Saturday, April 2, 2016

จะเป็นไทต้องไม่มีในหลวง

จะเป็นไทต้องไม่มีในหลวง 
ไฟเย็นพบลุงสนามหลวง  เรื่องหลักการหรือต้นตอของปัญหา มิใช่การไปลงประชามติหรือไม่อย่างไร แต่เป็นเรื่องของระบอบการปกครองเผด็จการที่มีกษัตริย์เป็นแกนกลาง

ทรราช คสช. อ่อนไหวถึงขนาด “เพ้อฝัน” และมองข้ามสภาพความเป็นจริง

กรณี ศึกษาจีน รถไฟ ความเร็วสูง น้ำ จากแม่โขง

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยรถไฟ "ความเร็วสูง"

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยภาวะแล้งและผลสะเทือนส่วนหนึ่งจาก "เขื่อน" ในแม่น้ำโขงตอนบน

ทุกสายตามองไปยัง "จีน"

เพราะว่าแนวคิดในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มีจุดเริ่มจากการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากลาว เส้นทางรถไฟจากคุนหมิง

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

เพราะว่าปัญหาว่าด้วยภาวะภัยแล้ง ส่วนหนึ่งมีผลสะเทือนจากเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบน และบังเอิญที่มีการเปิดเขื่อนในห้วงแห่งการประชุม 5 ชาติแม่น้ำโขงที่เกาะไหหลำ

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของปัญหา "ภัยแล้ง" เป็นเรื่องอันเกิดขึ้นภายในไม่ว่าจะเป็นที่ลาว ที่ไทย ที่กัมพูชา หรือที่เวียดนาม

โดยมี "จีน" เป็นเพียง "องค์ประกอบ" 1

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของโครงการรถไฟ "ความเร็วสูง" เป็นความริเริ่มโดยตรงของไทยหรือแม้กระทั่งของลาว โดยมีจีนเป็นเพียงองค์ประกอบ 1 ในองค์ประกอบใหญ่

ความอ่อนไหวทั้งหมดจึงมาจาก "ปัจจัยภายใน"

เป็นความจริงที่แรงผลักดันอย่างสำคัญในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มาจากยุทธศาสตร์ใหญ่ของจีนในการเปิด "เส้นทางสายไหม" ยุคใหม่

เป็นพัฒนาการและความต่อเนื่องจาก "ยุคเจิ้งเหอ" ในราชวงศ์ "หมิง"

กระนั้น ภาวะแปรปรวน พลิกผัน ต้องยอมรับว่าเกิดจากปัญหาและความขัดแย้ง "ภายใน" ของสังคมประเทศไทยเราเองอย่างเป็นด้านหลัก

จากยุค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ในยุคของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จำกัดกรอบแห่งงบประมาณอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท แต่ไม่ว่าเอ่ยปากอะไรออกมาล้วนถูกคัดค้าน ต่อต้าน

ไม่เพียงแต่เสียงคัดค้านอันมาจาก "พรรคประชาธิปัตย์"

หากกระบวนการของการต่อต้านบานปลายและขยายไปยัง "องค์กรอิสระ" กระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ก็เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญ

จำ "ยอดคำเท่" ว่าด้วย "ถนนลูกรัง" ได้หรือไม่

ความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ตรงที่เมื่อถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กระบวนการคัดค้านต่อต้านเดิม หายไปจนหมดสิ้น หลายคนได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลทางการเมือง บางคนนั่งอยู่ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

รถไฟ "ความเร็วสูง" จึงเป็นกระจกอย่างดีในทาง "การเมือง"

รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องเลวๆ ในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเป็นเรื่องดีๆ หากแต่ยังทำให้โฉมหน้าคนดีปรากฏอย่างโจ่งแจ้ง

คนดีๆ เหล่านี้แหละที่ทำให้ภาพของ "จีน" บิดเบี้ยว แปรเปลี่ยน

ไม่ว่าเรื่องเขื่อนในแม่น้ำโขง ไม่ว่าเรื่องรถไฟความเร็วสูง จีนดำรงจุดมุ่งหมายและสะท้อนความเป็นตัวตนของตนไม่แปรเปลี่ยน

นั่นก็คือ ยืนอยู่บน "ผลประโยชน์" จีนด้วยความ "มั่นแน่ว"

มีแต่ไทยเราต่างหากที่เกิดการแปรเปลี่ยน พลิกกลับไป พลิกกลับมา เพราะความอ่อนไหวในความรู้สึกต่อจีน

เมื่อหงุดหงิดจาก "อเมริกา" ก็ผวาเข้าหา "จีน"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" ว่าจีนจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินของตนเองในโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อมอบให้กับไทย

เป็นการให้ฟรีๆ ด้วยน้ำใจอันใหญ่หลวงของ "พี่ใหญ่"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" และมองข้ามสภาพความเป็นจริงที่จีนมีการสร้างเขื่อนตอนต้นของแม่น้ำโขงมากกว่า 5 เขื่อน

จีนนั้นไม่มีอะไร "เปลี่ยน" ไทยต่างหากเล่าที่ "เปลี่ยน"

