชัด
๕. สนธิสัญญาฉบับนี้ มีผลบังคับกับ โลกทั้งใบในวันที่ ๓ กันยายน ปี ค.ศ. 1981 ประเทศที่ ยังไม่ยอมรับ สนธิสัญญาฉบับนี้เลย ก็คือ: The Holy See, Iran, Somalia, Sudan and Tonga (มีอยู่แค่ห้าชาติ ในประเทศทั้งหลายของโลก ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ทั้งหมด คือ 195 ชาติ)
๖. สนธิสัญญานี้ มีเค้าโครง ในการบังคับ ตามกฏหมายในสารสำคัญ เป็นแบบเดียวกันกับ สนธิสัญญา ขจัดการกดขี่ทางชาติพันธุ์ทุกรูปแบบ หรือ .the Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination, 1965 หรือ CERD มีผลบังคับทั่วไปในปี ค.ศ. 1969
๗. ข้อที่พึงระวัง เป็นอย่างยิ่ง ก็คือ บางครั้งที่คิดว่า สนธิสัญญา ที่เกี่ยวกับสตรี ข้างต้น ไม่ครอบคลุม แก่กรณี ที่จะวินิจฉัย กลับกลายเป็นว่า ต้องไปวินิจฉัยบังคับตาม CERD ที่มีข้อบัญญัติ ที่เคร่งครัดกว่า มากนัก
๘. อย่างนี้ แล้ว ก็จะยุ่งกันไปใหญ่ นักกฏหมายไทย มักมองปัญหาของ การบังคับใช้ ในรูปแบบ บัญญัติไตรยางค์ชั้นเดียว มองและ พิจารณาปัญหาไม่ขาด แบบไทยๆ
๙. สนธิสัญญาที่ว่าด้วย การขจัดความเหลื่อมล้ำทางเพศ ต่อสตรี ในทุกรูปแบบ ปี ค.ศ. 1979 หรือ CEDAW นี้ มีสาระสำคัญใหญ่ที่ใช้บัญญัติ บังคับ แบ่ง 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ:
ส่วนที่ ๑ คือ บทบัญญัติที่ ๑ - บทบัญญัติที่ ๖ ว่าด้วย การไม่แบ่งแยกเพศ และการเลือกปฏิบัติ ที่ไม่เป็นธรรมต่อ สตรีเพศในทุกรูปแบบ
ส่วนที่ ๒ บทบัญญัติที่ ๗ - บทบัญญัติที่ ๙ เน้นสาระสำคัญ ของการบังคับใช้ ไปที่ สิทธิของสตรีในขอบเขต ที่เกี่ยวกับการดำเนินวิถีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่อง สิทธิสตรีในทางการเมือง การแสดงออก และ สิทธิในการถือสัญชาติ ของสตรี
ส่วนที่ ๓. บทบัญญัติที่ ๑๐ - บทบัญญัติที่ ๑๔ เน้นสาระสำคัญ ในการบังคับใช้ไปที่สิทธิในทางเศรษฐกิจ และสังคมของ สตรี โดยเน้นเป็นพิเศษไปที่เรื่อง สิทธิในทางการศึกษา และ สิทธิสตรี ที่อยู่ในชนบท ต่อปัญหา ที่สตรีเผชิญอยู่ จะได้รับการพิจารณา เป็น พิเศษ
ส่วนที่ ๔ บทบัญญัติที่ ๑๕ - บทบัญญัติที่ ๑๖ เน้นสิทธิสตรี ที่ต้องได้รับ ความเท่าเทียมกันในสังคม ที่ตนอยู่ ในเรื่องการสมรส การครองตนอยู่ ในชีวิต และ ความเป็น ครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตรี ต้องได้รับความคุ้มครองทางกฏหมาย อย่างเท่าเทียมกัน ในสังคม ตรงนี้ สนธิสัญญาฉบับนี้ ให้การเน้นการบังคับใช้ เป็น พิเศษ ในสิทธิของ ความเท่าเทียมกัน ตามบทบัญญัติของ กฏหมาย หรือ "Equality before Law"
๑๐. นี่คือสาระสำคัญที่ยิ่งใหญ่ ของ"สิทธิสตรี" ที่สตรีในประเทศไทย พึงต้องรู้ และ ให้การรับรู้ ว่า "ตนนั้น มีสิทธิ ในความเป็นสตรี ที่โลกได้มอบให้ แค่ไหน? และ เพียงใด?"
๑๑. การ กระทำ ที่สังคมไทย ที่เป็นอยู่ ในเวลานี้ ได้กระทำต่อ "อดีตนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย" คือ "คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไม่ว่า ท่านผู้อ่านทั้งหลาย จะชอบเธอ เป็น ส่วนตัว หรือ เป็นพิเศษ อย่างไร? หรือไม่? ก็ดี
๑๒. เรา จำเป็นต้องตัด อคติ อันเป็นส่วนตน ที่มีต่อ เธอออกไป และ พิจารณากรณีของ"เธอ" ในฐานะ ที่เธอเป็น "สตรี" เพศแม่ของ เรา ตามบทบัญญัติของ CEDAW นี่คือ ข้อต่อสู้ทางกฏหมาย ที่สตรีทุกผู้ ทุกนาม มีอยู่ อย่างเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ ตามกฏหมายระหว่างประเทศ หรือ International Law หรือ อาจกล่าวได้ว่า มีอยู่ ในหลักนิติธรรม หรือ Rules of Law ของโลก
*กรณี ที่เกิดอยู่กับ "เธอผู้นี้"ในเวลานี้ จึงเป็น "the Harassment of Women's Liberty" โดยแน่ชัด และ กลายเป็น " the Gross violation of Human Rights" อย่างที่ มนุษย์สุดประเสริฐ ที่เจริญแล้ว ปฏิเสธ ไม่ได้ เป็นอย่างอื่น*
เอวัง ก็มีด้วยประการ ฉะนี้.