Saturday, October 24, 2015

ข่าวล่าสุดรออีกศพ,หมอหยอง กำลังปั๊มหัวใจ(?) จาก ปล(ร)ากรม จะเป็น “ปูกรม” ไหม?

ครอบครัวปรากรมติดต่อขอรับศพ ที่ รพ.ตร. 
(โปรดระวังหากพวกมันจับยิ่งลักษณ์เข้าคุกก็จะเกิดเหตุการจากปรากรม..เป็น'ปูกรม'แน่นอน)
6)ข่าวล่าสุดรออีกศพ,หมอหยอง กำลังปั๊มหัวใจ

มุมมองจาก เซียนวงใน เรื่อง การมุ่งเป้าทำลายคนและฐานกำลังของ พระบรมฯ​ โดย...

"ถูกเจ้านายจับได้เองคงไม่เท่าไร แต่ถูกฝั่งตรงข้ามชี้เป้าว่าลูกน้องบกพร่อง นายไม่มีปัญญาปกป้องก็ปล่อยให้เป็นตามกรรมถูกจับยัด ยิ่งจับคนทำงานให้ยิ่งถอดใจ เผื่อว่าวันข้างหน้าแม้อยู่เฉยๆแต่ถูกชี้เป้าเหมือนคนเสื้อแดงก็เอาตัวไม่รอด แถมโทษานุโทษสุดคลาสสิค เป็นอะไรก็ไม่ชัด ตัวยังไม่เย็นร่างก็ไหม้กลายเป็นว่าจุลหาเหตุตายไม่ได้ แล้วจะมีใครอยู่ใกล้รับใช้กัน. แผนโยนชั่วให้ลิ่วล้ออีกฝ่าย(อย่าคิดว่าคนโยนมันจะดี)หมายจัดการเจ้านาย มันทำได้แสนง่าย ใครเลวกว่ากันให้ดูตอนจบ ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์"



ต่อให้เหลืองยิ่งกว่าอุจจาระ ก็หนีไม่พ้นความอำมหิตของชนชั้นศักดินาไทยและเครือข่ายอำมหิต

เอาอีกแล้ว ทัพผู้ลี้ภัยเซอร์เบีย นับสามพันกว่า ทะลักเข้าโครเอเชีย



Download

เอาอีกแล้ว ทัพผู้ลี้ภัยเซอร์เบีย นับสามพันกว่า ทะลักเข้าโครเอเชีย

เอาอีกแล้ว ผู้ลี้ภัยเซอร์เบีย นับสามพันกว่า ทะลักเข้าโครเอเชีย

เหตุ ร้ายในประเทศที่ไม่ได้รับการควบคุมโดยองค์การนานาชาติ ทำให้มันเลยเส้นธรรมดา จนคนบริสุทธิ์อยู่ไม่ได้... โลกเราก้าวมาถึงวันนี้ได้อย่างไร? 

หมอหยอง ดวงแตก!!! (ผู้จัดการสุดสัปดาห์)

อ่านข่าวข้างล่างแล้ว ลองฟังดร.เพียงดิน วิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวข้องได้ที่ 

|||   ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย 2015-10-24 ตอน "แผนร้าย เบื้องหลังคดีหมอหยองและคณะ "



*************************
http://www.tprud.org มหาวิทยาลัยประชาชน นปช.ยูเอสเอ และเครือข่าย  สนับสนุนการเผยแพร่ เพื่อให้ความรู้และตีแผ่ความจริง
เพื่อสร้างสำนึกการปฏิวัติสู่การเป็นประชาธิปไตย ด้วยสันติวิธี
Truth, Peace, Revolution, Universal Human Rights, Democracy
คุ้มครองโดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (http://tahr-global.org)
-------------------------------------------------------------------------------------

ขอให้พี่น้องเชื่อมั่นในพลังของมดแดงล้มช้าง... แต่อย่าผลีผลามแสดงตัวให้เขาใช้ความรุนแรงจัดการกับพี่น้อง อย่าทำอย่างย่ามใจ อย่าทำเพื่อสะใจ อย่าหวังผลประโยชน์ และอย่าคิดเด่นดังหรืออิจฉาริษยากัน ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ หรือ noble mission ในการกู้ชาติ แล้วสร้างชาติใหม่ให้ลูกหลานนี้ เป็นสิ่งที่เราควรภูมิใจร่วมกันอย่างยิ่ง

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มต้นทำงานในฐานะมดแดงล้มช้างทันที (ข้อมูลทุกอย่าง เป็นความลับสุดยอด ดร.เพียงดิน รักไทย จะดูแลเองแต่ผู้เดียว และอย่าได้ติดตามลิ้งค์อื่นใด นอกจากลิ้งค์นี้จากเฟสบุ๊คของดร.เพียงดิน และลิ้งค์ที่อยู่ใต้ยูทูปวิดีโอของ มหาวิทยาลัยประชาชน Official เท่านั้น)
+++++++++++++++++++

Credit: ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
-การจับกุม "แก๊งแอบอ้างเบื้องสูง" เรียกรับผลประโยชน์อันมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประกอบด้วย "หมอหยอง-นายสุริยัน สุรจริตพลวงศ์" "สารวัตรเอี๊ยด-พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา" และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท ชัตเตอร์มหาเทพ คนสนิทของหมอหยองนั้น นับเป็นคดีใหญ่คดีที่สองที่สร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วราชอาณาจักรไทยไม่แพ้คดีแรก ซึ่งมี "เดอะกิ๊ก-พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์" อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ "อดีตพี่น้องสกุลอัครพงศ์ปรีชา" ที่ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ "สุวะดี" เลยทีเดียว
       
       เนื่องเพราะใครเลยจะคาดคิดว่า หลังคดีของเดอะกิ๊กแล้ว จะมีใครหน้าไหนกล้าในบ้านนี้เมืองนี้แอบอ้างเบื้องสถาบันไปเรียกรับผล ประโยชน์ได้อีก
       