จีนนั้นเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง ไทยต่างหากเล่าที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

ผู้นำจีนจากยุคของ "เหมาเจ๋อตุง" กระทั่งยุคของ "เติ้งเสี่ยวผิง" มีความเชื่ออย่างหนึ่งในทาง "ความคิด"

นั่นก็คือ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจาก "ความเป็นจริง" และความเป็นจริงนั้นดำเนินการค้นหาจากหลักคิดที่ว่า "หาสัจจะจากความเป็นจริง" ถอดนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมให้จงได้

ความจริงนี้ของจีนไม่ว่าเมื่อ 50 ปีก่อนหรือปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยน
-

สมุนทรราช กรธ.ไม่ ‘ขัดใจ’ ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

สมุนทรราช กรธ.ไม่ 'ขัดใจ' ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

——————————–

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ ได้เพิ่มเติมบทเฉพาะกาล กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวาระเริ่มแรกมี 250 คน มาจาการคัดลือกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกือบทั้งหมด และมี ส.ว.โดยตำแหน่งที่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ 6 คน ด้วยเหตุว่าจะเข้ามาประคับประคองประเทศไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

เรื่องที่เป็นประเด็นร้อนและมีการถกเถียงของสังคม ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ คงหนีไม่พ้นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ในวาระแรกเริ่ม ที่มาจากข้อเสนอของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า

"ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เริ่มจัดระเบียบทางการเมืองใหม่ ควรให้ ส.ว. ชุดแรกมาจากการคัดสรร หรือแต่งตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ ปลอดจากพรรคการเมือง สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ช่วยประคับประคองความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูป และการสร้างความสามัคคีปรองดองร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร

ด้านคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ตอบสนองข้อเสนอนี้ โดยกำหนดในบทเฉพาะกาล มาตรา 269 สรุปได้ว่า

ในวาระเริ่มแรก ให้ ส.ว. ประกอบด้วยสมาชิก 250 คน โดยให้ คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่มีความรู้ ประสบการณ์ด้านต่างๆ เป็นกลางทางการเมือง 9-12 คน ทำหน้าที่สรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว. จำนวนไม่เกิน 400 คน เพื่อให้ คสช. คัดเลือกให้เหลือ 194 คน และคัดชื่อสำรองอีก 50 คน

อีกส่วนหนึ่ง มาจากผู้ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

และส่วนสุดท้ายได้จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการจัดให้มีการเลือก ส.ว. โดยให้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์หลายด้าน กลุ่มวิชาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ เลือกกันเองให้ได้ 200 คน แล้วนำรายชื่อให้ คสช. เลือกให้เหลือ 50 คน และคัดชื่อสำรองไว้อีก 50 คน จากที่มาสามทางนี้ก็จะได้ ส.ว.ครบ 250 คนพอดี

ส.ว.ชุดนี้จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีอำนาจหน้าที่ติดตาม เสนอแนะ เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ จัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ดูแลกฎหมายที่จะกระทบต่อการดำเนินการกระบวนการยุติธรรม

ทำไมต้องมี ส.ว.สรรหา 250 คน?

เป็นคำถามที่ผู้สื่อข่าวถาม มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. หลังการแถลงเปิดตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ มีชัยตอบว่าเดิม คสช.ขอมาให้มี ส.ว.สรรหาเลยทั้ง 250 คน แต่ กรธ.ขอว่าให้ คสช. เลือกมา 200 คนก็พอ ส่วนอีก 50 คน ให้มาทดลองระบบใหม่ โดยให้มีการเลือกกันทั้งประเทศ เหลือ 200 คน แล้วให้ คสช. เลือกเหลือ 50 คน

มีชัยกล่าวต่อไปว่า ถ้าถามว่าทำไม กรธ. จึงยอมใส่เรื่องนี้ในร่างรัฐธรรมนูญ ก็เพราะ คสช. ให้เหตุผลมาว่า

ความเรียบร้อยทั้งหลายที่ คสช. เคยมุ่งหมายไว้ยังไม่ดี

การปฏิรูปก็ยังไม่ครบถ้วน จึงอยากทำต่อ แต่ไม่สามารถให้ตัวเองทำได้ จึงควรให้ ส.ว. คอยเร่งรัด ตรวจสอบ ท้วงติง การปฏิรูปต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวม

เทียบข้อเสนอเดิมของ คสช. แทบไม่ต่าง แค่ตัดอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจออก

เมื่อย้อนดูข้อเสนอของ คสช. ก่อนที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเผยโฉม จะเห็นว่า แทบไม่มีความแตกต่างจากเดิมเลย เพียงแต่มีการลงรายละเอียดในส่วนของที่มา ส.ว. ให้ชัดเจนขึ้น และตัดอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป เรียกว่า กรธ. รับเอาข้อเสนอของ คสช. มาเต็มๆ

คสช. เสนอว่า ส.ว. มีวาระ 5 ปี ควรมีจำนวนกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรหรือ 250 คน มาจากการสรรหาของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอิสระและกลาง 8-10 คน และให้มี ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ซึ่งจะเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. คสช. เสนอว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่เลือกหรือกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แต่ควรให้มีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจหรืออื่น ๆ ตามกติการะบบรัฐสภาและกระบวนการยุติธรรมในระหว่างช่วงการเปลี่ยนผ่านด้วย


Cr. โดย iLaw



ส.ว.แต่งตั้งคุมการเมืองยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ

ส.ว.แต่งตั้งคุมการเมืองยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ
-
สุขุม กล่าวว่า ในยุคนั้น ข้าราชการสามารถเป็น ส.ว. ได้ มาจากการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีคนเดียว พลเอกเกรียงศักดิ์เป็นคนตั้ง ส.ว. ชุดแรก อำนาจของ ส.ว. ตอนนั้นมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงแรกมีอำนาจเท่ากับ ส.ส. คือร่วมโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งโหวตกฎหมายสำคัญๆ และการแก้รัฐธรรมนูญ กล่าวได้ว่าเป็นดุลพินิจของรัฐบาลที่จะให้ ส.ว. ร่วมโหวตในเกือบทุกเรื่อง ส่วนช่วงที่ 2 ส.ว. เหลือเฉพาะหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น แต่ ส.ว. ก็ยังมีบทบาทสูงในทางการเมือง
-
"ก็ตัวประธานรัฐสภามาจาก ส.ว. สมัยก่อนการเลือกนายกฯ ไม่ได้ระบุว่าต้องทำในที่ประชุมสภา อย่างตอนปี 2526 ที่คุณอุทัยได้เป็นประธานสภาผู้แทน คุณจารุบุตร เรืองสุวรรณ เป็นประธานวุฒิสภาและก็เป็นประธานรัฐสภาด้วย คุณอุทัยออกมาบอกว่าเดี๋ยวเราจะประชุมเลือกนายกฯ กันแล้วเอาชื่อไปให้ประธานรัฐสภาเพราะต้องเป็นคนรับสนองพระบรมราชโองการ คุณจารุบุตรบอก เปล่า ผมไม่มีสิทธิ์เรียกประชุม ส.ส. ผมเป็นคนหานายกฯ เพราะฉะนั้นขอให้หัวหน้าพรรคมาเสนอชื่อกับผมว่าจะให้ใครเป็นนายกฯ ผมจะดูคะแนนตามที่พรรคต่างๆ เสนอ คือเขาไม่ให้ประชุมสภาผู้แทนเพื่อเลือกนายกฯ"
-
"เรื่องวิ่งเต้นเป็น ส.ว. ไม่ต้องห่วงเลย ทุกยุคทุกสมัย ยุคผม ผมไม่ทราบหรอกครับว่าเขาวิ่งเต้นกันยังไง แต่ว่าก็เคยทราบมา เช่น อาจารย์บางคนในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นอธิการบดีก็ได้เป็น ส.ว. มีคนพูดว่า อาจารย์ไม่รู้เหรอว่าเขาทำยังไงถึงได้เป็น เขาไปกราบเมียของนายพลคนหนึ่ง ปวารณาตัวรับใช้ ซึ่งบางทีเราก็นึกไม่ถึงว่าคนเราจะขายศักดิ์ศรีได้ถึงขนาดนั้น"
-
พรรค ส.ว. พรรคใหญ่สุดหลังรัฐธรรมนูญ 2559
-
รศ.สุขุม วิเคราะห์ว่า ตอนนี้ สิ่งที่ผู้ถืออำนาจพยายามทำคือไม่ให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาล ซึ่งด้วยระบบเลือกตั้งที่วางเอาไว้ไม่สนับสนุนให้มีพรรคขนาดใหญ่ พรรคที่จะมีที่นั่งมากสุดก็ไม่น่าเกินร้อยหกสิบ ร้อยเจ็ดสิบ แต่การจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวต้องมีที่นั่ง 260 ขึ้นไป
-
"ผมไม่แน่ใจว่าพรรคการเมืองขนาดกลางจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นหรือเปล่า แต่ผมว่าจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน แล้วมีการเลือกตั้ง มันจะได้รัฐบาลที่ว่านอนสอนง่าย รัฐบาลที่จะถูกควบคุมโดย ส.ว. ถ้า ส.ว. มองดูว่าไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่เขาร่างไว้และกำหนดให้รัฐบาลต้องรายงานทุก 3 เดือน ถ้าไม่ทำก็ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จบ รอบนี้ ดูแล้วเขาจะใช้ ส.ว. นี่แหละ ไม่ให้นายกฯ ไม่ให้รัฐมนตรีกระดิกได้ ในยุคชาติชายไม่มีกฎบังคับว่ารัฐบาลต้องทำอะไรบ้าง แต่รอบนี้มียุทธศาสตร์บอกว่าต้องทำอะไรๆ บ้าง คือถ้า คสช. ตั้งนายกฯ เองอาจจะถูกต่อต้าน จึงมาใช้วิธีคุมด้วยกฎ แล้วเอาองค์กรมากำกับ ก็ต้องคอยดูกันว่าอีกฝั่งเขาจะดิ้นยังไง ถ้าเขาได้ขึ้นมา"
-
"การเมืองไทยหลังรัฐธรรมนูญ 2559 พรรค ส.ว. น่าจะเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าเขาใช้ในทางนิติบัญญัติและควบคุม ไม่ได้ใช้อำนาจบริหาร"
-
"วันก่อนมีคนให้ผมไปทอล์คโชว์เรื่องประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ผมบอกว่าถ้าผมปิดตาทุกคน แล้วเดินจูงไป ท่านทั้งหลายก็จะรู้สึกว่าก้าวไปข้างหน้า แต่ทันทีที่ผมเปิดผ้าปิดตาออก พวกท่านก็จะหันมาต่อว่าผม ทำไมพามาเจอของเก่าแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เดินเป็นวงกลม"
-
หน้าตาการเมืองไทยมีโอกาสย้อนหลังกลับสู่ปี 2521 ถึงแม้อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 กับในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่หลักการแย่งยื้ออำนาจจากนักการเมืองและการควบคุมการเมืองไม่ได้แตกต่างกัน ทว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือบริบทแวดล้อมต่างจากเมื่อ 40 ปีก่อนมาก คำถามคือระบบการเมืองที่ถอยหลังไป 4 ทศวรรษจะตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างไร และหากตอบไม่ได้ มันจะนำไปสู่อะไร