       กองทัพร้องทุกข์ "แก๊งหยอง" เหิม อ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์
       
       ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ศาลทหารจะมีการออกหมายจับและนำตัวไปฝากขังเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมานั้น ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เต็มไปด้วยความสับสนและเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องของ หมอดูคนดัง กระทั่งมีความชัดเจนขึ้นเมื่อ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้ลงนามในคำสั่ง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ 267/2558 วันที่ 18 ตุลาคม 2558 ย้ายตำรวจ 8 นาย
       
       ประกอบด้วย 1. พ.ต.อ. ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รองผู้บังคับการปราบปราม 2. พ.ต.อ. ไพโรจน์ โรจนขจร ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม 3. พ.ต.ท. วสุ แสงสุกใส รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม 4. พ.ต.ท. ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม 5. พ.ต.ท. จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง 6. พ.ต.ท. ณัทกฤช พรหมจันทร์ สารวัตร กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม 7. พ.ต.ท. พิทยา กล่ำ เอม สารวัตรกลุ่มถวายงานความปลอดภัย กองบังคับการตำรวจทางหลวง 8. พ.ต.ท. สุวัฒนชัย ศรีทองสุข สารวัตร กองกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์
       
       สังคมงุนงงว่า ตำรวจเหล่านั้นโดนย้ายด้วยเรื่องอะไร
       
       ถัดจากนั้นไม่นานนัก เรื่องก็มีความชัดเจนขึ้นทีละน้อยในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 19 ตุลาคม 2558 เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ยอมรับว่ามีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในกรณีที่มีบุคคลแอบอ้าง สถาบันเบื้องสูงไปกระทำการมิบังควร ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสืบสวนสอบสวน และมี พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวน
       
       และได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ว่า หน่วยงานที่ร้องทุกข์เรื่องดังกล่าวก็คือ "กองทัพบก" และศาลได้อนุมัติหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อบุคคล จำนวน และรายละเอียดพฤติการณ์ และแย้มว่าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันที่ 21 ตุลาคม
       
       ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ยอมรับในเวลาต่อมาว่ามีข้าราชการตำรวจและพลเรือนที่ มีชื่อเสียง ซึ่งปรากฏในสื่อก่อนหน้านี้เข้ามาเกี่ยวข้องจริง
       
       "ผู้ต้องหาคดีนี้ทั้งหมดมีพฤติกรรมชัดเจนว่า แอบอ้างเบื้องสูงในการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งมีเจ้าทุกข์เป็นกองทัพบกนำข้อมูลมาร้องให้ตำรวจดำเนินคดี"บิ๊กแป๊ะแย้ม รายละเอียดมาทีละน้อย
       
       ต่อมาวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ นำเอกสารคำร้องมายื่นต่อศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขอฝากขังผู้ที่ถูกหมายจับในฐานความผิดคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผลัดแรก เป็นระยะเวลา 12 วัน พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอศาลทหารกรุงเทพอนุมัติออกหมายจับผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วยอีก 1 คน
       
       และในที่สุดรายชื่อก็เปิดเผยออกมาว่า ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ที่ศาลทหารออกหมายจับ และขอฝากขังในชุดแรกมีทั้งหมด 3 คนด้วยกันคือ
       
       หนึ่ง-หมอหยอง นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หมอดูชื่อดัง อายุ 53 ปี
       
       ถูกดำเนินคดีในข้อหา ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ
       
       สอง-นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อาท ชัตเตอร์มหาเทพ" อายุ 29 ปี คนสนิทของหมอหยอง
       
       ถูกดำเนินคดีในข้อหา ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ
       
       และสาม-สารวัตรเอี๊ยด พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. อายุ 44 ปี
       
       ถูกดำเนินคดีในข้อหา ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ และข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ ในครอบครอง / มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต / ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชปลอมอีกด้วย
       
       พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผช.ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ทั้งสามคนถูกตั้งข้อหาแอบอ้างเบื้องสูง โดยเบื้องต้นทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพแล้ว ส่วนหลักฐานและพฤติกรรมที่จะบ่งชี้ความผิดอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมทั้งยังมีข้อหาอื่นๆ อีกด้วย เช่น อาวุธสงคราม เป็นต้น
       
       "จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามคนให้การรับสารภาพ และให้การพาดพิงถึงตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 8 นาย ที่ถูกสั่งช่วยราชการก่อนหน้านี้ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหากระทำความผิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 เดือน และมีความผิดมากกว่า 1 กรรม และเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานว่ามีความความเชื่อมโยงถึงบุคคลใด บ้าง ก็จะมีการดำเนินคดี และออกหมายจับเพิ่มเติม" พล.ต.ท.ศรีวราห์ให้ข้อมูล
       
       อย่างไรก็ตาม นอกจากจับกุมคุมขังแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการมีการยึดรถและทรัพย์สินของบุคคลทั้งสามเอาไว้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปืน รถ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ วิทยุสื่อสาร เป็นต้น
       
       ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตรวจพบว่า มีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำผิดโดยมีพฤติการณ์แอบอ้างหรือ แสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระกัน เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่า ตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกหรือรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆ อีกหลายฐานความผิด การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ และความเสียหายอื่นๆในวงกว้าง
       
       เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเพื่อสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ จากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำผิดจริงจึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช. มาแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ฐาน "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
       
       อย่างไรก็ตาม นอกจากนายตำรวจสัญญาบัตร 8 นายที่ถูกย้ายฟ้าผ่าไปก่อนหน้านี้แล้ว ในวันที่นำตัว "หมอหยองแอนด์เดอะแก๊ง" ไปขออนุญาตศาลทหารฝากขัง กองปราบปรามก็ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจระดับประทวนอีก 5 นายไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการจำนวน 5 นาย ซึ่งคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
       
       ประกอบด้วย 1. สิบตำรวจตรี สายชล ศิลาไศล ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม 2. สิบตำรวจตรี อภิวัฒน์ นาคจีน ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม 3. สิบตำรวจตรี ราชฤทธิ์ พวงไสว ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม 4. สิบตำรวจตรี สารัตน์ แก้วดอนโมง ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม และ 5. สิบตำรวจตรี คมสัน ชงสกุล ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจปราบปราม
       
       ตีแผ่เส้นทางชีวิต "หยอง-อาท-เอี๊ยด"
       
       กล่าวสำหรับหมอหยองนั้น มีชื่อจริงว่า "สุริยัน สุจริตพลวงศ์" ซึ่งในแวดวงโหราศาสตร์หรือแวดวงหมอดูต่างรู้จักกันดี และหลายคนที่ติดตามแฟนเพจของเขาคงมักคุ้นเคยกับคำพูดที่หมอดูชื่อดังคนนี้ ใช้อยู่เป็นประจำคือคำว่า "จริงใจนะ"
       
       หมอหยองเกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พื้นเพเป็นคนเมืองตรังโดยกำเนิด สำเร็จการศึกษามัธยมต้นจากโรงเรียนวิเชียรมาตุ อ.เมือง จ.ตรัง ระดับมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท กรุงเทพฯ ระดับปริญญาตรี จบคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเซนต์มาร์ติน ลอนดอน ด้านการออกแบบโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์
       
       เคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาจารย์พิเศษสอนวิชาจิตวิทยาและการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ เป็นผู้บริหารสถาบันพัฒนาการฝึกอบรมชีวิตและคุณภาพ โดยจัดทีมอบรมให้กับหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบุคลากร
       
       เคยเป็นกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ รองเลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรรมการอำนวยการสภาสังคม สงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาชิกกิตติมศักดิ์สมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นกรรม การบริหารศูนย์ส่งเสริม และประสานงานครอบครัวอบอุ่นและเป็นสุข กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ
       
       หมอหยองมีชื่อเสียงในฐานะนักโหราศาสตร์ชื่อดังระดับแนวหน้ามาเป็นเวลานาน
       
       หมอหยองหายหน้าหายตาจากแวดวงสื่อและแวดวงโหราศาสตร์ไปพักใหญ่ หรือถ้าจะใช้คำว่า "ตกสวรรค์" หรือ "ดวงแตก" มาแล้วครั้งหนึ่งก็คงจะไม่ผิดไปจากความจริง กระทั่งกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะ "ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดงานกิจกรรมพิเศษโครงการ "ไบค์ ฟอร์ มัม"
       
       หลังเสร็จงานหมอหยองได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็น "ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์" จากนั้นก็ปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ เป็นระยะๆ
       
       ก่อนหน้าที่จะถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นสถาบัน แอบอ้างเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ หมอหยองเป็นคนแรกที่เปิดเผยกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad" ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2558 และจากนั้นได้เดินสายเข้าร่วมประชุมกิจกรรม "ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad" กับภาคเอกชนและภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักฐานปรากฏในแฟนเพจ "สุริยัน หมอหยอง สุรจริตพลวงศ์" ดังนี้
       
       วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เข้าพบ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" แห่งคิงเพาเวอร์และครอบครัว และในวันเดียวกันก็เข้าหารือกับ "มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ" ประธานบริหารเมืองไทยประกันภัย
       
       วันที่ 5 ตุลาคม 2558 เข้าพบหารือ "บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
       
       วันที่ 9 ตุลาคม 2558 เข้าร่วมประชุมกับ "นายวีระ โรจน์พจนรัตน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเตรียมการเรื่องการจัดโขนกลางแปลงพระราชทานในกิจกรรมวันปั่นเพื่อพ่อ
       
       วันที่ 11 ตุลาคม 2558 ปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมอบเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันจักรยานรายการ ACC ASIAN TRACK
       
       วันที่ 14 ตุลาคม 2558 เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานฝ่ายต่างประเทศ โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ตามต่อด้วยการเข้าร่วมประชุมกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่กรมประชาสัมพันธ์ และเป็นการโพสต์ข้อความสุดท้ายของหมอหยองก่อนที่จะถูกจับกุมดำเนินคดีในการ แอบอ้างเบื้องสูง
       
       ขณะที่ "สารวัตรเอี๊ยด" นั้นถือเป็นนายตำรวจคนดัง ที่มีคดีความถึงขั้นถูกไล่ออกจากราชการไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อครั้งมียศ ร.ต.อ.ในตำแหน่ง รอง สว.งาน1กก.4 ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยข้อหากระทำความผิดวินัยร้ายแรง ปลอมแปลงลายพระหัตถ์ กำหนดการเสด็จของสมเด็จพระสังฆราช ตามคำสั่งตร.ที่ 441/2541 เมื่อปี พ.ศ.2541
       
       ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรมได้ทำเรื่องขอกลับเข้ารับราชการใหม่หลังอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ได้มีมติเอกฉันท์ให้รับกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งในตำแหน่งสารวัตร สังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.
       