42D6BC2C-F33F-4E4E-B376-535C6AB86076

จากไลน์....

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อ 31 มี.ค. 2559 โดย iLaw
2985
ชุดกฎหมายมั่นคงดิจิทัลกำลังจะกลับมา หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จสิ้น ก่อนที่จะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในหลักการและเนื้อหาสาระของกฎหมายยังคงมีปัญหาที่ควรถกเถียงกันอีกมา โดยบทเรียนจากต่างประเทศก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในกฎหมายจนเกินความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วนเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการกระทำความผิด และเสี่ยงต่อการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อสิ่งที่เรียกว่า "เศรษฐกิจดิจิทัล" อีกด้วย
 
อ่านต่อที่ http://ilaw.or.th/node/4072

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

Friday, April 1, 2016

แม่ลูกจันทร์: ความเสียหายอันมหันต์ อันเกิดจากรัฐธรรมนูญโจร ที่ตัดการศึกษา ม. ปลาย ฟรี

รัฐธรรมนูญฉบับ 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่ถูกฉีกทิ้งไป กำหนดให้เด็ก ไทยทุกคนได้รับการศึกษาฟรีอย่างมีคุณภาพ 12 ปี

พูดง่ายๆ เด็กไทยได้เรียนฟรี ตั้งแต่ชั้น ป.1 จนถึงชั้น ม.6 อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

"แม่ลูกจันทร์" กราบเรียนว่า ร่างรัฐธรรมนูญ (ร่างแรก) ของ อจ.มีชัย ฤชุพันธุ์ เกิดความคิดพิสดาร ตัดโครงการเรียนฟรีจาก 12 ปี เหลือแค่ 9 ปี

ปรากฏว่า เกิดกระแสคัดค้านกันอึกทึกครึกโครม จนในที่สุด "อจ.มีชัย" ต้องยอมแก้ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 54 กลับมาเป็นเรียนฟรี 12 ปี

แต่แทนที่จะให้เรียนฟรีตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 หรือ ปวช. อย่างเดิม

อจ.มีชัย กลับทำตัวเป็น "คุณปู่รู้ดี" เปลี่ยนระบบเรียนฟรีให้เริ่มจากชั้นอนุบาลถึงมัธยม 3

ส่วนใครจะเรียนต่อ ม.ปลาย หรือใครจะเรียนสายอาชีพ ปวช. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องแบกภาระจ่ายค่าเรียนเอาเอง

"แม่ลูกจันทร์" มองว่า การร่นระยะเรียนฟรี 12 ปี จากอนุบาลถึง ม.3 เป็นแนวคิดที่ผิดจังเบอร์!!

เพราะค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลน้อยกว่าค่าใช้จ่ายเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายกว่า 2 เท่าตัว

แถมค่าใช้จ่ายสายอาชีวะ บวกค่าอุปกรณ์การเรียนสาย ปวช.ก็สูงกว่าเด็ก อนุบาลกว่า 3 เท่าตัว

"แม่ลูกจันทร์" เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของ อจ.มีชัย ต้องการลดภาระรายจ่ายด้านการศึกษาของรัฐบาล

โดยผลักภาระให้ประชาชนพ่อแม่ผู้ปกครองรับไปเต็มๆ

การอ้างว่าเพื่อไม่ให้คนจนเสียเปรียบคนรวย จึงเป็นเหตุผลที่ห่วยแตกสิ้นดี

เพราะในความจริง...ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ทำให้เด็กนักเรียนที่มีพ่อแม่ยากจนหมดโอกาสที่จะได้เรียนต่อชั้นมัธยมปลาย หรือเรียนต่อสายวิชาชีพ ปวช.

ถึงจะอ้างว่ารัฐจะจัดกองทุนการศึกษาให้เด็กยากจนกู้ยืม

"แม่ลูกจันทร์" ถาม อจ.มีชัย ว่า การได้สิทธิเรียนฟรีกับการต้องวิ่งเต้นไปกู้ยืมกองทุนไปจ่ายค่าเรียน

แบบไหนประชาชนจะได้ประโยชน์จากรัฐมากกว่ากัน??

แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังสวนทางนโยบายปฏิรูป การศึกษาของรัฐบาล คสช.อย่างสิ้นเชิง

นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งประกาศแหม่บๆ ว่ารัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เด็กไทยเรียนสายอาชีวะอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

เนื่องจากประเทศไทยต้องการแรงงานระดับ ปวช.ปีละ 1 ล้านคน

ปัจจุบันเราผลิตเด็กไทยที่จบสายอาชีวะเพียงปีละ 4 แสนคน ตลาดแรงงานยังต้องการแรงงานอาชีพระดับ ปวช. ปวส. เพิ่มอีกปีละ 6 แสนคน

"แม่ลูกจันทร์" สรุปว่า ร่างรัฐธรรมนูญของ อจ.มีชัย ที่ตัดสิทธิเรียนฟรี ระดับมัธยมปลายและระดับ ปวช.

จะเป็นอุปสรรคทำให้เด็กไทยเรียน สายอาชีพน้อยลง

เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีฐานะยากจนไม่มีปัญญาหาเงินส่งลูกหลานเรียนต่อ ปวช.

ผลดี เด็กไทยเมื่อจบชั้น ม.3 ก็ต้องออกหางานทำ

เด็กที่จบมัธยม 3 เป็นได้แค่กรรมกรรับจ้างรายวัน

กลายเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคมที่รัฐต้องช่วยเหลือดูแล

ผลร้ายที่ตามมาคือ แรงงานฝีมือที่จะรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศก็จะขาดแคลนอย่างรุนแรง

เห็นมั้ยคุณโยม...รัฐธรรมนูญมาตราเดียว...สร้างความเสียหายได้บานตะไท.

Thursday, March 31, 2016

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 40 เดินหน้ายกตน เจาะยางประชาธิปไตย (ต่อ)

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 40 เดินหน้ายกตน เจาะยางประชาธิปไตย (ต่อ)

https://youtu.be/LDeD-5_2858

หรือ

https://youtu.be/n5Z3k4lDVhw

หรือ

https://youtu.be/QuC6zVG-ujE

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หรือรายงานการปฏิบัติงานสร้างเครือข่าย ทางอีเมล์ 4everche@gmail.com

 

ย้อนหลัง....

 

 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 39 เชิดตัวชูตน และเจาะยาง-บ่อนทำลาย ประชาธิปไตย

https://youtu.be/OPFEyfmJxE8

หรือ

https://youtu.be/m_pZtmbJHSE

หรือ

https://youtu.be/OrhVS5Fz15o

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หรือส่งอีเมล์ไปที่ 4everche@gmail.com

 

************************

 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 38 พฤษภาเลือด 2535 และพระราชาเจ้าเล่ห์

https://youtu.be/mEVIE7zHyOg

หรือ

https://youtu.be/15MLWWGCk6U

 

******************************************

 

 

********************

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 37 รสช.-พฤษภา 2535 & ประเทศข้า ใครอย่าแตะ! 2

https://youtu.be/fD0HkaYRBpE

หรือ

https://youtu.be/4PjzFiG2e9U

หรือ

https://youtu.be/zrhMhteIa9I

----------------------

 

********************

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 36 รสช.-พฤษภา 2535 & ประเทศข้า ใครอย่าแตะ! 1

https://youtu.be/YGUMx2tvHVQ

หรือ

https://youtu.be/XjUs6Nh2ngg

----------------------

 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 35 ตอน เรื่องวุ่น ในวังอลเวง และการชูเปรม เพื่อค้ำบัลลังก์

https://youtu.be/UsiLVukMxM4

หรือ

https://youtu.be/KToVhgzkHvo

หรือ

https://youtu.be/lzxo0Zg5hK8

หรือ

https://youtu.be/CLNcYGl8rz8

 

 

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หรือส่งอีเมล์แจ้งผลการปฏิบัติงานไปที่ Email: 4everche@gmail.com

____________________________________________________

Wednesday, March 30, 2016

นักวิชาการยกตัวเลขแย้ง “มีชัย” ยันเรียนฟรีถึงม.ปลายจำเป็น หากจะลดความเหลื่อมล้ำ

นักวิชาการยกตัวเลขแย้ง "มีชัย" ยันเรียนฟรีถึงม.ปลายจำเป็น หากจะลดความเหลื่อมล้ำ

เครดิตและอ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่  http://www.matichon.co.th/news/89775

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แสดงความเห็นถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องการ ศึกษา โดยระบุว่า

"สิทธิเรียนฟรี ม.ปลาย กับ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา"

ตาม ที่น้องๆ เยาวชน กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไททวงสิทธิการเรียนฟรี ในระดับ ม.ปลาย ที่ถูกตัดออกไปจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้