       มติ ก.ตร.ให้เหตุผลว่า เหตุที่ให้กลับเข้ารับราชการเป็นเพราะพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง และผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทิน แสดงว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ประกอบกับทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความรู้ความสามารถและจบการศึกษาด้านเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ฯ จึงพิจารณาเพิ่มยศ และให้สังกัด ปอท. เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน
       
       "พิจารณาแล้วเห็นว่า ร.ต.อ.ปรากรม ไม่ได้กระทำความผิดจริง อีกทั้งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความผิดติดตัว และผ่านการนิรโทษกรรม พ.ร.บ. ล้างมลทิน แล้ว ประกอบกับเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ จบปริญญาโทด้านเทคโนโลยี ซึ่งน่าจะสามารถช่วยงานแก้ปัญหาเว็บไซต์หมิ่น และเว็บไซต์ผิดกฎหมายอื่นๆ ได้ จึงเสนอ ก.ตร. ให้รับกลับเข้าราชการอีกครั้ง โดยที่ประชุม ก.ตร. มติเอกฉันท์ ส่วนสาเหตุได้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าไม่ ได้มีความผิดจริงตามถูกกล่าวหา เมื่อกลับเข้ามาจึงต้องให้สิทธิที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบเสียสิทธิไป" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ในขณะนั้นแจกแจงเหตุผลเมื่อครั้งรับสารวัตรเอี๊ยดกลับเข้ารับราชการ
       
       สารวัตรเอี๊ยดได้รับคำสั่งให้ช่วยราชการที่ กก.2 บก.ป. โดยได้รับมอบหมายหน้าที่หลักในการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลต่างๆ อันเป็นที่มาของการทลายเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ในคดีหมิ่นเบื้องสูง รวมทั้งมีการตรวจค้นและยึดทรัพย์สินจำนวนมากจนเป็นข่าวโด่งดังในช่วงก่อน หน้านี้
       
       ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศได้เซ็นคำสั่งไว้เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา วันสุดท้ายก่อนจะเกษียณอายุราชการ โดยให้ พ.ต.ต.ปรากรมมาดำรงตำแหน่ง สว.กก.ปพ.บก.ป.ซึ่งจะมีผลในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ แต่ทาง พ.ต.ต.ปรากรม กลับมาถูกจับกุมคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงและถูก พล.ต.อ.จักรทิพย์มีคำสั่งให้ออกจากราชการในขณะนี้
       
       เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว สารวัตรเอี๊ยดเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร "คอปส์แมกกาซีน" ฉบับเดือนเมษายน 2558 สรุปใจความได้ว่า เป็นลูกชายของ พล.ต.ท.วัฒนชัย วารุณประภา เป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 4 คน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมให้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยที่ประเทศ อังกฤษ หลังจากสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรจึงเข้ารับราชการทหารในสังกัดศูนย์การทหาร ปืนใหญ่
       
       ในช่วงต้นของการรับราชการตำรวจได้สังกัดศูนย์ข้อมูลข่าวสาร โดยเคยรับหน้าที่เป็นอนุกรรมการจัดซื้อจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ทดแทนระบบ คอมพิวเตอร์เดิมที่ล้าสมัย จากนั้นได้เข้าอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศฯ โดยช่วงที่บวชเป็นพระภิกษุและลาสิกขาได้ทำหน้าที่ตามเสด็จสมเด็จพระสังฆราช เป็นที่มาของคำเรียกว่า "นายเวรพระสังฆราช" ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลรับใช้ ดูหมายเสด็จ มีนามเรียกขานว่า "นว.รังษี 1" ออกวิทยุสื่อสารประสานงานตำรวจ ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ได้ถูกกล่าวหาว่าปลอมลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราช จากกรณีเรื่องเส้นทางเสด็จของสมเด็จพระสังฆราช จนเป็นสาเหตุที่ถูกให้ออกจากราชการ แต่ภายหลัง พ.ต.ต.ปรากรม พ้นจากข้อกล่าวหาเนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี และผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน
       
       และเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 สารวัตรเอี๊ยดเพิ่งได้รับโล่เกียรติยศจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะตำรวจ ดีเด่น พร้อมเข้ารับโล่จาก พล.ต.อ.สมยศ ก่อนถูกหมายจับพร้อมกับหมอหยองในคดีแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์
       
       สารวัตรเอี๊ยดนั้นถือว่ามีความสนิทสนมและทำงานร่วมกับหมอหยองมาโดยตลอด จนอาจใช้คำว่าอยู่ใน "ก๊วนเดียวกัน" เลยก็คงจะว่าได้
       
       ด้านนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท ชัตเตอร์มหาเทพนั้นถือเป็นคนสนิทและทำงานให้กับหมอหยองในฐานะเลขานุการส่วน ตัว โดยมักติดสอยห้อยตามหมอหยองไปเข้าร่วมประชุมในที่ต่างๆ เสมอ
       
       อาท เกิดเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2529 ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดตรัง เป็นคนบ้านเดียวกับหมอหยอง นามสกุลเดิมคือ "ทองนา" ก่อนที่ภายหลังจะขอจดทะเบียนชื่อสกุลเป็น "วัฒนเทวาศิลป์" เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2558
       
       จากการตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเฟซบุ๊กส่วนตัว พบว่า มีภาพจำนวนมากที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์กับหมอหยอง ในฐานะเจ้านายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเวลาที่หมอหยองออกงานเข้าพบบุคคลสำคัญ เช่น นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ หรือจะเป็นนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ มหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ก็ยังมีรูปถ่ายร่วมกัน
       
       นอกจากนี้ ยังพบว่า เขายังเคยรับมอบเข็มเครื่องหมาย วชิราวุธ ของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยระบุว่าเป็นผู้ที่บำเพ็ญคุณงามความดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งยังได้รับเข็มศักดิ์เดช ของกรมทหารปืนใหญ่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะสนับสนุนและสร้างคุณงามความดีให้กับกรมทหาร และกองทัพบก เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาอีกด้วย
       
       และนั่นคือเรื่องราวของ "หมอหยองแอนด์เดอะแก๊ง" ที่วันนี้ "ดวงแตก" ตกสวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย 24 ต.ค. 25558 ตอน แผนร้าย เบื้องหลังการกวาดล้าง แก็งค์หมอหยอง!!

ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย 24 ต.ค. 25558 ตอน แผนร้าย เบื้องหลังการกวาดล้าง แก็งค์หมอหยอง!! 

_____________

 มารวมพลังสานแรงเพื่อหนุนขบวนนำเจรจากับนานาชาติกันครับ

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มต้นทำงานในฐานะมดแดงล้มช้างทันที (ข้อมูลทุกอย่าง เป็นความลับสุดยอด ดร.เพียงดิน รักไทย จะดูแลเองแต่ผู้เดียว และอย่าได้ติดตามลิ้งค์อื่นใด นอกจากลิ้งค์นี้จากเฟสบุ๊คของดร.เพียงดิน และลิ้งค์ที่อยู่ใต้ยูทูปวิดีโอของ มหาวิทยาลัยประชาชน Official เท่านั้น)

Friday, October 23, 2015

"ศุภวุฒิ" ชี้ดัชนีเศรษฐกิจช็อกโลก ซัพพลายล้น-หนี้ท่วม-ดีมานด์หด !! มติชนออนไลน์

"ศุภวุฒิ" ชี้ดัชนีเศรษฐกิจช็อกโลก ซัพพลายล้น-หนี้ท่วม-ดีมานด์หด !!



Full CREDIT: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445586998


 วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 03:25:14 น.




สัมภาษณ์พิเศษ/ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

 

 

มาตรการพยุงเศรษฐกิจของรัฐบาลกำลังออกฤทธิ์ ขณะที่ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ระบุชัดว่า มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมาย "ประคับประคอง"เศรษฐกิจ มิใช่การทำให้เศรษฐกิจก้าวกระโดดขึ้นทันทีทันใด ส่วนหลังจากนี้จะเดินหน้าสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจในระยะกลาง "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ "ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ" กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) นักเศรษฐศาสตร์ผู้วิเคราะห์เศรษฐกิจด้วยแว่นที่แตกต่าง และมักจะออกโรงชี้ประเด็นที่ยังไม่มีใครเอ่ยถึง

ลุ้นมาตรการรัฐหนุน ศก.ฟื้น

จากคำถามที่ว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง "ดร.ศุภวุฒิ" ประเมินเศรษฐกิจไทยว่า สามารถมองได้ 2 ด้าน ด้านหนึ่ง ถ้ามองฝั่งรัฐบาล เศรษฐกิจไทยขณะนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เพราะได้ใช้นโยบายกระตุ้นในทุก ๆ ด้านออกมามากแล้ว น่าจะช่วยหยุดการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ อีกทั้งหลังจากนี้จะมีนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจต่อเนื่อง เมื่อมองในแง่บวกจากนี้แรงกระตุ้นจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวก็น่าจะมี 

"คนที่มองในแง่บวกจะให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศ เพราะรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาทุกสัปดาห์ 4 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว และยังสัญญาว่าปี 2559 จะเร่งใช้จ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะที่กระทรวงคมนาคมบอกว่า มีโครงการที่อยู่ในลำดับสำคัญ 20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งในมุมมองผมทำได้ 2 ใน 3 ก็สร้างความมั่นใจได้ว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนออกมา"



แต่อีกด้านหนึ่ง เมื่อดูปัจจัยภายนอกยังเห็นว่า เศรษฐกิจโลกยังไม่เอื้อ ยิ่งเมื่อดูการวิเคราะห์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งประเมินภาพเศรษฐกิจโลก ปี 2558 เติบโต 3.1% ปี 2559 เติบโต 3.6% ทั้งระบุว่ามีแนวโน้ม 50% ที่ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะโต 3% หรือต่ำกว่า เพราะปัญหาหนี้ของเอกชนในประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งกู้ยืมเงินมาเยอะมาก

"ตอนนี้หนี้เพิ่มขึ้นไปถึงคอหอยแล้ว จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วบริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่มีหนี้สินรวมประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปลายปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งนี้ทำให้น่าเป็นห่วง ซึ่งนักวิเคราะห์ก็โฟกัสไปที่บริษัทในจีนและประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ซึ่งไอเอ็มเอฟระบุชัดว่าให้ระมัดระวังผลกระทบจากการล้มละลายของบริษัทเหล่านี้ ที่จะส่งผลกระเทือนถึงเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ได้" 

ระวังซัพพลายล้นโลก-ธุรกิจล้มละลาย

"ดร.ศุภวุฒิ" ยอมรับว่า คำเตือนของไอเอ็มเอฟอาจทำให้บางคนเชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ มีผลให้ตลาดหุ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่ไต่ขึ้น แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกก็มองเห็นสอดคล้องกับไอเอ็มเอฟว่า สิ่งที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ คือ กำลังการผลิตในโลกที่ล้นเกินความต้องการ

เนื่องจากหลังวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อปี 2551 หลายประเทศใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ ให้บริษัทต่าง ๆ กู้เงินไปขยายกิจการจนมีกำลังผลิตสูงมากทั่วโลก วันนี้บริษัทต่าง ๆ มีกำลังผลิตเยอะ มีหนี้เยอะ แต่ไม่รู้จะขายใคร จึงเกิดอุปทาน (ซัพพลาย) ส่วนเกิน ซึ่งตามกลไกตลาดการแก้ปัญหาอุปทานส่วนเกิน คือ ต้องยอมให้บริษัทที่อ่อนแอล้มละลายเพื่อลดกำลังการผลิต แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตราบใดที่ดอกเบี้ยยังต่ำ ทุกคนก็จะพยายามอุ้มบริษัทในประเทศของตัวเองไว้ ไม่มีใครลดกำลังการผลิต แล้วถ้าวันหนึ่งดอกเบี้ยสหรัฐขึ้น ดอกเบี้ยโลกขึ้นจะเป็นอย่างไร 

"กำลังการผลิตเกินความต้องการนี้เป็นกันทั้งโลก เมื่อมองไปข้างหน้าถ้ายังไม่มีใครยอมลดกำลังการผลิต คนที่อ่อนแอก็ต้องล้มไปก่อน ยิ่งประชากรโลกแก่ตัวลงเรื่อย ๆ กำลังซื้อก็ยิ่งไม่มีเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโลกก็มีโอกาสซึมยาว จึงมีความเสี่ยงที่ปีหน้าจะมีอาการช็อกจากภายนอกเข้ามาอย่างที่คาดไม่ถึง"