ล่าสุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ชี้แจงว่า กรธ. ได้บัญญัติให้รัฐต้องสนับสนุนการเรียนการสอนในชั้นก่อนการศึกษาภาคบังคับ จนถึงชั้น ม.3 รวมเวลา 12 ปีเช่นเดิม เพียงแต่มีการร่นช่วงอายุลงมาเท่านั้น เพื่อความเท่าเทียมกันระหว่างคนจนและคนรวย

เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงหลายประการที่ต้องอธิบาย

ข้อ เท็จจริงประการแรกคือ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ปรับเปลี่ยนกรอบการดําเนินการจาก 12 ปีเป็น 15 ปี ในชื่อ "โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ" ครอบคลุมทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษาในระดับชั้นอนุบาล-ปวช.3 อยู่ โดยให้การอุดหนุนค่าเล่าเรียนต่อหัวนักเรียนในรูปตัวเงินให้แก่สถานศึกษาและ ครอบครัวนักเรียน

แต่ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หน้าที่ของรัฐจะมีเพียงการสนับสนุนให้นักเรียน เรียนฟรีจนถึง ม.3 (ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่) เท่านั้น ส่วนสิทธิของประชาชนนั้นหายไปกลายเป็นหน้าที่ของรัฐแทนแล้ว

นอกจากนี้ นายมีชัยยังอธิบายเหตุผลที่ตัดออกว่า "…อันนี้ต้องเข้าใจว่าทุกวันนี้ระบบการศึกษามันไม่ทัดเทียมกัน เพราะเด็กจะพัฒนาได้เนี่ยต้องอยู่ระหว่าง 2-5 ขวบ ซึ่งคนมีตังค์ได้รับการพัฒนา แต่คนจนไม่ได้รับการพัฒนา เพราะฉะนั้นพอถึงมัธยมปลายก็เสียเปรียบ สู้กันไมได้เพราะตอนนั้นสมองไม่พัฒนาแล้ว

สิ่งที่เราทำก็คือการร่น 12 ปีลงมาข้างล่างเพื่อรองรับคนจน แล้วพอถึงมัธยมปลาย คนจนก็จะได้รับการดูเพราะจะมีกองทุนการศึกษาให้ ส่วนคนมีสตางค์ก็ออกสตางค์ เพราะฉะนั้นความทัดเทียมมันถึงจะเกิดขึ้นได้จริง ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้คนจนก็จะแย่ เสียเปรียบ…" นี่คือคำอธิบายของนายมีชัย

แต่ จากผลการศึกษาของ ดร. ดิลก ลัทธพิพัฒน์ ที่ทำไว้อย่างน่าสนใจว่า ก่อนที่เราจะมีรัฐธรรมนูญ 2540 เราจะเห็นว่า สัดส่วนการเข้าเรียนระดับม.ปลาย (กราฟทางซ้ายมือ) ของกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด 25% แรกกับกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% นั้นแตกต่างเหลื่อมล้ำกันมาก ในช่วงนั้น กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% มีสัดส่วนได้เข้าเรียน ม.ปลาย ไม่ถึงร้อยละ 10 เท่านั้น

โชคดีที่เรามีรัฐธรรมนูญ 2540 เพราะว่า หลังจากนั้น สัดส่วนการเข้าเรียนของกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสูงกว่าร้อยละ 40 ในปัจจุบัน (กลุ่มครัวเรือนที่รวยที่สุด 25% แรกมีอัตราการเข้าเรียนประมาณร้อยละ 80) และความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด 25% แรกกับกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% เริ่มหดแคบเข้า เพราะฉะนั้น การระบุสิทธิการเรียนฟรี 12 ปีไว้ มีส่วนช่วยที่จะลดความเหลื่อมล้ำดังกล่าวลงได้มากทีเดียว

เพื่อเปรียบ เทียบกัน อยากให้ลองมองภาพทางขวามือ สัดส่วนการเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ซึ่งสิทธิการเรียนฟรียังครอบคลุมไม่ถึง เราจะเห็นว่า ความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด 25% แรกกับกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% กลับขยายห่างออกไปมากขึ้น แม้กระทั่งปัจจุบัน กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำสุด 25% ยังมีสัดส่วนได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยไม่ถึงร้อยละ 10 ด้วยซ้ำครับ

เพราะ ฉะนั้น สิทธิการเรียนฟรีของประชาชน ในระดับ ม.ปลาย จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำสำหรับคนรุ่นหน้า เป็นความหวังหนึ่งในการพาให้สังคมไทย พ้นจากความเหลื่อมล้ำที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ผมจึงอยากถามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ใช้ข้อมูลหลักฐานหรือผลการศึกษาใดในการชี้แจงดังกล่าวครับ ถ้ามีรบกวนแจ้งด้วยครับ เพราะผมก็อยากเรียนรู้แง่มุมที่แตกต่างเช่นกันครับ ผมพร้อมที่จะศึกษาข้อมูลใหม่ๆ ที่แตกต่างจากที่ผมรู้ครับ

แต่ถ้าคำชี้แจงดังกล่าวเป็นกล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีผลการศึกษายืนยัน ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

49

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 30 มีนาคม 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ภัยจากรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 30 มีนาคม 2559 โดยคุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
ภัยจากรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์


เกือบ 2 ปีหลังการรัฐประหาร คสช.มีการเรียกปรับทัศนคติประชาชนอย่างต่อเนื่อง เว็บไซต์ไอลอว์รวบรวมข้อมูลว่ามีกว่า 900 ราย

http://news.voicetv.co.th/thailand/344661.html

เกือบ 2 ปีหลังการรัฐประหาร คสช.มีการเรียกปรับทัศนคติประชาชนอย่างต่อเนื่อง เว็บไซต์ไอลอว์รวบรวมข้อมูลว่ามีกว่า 900 ราย

วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส. สมุทรปราการ ถูกปรับทัศนคติในค่ายทหาร หลังเขาเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ  นี่เป็นครั้งที่ 2 ของเขา   ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558  คสช. ส่งนายทหารผู้ดูแลพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเข้าไปพูดคุยที่บ้านพักใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมง 

ส่วนนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ถูกเรียกปรับทัศนคติเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558  ที่กองทัพภาคที่ 1 ใช้เวลาพูดคุยประมาณครึ่งวัน  ส่วนครั้งที่ 2  เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559  ที่มลฑลทหารบกที่ 11 รวมเวลานับ 10 ชั่วโมง

นักการเมืองอีกคนหนึ่งที่ทหารเรียกไปปรับทัศนคติในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา อาจจะเรียกได้ว่า มากที่สุดคือนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ถูกปรับทัศนคติมาแล้ว 7 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือ 9 กันยายน 2558

วอยซ์ทีวี ยังรวบรวมข้อมูลรูปแบบการเรียกปรับทัศนคติของ รัฐบาล คสช. ไว้ด้วย มีทั้งการส่งจดหมายเชิญตัว โทรศัพท์เพื่อเชิญตัวไปเพื่อดื่มกาแฟ ทานข้าวร่วมกัน  ต่อมาเปลี่ยนเป็นการโทรศัพท์เข้าที่บ้านพัก หรือโทรศัพท์มือถือ ไปรับตัวที่บ้าน  และเปลี่ยนเป็นการไปรับที่บ้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้า  ไม่เปิดเผยสถานที่การควบคุม

กลุ่มคนที่ถูกเรียกปรับทัศนคติแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือนักการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพรรคเพื่อไทย สื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นสวนทางกับรัฐบาล และคสช.   นักวิชาการ  นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่แสดงสัญลักษณ์ที่ คสช. ให้ความหมายว่าเป็นการต่อต้าน

เมื่อสำรวจท่าทีหรือการกระทำก่อนถูกเรียกปรับทัศนคติ มักพบหลายรูปแบบ เช่น โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี วิจารณ์การบริหารประเทศ และนโยบายของรัฐบาล คสช.

จากเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลด้านกฎหมายไอลอว์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557  คสช. เรียกประชาชนเข้าปรับทัศนคติอย่างน้อย 900 ราย เป็นการถูกจับกุมคุมขังจากการชุมนุมโดยสงบ 214 ราย ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร 155 ราย  ถูกดำเนินคดีที่ศาลพลเรือน 47 ราย และถูกดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ม. 112 รวม 50 ราย

ถูกใจ
1
ไม่ถูกใจ
1
มีความสุข
0
น่าเศร้าใจ
9
หลงรัก
1
ประหลาดใจ
1

ต้องดู “ความบ้า" ของ คสช. (ข่าวกอท.เสรีไทย:30มีนา59)

ข่าวกอท.เสรีไทย:30มีนา59
*รวมความบ้าประยุทธ์29มีนาวันเดียวออกอาการบ้าทุกแง่มุม
•บ้า1:ยุทเหล่ขู่ตาขวางจะเลิกทั้งหมดไม่มีเลือกตั้งถ้ายังขวางรธน.
https://youtu.be/hgTikk1EYyUm
•บ้า2:ยุทเหล่ขู่ตาขวางจะจัดหลักสูตรอบรมนักการเมืองโดยจะจับขังให้เรียนนาน30วัน
https://youtu.be/Gas0GVQalXE
•บ้า3:ยุทเล่ออกโรงแสดงบทคนบ้าแท้ด้วยตัวเองยืนยันโพสต์ภาพ'ขันแดงทักษิณ'ถือว่าผิดกม.เป็นภัยความมั่นคง
http://www.matichon.co.th/news/88226
•บ้า4:มีคนล้อเลียนน้ำพริกนรก'พ่อประยุทธ'ยุทเหล่ก็จะเอาผิด,สั่งไก่อูไปควานหาตัวยัดข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมฯ
http://www.matichon.co.th/news/88012
•บ้า5:ยืนยันไม่ปลดพลเอกไพบูลย์รมว.ยุติธรรมหลังสนพ.เตรียมยื่น4หมื่นราย ชื่อปลด..ด่าปัญหาอยู่ที่ทนายปากไม่ดีที่พูดทุกอย่างให้วุ่นวายไปหมดแถมด้วย ด่าสื่อโง่แยกไม่ออกหรือว่าใครดีไม่ดี?
http://www.matichon.co.th/news/88255
•บ้า6:ยุทเหล่อาการกำเริบหนักด่ากราดคนโพสต์ภาพรมช.ศึกษาพลเอกสุรเชษฐ์ก้ม ถอดรองเท้าให้ว่า"จิตใจต่ำเพราะเป็นเรื่องปกติที่รุ่นน้องทำให้รุ่นพี่... ว่าจะไม่โมโหละนะ...ใครถ่ายว่ะ!!มันเป็นเรื่องภายใน"
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1459239914
•ประวิทหัวหน้าใหญ่ก็ส่ออาการบ้าด้วย,ขู่เสียงอ้อแอ้แบบตือโป๊ยก่าย,จะจับนักการเมืองอบรมนาน30วันเพื่อให้ยอมรับระบอบเผด็จการ
https://youtu.be/c_vEov1eRNM
--------------------------