พร้อมกันนี้ "ดร.ศุภวุฒิ" ยกตัวอย่างจีนที่พยายามยื้อเศรษฐกิจให้โตว่าเป็นการยื้อแบบให้ประชาชนสร้างหนี้เพิ่ม ซึ่งในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมามีตัวเลขสินเชื่อใหม่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เพราะช่วงที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวรัฐบาลอัดเงินให้คนสร้างหนี้เพิ่ม ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาระยะยาว แต่ยันสถานการณ์ในระยะสั้นเท่านั้น ถ้าหนี้โตขึ้นเรื่อย ๆ แต่จีดีพีโตช้าลงเรื่อย ๆ วันหนึ่งก็ต้องทำให้หนี้หยุดโต ต้องลดหนี้ ถึงเวลานั้นจีดีพีจะโตจากอะไร เมื่อที่ผ่านมาพึ่งพาการสร้างหนี้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต

กะเทาะนโยบายลดพึ่งพิงส่งออก

นอกจากนี้เขาได้วิเคราะห์แนวคิดการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยระยะกลางของรัฐบาลว่าหากประเทศไทยจะลดพึ่งพาการส่งออกหันมาพึ่งตลาดภายในประเทศทั้งที่ส่งออกมีสัดส่วนสูงถึง 55% ของจีดีพี และถ้ารวมกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นการส่งออกภาคบริการก็จะใกล้ ๆ 70% ของจีดีพี หากลดบทบาทส่งออกก็ต้องพึ่งตลาดภายในประเทศจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัดส่วน 50% ของจีดีพี แต่การพึ่งการบริโภคในประเทศให้เติบโตในยุคนี้ก็มีอุปสรรคตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยบอก คือ หนี้ครัวเรือนของไทยเยอะมาก ดังนั้น จะให้บริโภคเพิ่มได้อย่างไร 

และล่าสุดรัฐบาลเพิ่งออกมาตรการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้คนรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และให้เป็นหนี้ผูกพันนานถึง 30 ปี คำถามคือแล้วคนจะเหลือเงินไปซื้ออะไรได้อีก เมื่อคนเหล่านี้คือกลุ่มที่ธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการให้สินเชื่อ เพราะประเมินแล้วว่าไม่พร้อมจะผ่อนชำระหนี้ก้อนนี้ ถ้าปล่อยกู้ไปก็อาจไม่มีเงินเหลือพอจะบริโภคอย่างอื่นได้ 

เมื่อการบริโภคยังติดบ่วงหนี้ครัวเรือน ดังนั้น แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจจากการพึ่งพาตลาดในประเทศ อีกองค์ประกอบที่พอจะเดินหน้าไปได้คือปลุกการลงทุนภาคเอกชน แม้ขณะนี้กำลังการผลิตของภาคเอกชนยังเหลืออีกเยอะและยังไม่แน่ใจจะลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตไปขายของให้ใคร แต่รัฐบาลก็ได้พยายามแก้โจทย์นี้ด้วยการประกาศให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งต่างๆผ่านการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน(PPP) หรือการประกาศระดมทุนด้วยการทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อต้อนให้เอกชนเข้ามาในโครงการก่อสร้าง เช่น รถไฟฟ้าสีต่าง ๆ รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ สุวรรณภูมิเฟส 2 เป็นต้น

"เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีคำถามว่าจะกระจายความเจริญไปต่างจังหวัดจะทำอย่างไร เมื่อโครงการที่น่าจะทำได้เร็วที่สุดเป็นโครงการที่กระจุกในกรุงเทพฯ" 

หวังส่งออกปี59 ฟื้นตัวโต 3%

อย่างรก็ตาม บล.ภัทรประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปีนี้จะเติบโต 2.5% ส่วนปีหน้าโต 3.5% การส่งออกปีนี้ติดลบ 4.5% ปี 2559 พลิกเป็นบวก 3% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินส่งออกปีหน้าโตแค่ 1.2% จากปีนี้ติดลบ 5% 

ดร.ศุภวุฒิกล่าวว่า แปลกที่ ธปท.ประเมินส่งออกต่ำกว่า บล.ภัทรเพราะ ธปท.ห่วงเศรษฐกิจจีน ขณะที่ในมุมมอง บล.ภัทรแม้จะประเมินตัวเลขส่งออกผิดมา 3 ปีซ้อน แต่ก็มีความหวังว่าปีหน้าส่งออกควรจะเป็นบวก ควรจะฟื้นแม้จะยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดนัก ยกเว้นแต่ว่าประเทศไทยได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า ไทยไม่ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เพราะมาร์เก็ตแชร์ไม่ได้ลดลง แต่ก็น่าสังเกตและน่ากลัวว่า ถ้ามาร์เก็ตแชร์ไม่ลดทำไมไทยขายของได้น้อยลงติดต่อกัน 3 ปี สะท้อนว่าดีมานด์ของโลกไหลลงใช่ไหม 

แล้วประเทศไทยจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจอย่างไร ในเวลาที่โลกมีอุปทานส่วนเกิน ขณะที่อุปสงค์ลดลง และหนี้ท่วมจนอาจทำให้มีบริษัทที่อ่อนแอล้มได้


 




ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ข้อสังเกตุเรื่อง มุสลิม จะยึดครองประเทศไทย

มีคนตั้งข้อสังเกตุเรื่อง มุสลิม จะยึดครองประเทศไทย

ยังจำวันที่คมช.รัฐประหาร เมื่อ ๑๙ ก.ย. ๔๙ ได้ดี ยึดอำนาจวันนั้นแล้วตอนบ่ายก็มีประกาศออกมาเลยเรื่อง
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งโดย คมช. ออกประกาศแต่งตั้งคณะกรรมาธิการศาสนาจำนวน ๑๑ คน
เห็นแล้วนึกว่าอยู่ในประเทศมุสลิม แต่งตั้งมาได้ยังไง