•สงครามใกล้ปะทุเมื่อโจรเตรียมจับพระจะได้เห็นเมื่อดีเอสไอ.รับบัญชาจากมหาโจรคสช.เรียก"พระธัมมชโย"มาเตรียมเข้าคุก8เม.ย.นี้
http://www.matichon.co.th/news/88492

•ปิดปากสื่อไทยได้แต่จะไปปิดปากสื่อนอกไม่ได้,สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพี ประสานเสียงวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยมอบอำนาจล้นเกินแก่คณะ รัฐประหาร,ไม่เป็นประชาธิปไตย
http://news.voicetv.co.th/thailand/345129.html

•ประยุทธ์บ้าไปเศรษฐกิจไทยก็ยิ่งไม่ฟื้น:ทั้งเดือนก.พ.ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังทรุดต่อเนื่อง

เถียงให้รู้เรื่อง : เปลี่ยนผ่าน 5 ปี ปฏิรูปประเทศได้จริงหรือ ? (29 มี.ค. 59)

เถียงให้รู้เรื่อง : เปลี่ยนผ่าน 5 ปี ปฏิรูปประเทศได้จริงหรือ ? (29 มี.ค. 59)

 https://youtu.be/sML2-fAHOp4


Tuesday, March 29, 2016

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับโจรเฒ่าเขียนให้แก็งค์โจรกบฏ ก่อนลงประชามติ

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 36 รสช.-พฤษภา 2535 & ประเทศข้า ใครอย่าแตะ!



กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 36 รสช.-พฤษภา 2535 & ประเทศข้า ใครอย่าแตะ!

https://youtu.be/YGUMx2tvHVQ

หรือ

https://youtu.be/XjUs6Nh2ngg

หรือ

https://youtu.be/4PjzFiG2e9U

หรือ

https://youtu.be/zrhMhteIa9I

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หรือส่งอีเมล์แจ้งผลการปฏิบัติงานไปที่ Email: 4everche@gmail.com

 

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

 

 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 35 ตอน เรื่องวุ่น ในวังอลเวง และการชูเปรม เพื่อค้ำบัลลังก์

https://youtu.be/UsiLVukMxM4

หรือ

https://youtu.be/KToVhgzkHvo

หรือ

https://youtu.be/lzxo0Zg5hK8

หรือ

https://youtu.be/CLNcYGl8rz8

Monday, March 28, 2016

จดหมาย (ลับ) จาก ปรีดีย์ พนมยงค์ ถึงศรีภริยา และความลับ(จริง) กรณีสวรรคต ร. 8

สองฉบับ 2475 เขียนถังศรีภริยา ว่าด้วยชะตากรรมสองชีวิตที่ถูกปัญหาการเมืองทำให้ทุกข์ทรมาณ
2510 ถึงศรีภริยา ด้วยความรักความคิดถึง
2525 ความลับ(จริง) กรณีสวรรคต
2526


Sunday, March 27, 2016

ปิดฉากสลิ่มลวงโลก ธนกฤต ดำดี หรือ เสธฯโอ๋ หรือ อดีตเพจ Bond Seal

ปิดฉากสลิ่มลวงโลก ธนกฤต ดำดี หรือ เสธฯโอ๋ หรือ อดีตเพจ Bond Seal ชือดังช่วงยุคม็อบ กปปส.ครองเมือง ข้อหาฉ่อโกง 18 มงกุฎและกำลังจะตามด้วยมาตรา 112 ฐานแอบอ้างเป็นนักบินยศนาวาอากาศตรีและบินคู่กับเจ้าฟ้าชายวชิรลงกรณ์  ขณะนี้ฝากขังศาลเรียบร้อยแล้วพร้อมพยาน หลักฐานมัดตัวอีกหลายคดี เจ้าทุกข์ที่เป็นสลิ่มหน้าไหนอยากเพิ่มคดีให้มันก็เชิญที่ สน.เพชรเกษม หรือ ที่ศาลอาญาเลยครับ หรืออายที่จะเผยตัวว่าโง่ที่โดนไอ้กระจอกหลองเงินบริจาคเกือบสี่ล้านบาทในบัญชีของมัน