๑. ศ.กรีติ บุญเจือ คริสต์
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ พุทธ
๓. นายเสถียรพงษ์ วรรณปก พุทธ
๔. นายวินัย สะมะอุน อิสลาม
๕. นายแวดือ รมแม มะมิงจิ อิสลาม
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ อิสลาม
๗. นายแวฮาดี แวดาโอะ อิสลาม
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ อิสลาม
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี อิสลาม
๑๐.นายอิสมาเอล อารี อิสลาม
๑๑.นายอิสมา ลลุตปี จะปากียา อิสลาม

กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ "นิรนาม" ผลงานดังระดับโลก "Anonymous" ได้ประกาศแถลงการณ์ต่อต้านการทำ Single Gateway รวมถึงประณามการกระทำของ คสช. ในช่วงที่ผ่านมา

หยุดดัดจริตประเทศไทย's photo.

กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ "นิรนาม" ผลงานดังระดับโลก "Anonymous"
ได้ประกาศแถลงการณ์ต่อต้านการทำ Single Gateway
รวมถึงประณามการกระทำของ คสช. ในช่วงที่ผ่านมา

====================================

สวัสดีประชาชนชาวโลก เราคือ anonymous (นิรนาม)

รัฐบาลไทย, เราได้รับรู้ความเคลื่อนไหวของพวกคุณที่ตัดสินใจละเมิดเพิกเฉยประชาชนของคุณ พลเมืองของประเทศคุณ และดื้อด้านยืนกรานในการสร้าง Gatewaysที่จะสร้างระบบเอื้อประโยชน์เฉพาะตัวคุณ และเครือข่ายพรรคพวกของคุณเท่านั้น

เราได้เห็นสถานการณ์ที่เลยเถิดในประเทศไทยนานนับเดือน
เราได้เห็นการจำกัดเสรีภาพในการพูดซึ่งเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน สิทธิในการประท้วง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ คสช.

โครงการล่าสุดของรัฐบาลทหารไทยคือการจัดตั้ง Single Gateway เพื่อที่จะควบคุม ยับยั้ง และจับกุมใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของ คสช. หรือสิ่งที่ คสช นิยามมันว่า "ศีลธรรมอันดี"

ไม่มีระบบตรวจจับอะไรหยุดการก่อการร้ายได้ ไม่ว่าภัยคุกคามนั้นจะมาจากเอเชียหรือประเทศตะวันตก Singel Gatewayก็แค่ทำให้รัฐบาลที่ละโมบและเครือข่ายของพวกเค้าได้กอบโกยมากขึ้น และเอื้อให้จำกัดเสรีภาพในการพูดของประชาชนในประเทศนี้

สยามเมืองยิ้ม ไม่นานก็จะเป็นเหมือน จีน เกาหลีเหนือ หรือประเทศที่มีทรราชเผด็จการปกครอง ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิคในการสอดแนมและเล่นงานประชาชนของตนเองที่คิดต่างจาก รัฐบาล

มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่ คสช. แต่งตั้งคนของพวกเค้าที่เป็นนายทหาร มาควบคุมดูแลองค์กรสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุด CAT Telecom หน่วยงานหรือบุคคลใดๆ ที่มีส่วนช่วยในการดำเนินการ Single Gateway นี้ จะตกเป็นเป้าโจมตีทางอิเล็กทรอนิคส์ในทุกๆทาง

เราจะไม่เพียงแต่ต่อสู้กับโครงการ Single Gateway แต่เราจะเปิดเผยความโสมมของพวกคุณรัฐบาลทหาร คสช. ให้โลกได้รับรู้ ทั้งเรื่องการคอรัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆ

คนมากกว่า 6000 คนตาย และกว่า 10,000 คนบาดเจ็บในเหตุการณ์ความไม่สงบที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย คุณไม่มีงบประมาณที่จะหยุดยั้งการก่อการร้ายนั้นที่พรากชีวิตคนบริสุทธิ์ แต่คุณกลับทุ่มงบประมาณ 15 ล้านดอลล่าห์เพื่อจะเซนเซอร์พลเมืองของคุณ พี่น้องชาวไทยจะเข้าใจว่าเราหมายถึง "ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย"

พวกเราทั้งหลายจะร่วมกันต่อต้านความอยุติธรรมของรัฐบาล
วันข้างหน้ารัฐบาลจะต้องรับกรรมจากการที่คุณกดขี่ข่มเหงประชาชนของคุณเอง

คุณสามารถจับขังปรับทัศนคติเรา แต่คุณไม่อาจจับกุมความคิดเราได้

เราคือนิรนาม
เราคือทุกแห่งหน
รวมพลังกันเป็นหนึ่ง
ไม่อาจถูกแบ่งแยก
เราไม่ยกโทษให้กับการเซนเซอร์
เราไม่ลืมเลือนการกดขี่ข่มเหงของคุณ
จงหวาดกลัวเรา

นิรนาม

ที่มาของข่าว

Voice TV
https://www.facebook.com/VoiceTVonline/photos/a.131804224847.132218.131732549847/10154473444019848/?type=3

ที่มาของแถลงการณ์
http://pastebin.com/SL0ZaMxT
.
===================================

แอดมินได้เช็คที่ ทวิตเตอร์หลักของกลุ่มเค้าแล้ว...
สรุปว่ารอบนี้ "ของจริง" ว่ะครับ งานนี้มีเปิดสาขา เอเชีย แล้ว
ที่มาจากแอคเค้าหลักของกลุ่มนี้ เดียวอัพภาพให้
(https://twitter.com/YourAnonNews)

ผลงานเด่นดังของ กลุ่มนิรนามนี้ ก็ได้แก่การเล่นงาน Sony เละเทะ
หรือ Hack โปรแกรมดังๆเพื่อไปลบบัญชีคนที่สนับสนุนกลุ่ม ISIS เป็นต้น

ถ้าให้เปรียบเทียบพอเห็นภาพสภาพการรบทาง Cyber แล้วล่ะก็
เปรียบได้ว่า คสช. กำลังรบกับอเมริกาและรัซเซียทีเดียว "พร้อมกัน" ถ้ากลุ่มนี้เอาจริง แอดมินยังไม่เห็นทางชนะของ คสช. เลยแม้แต่นิดเดียว

ผลงานแรกคือการเจาระบบฐานข้อมูลลูกค้าของ Cat Telecom
https://www.blognone.com/node/73925

นี่แหละครับผลของการดึงดันของ คสช.
ที่ไม่ยอมยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี "จัดตั้งSingle Gateway"
ทุกความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นผลจากของ คสช.ทั้งสิ้น

หยุดดัดจริตประเทศไทย

Thursday, October 22, 2015

23 ตุลาคม “ วันปิยะมหาราช” (ไทยไม่เป็นเมืองขึ้น ) จริงหรือ? โดย อนันต์ ประพงษ์

อนันต์ ประพงษ

23 ตุลาคม " วันปิยะมหาราช"
(ไทยไม่เป็นเมืองขึ้น ) 
 

​อ.ฮาร์วาร์ดเข้าใจผิดไทยไม่เป็นเมืองขึ้น
ถ้าไม่อธิบายก็จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยพินาศหายนะไปกันไป กันใหญ่และจะเป็นการสร้างทฤษฏีผิดๆกับการเมืองไทย จากข้อคิดเห็นของ ศาสตราจารย์ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ อาจารย์คณะมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองและวัฒนธรรมในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะประเทศไทย โดย ศ.ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ มองว่า " ไทยเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาณานิคมอำพรางในงานเสวนาหัวข้อ "Crypto-Colonialism" หรือ "อาณานิคมอำพราง" ซึ่ง มติชนออนไลน์ ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา
โดย ศ. ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ ท่านนี้ได้เล่าถึงตอนหนึ่งว่า "แบบเรียนทางประวัติศาสตร์ของไทยสร้างการรับรู้ความเป็น "ชาติ" ผ่านแนวคิดต่างๆโดยมีวรรคสำคัญๆที่ระบุว่า "ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น" ซึ่งแนวคิดนี้มักเป็นที่ถกเถียงกันเสมอ
ในมุมมองของศาสตราจารย์ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ อาจารย์คณะมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองและวัฒนธรรมในพื้นที่ต่างๆรวมถึงไทยด้วย โดย อาจารย์มองว่า ไทยเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มอาณานิคมอำพราง "
จากความเห็นโดยหลักๆดังกล่าวของ ศ. ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มองว่าไทยเป็นเมืองขึ้นของประเทศล่าอาณานิคม แม้จะอธิบายว่าเป็น " อาณานิคมอำพลาง" (Crypto-Colonialism) ซึ่งก็คือ ประเทศอาณานิคมของประเทศล่าอาณานิคม
จะต้องเจ้าใจว่าการเป็นเมืองขึ้นของประเทศเจ้าอาณานิคม ประเทศ ประเทศที่เป็นเมืองขึ้นจะสูญเสียอำนาจการปกครองในทางการเมือง และไม่มีเอกราชทางการเมือง
ลักษณะของความเป็น " เอกราช" ในทางการเมืองเป็นหลักการชี้ว่าเป็นเมืองขึ้นหรือไม่ ไม่ใช่เอาหลักการทางเศรษฐกิจ , ทางวัฒนธรรม, ทางภาษา, ทางดินแดน มาเป็นเครื่องชี้วัดความเป็นเมืองขึ้น
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยหลังการก่อ "ตั้งรัฐชาติ" ขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2435 เป็นการเริ่มต้นของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ประเทศไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นทางการเมืองกับประเทศล่าอาณานิคม โดยพิจารณาจากหลักการทางเอกราชในทางการเมือง
ซึ่งประเทศไทยเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและมีอิสระในทางการเมืองจาก ประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้ไม่มีประเทศล่าอาณานิคมและเจ้าอาณานิคมอีกแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยยังเป็นอิสระแม้จะถูกชี้นำนำและ ครอบงำ แต่ก็เป็นการครอบงำทางความคิดแต่การตัดสินใจของเป็นของรัฐบาลไทยและการ ปกครองของประเทศไทย
การครอบงำและอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจ ไม่ใช่เครื่องชี้วัดถึงความเป็นประเทศเมืองขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทุกๆครั้งที่ผ่านมาหลัง พ.ศ. 2475 ก็เป็นลักษณะของความขัดแย้งในผู้ปกครองของประเทศไทยเองในทางการเมือง สาเหตุมาจากความเป็นเอกราชแต่อำนาจในทางการเมืองยังเป็นของคนชนชั้นส่วนน้อย
ลักษณะทางการเมืองของประเทศถูกครอบงำด้วยอำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อย ซึ่งเป็นลักษณะของการปกครองแบบเผด็จการ
ความเป็นระบอบเผด็จการทำให้องค์ประกอบของ "ชาติ" ในด้านเศรษฐกิจ, ดินแดน, ภาษา,และวัฒนธรรม สั่นคลอน คล้ายๆถูกบ่งการจากประเทศเจ้าอาณานิคม ซึ่งไม่มีแล้วในยุคนี้
ไม่ว่าประเทศไหนที่เป็นระบอบเผด็จการในทางการเมืองก็จะมีลักษณะเดียวกับที่ประเทศไทยเป็นอยู่ขณะนี้
ซึ่งโดยเนื้อในแล้ว ก็คือ ไทยยังมีเอกราชอย่างสมบูรณ์ แต่ความเป็นเอกราชในทางการเมืองของไทยก็ถูกชี้นำจากคนส่วนน้อย หรือ ระบอบเผด็จการเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ มีการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างผู้ปกครองด้วยกันเอง และการแย่งชิงอำนาจกันเองนี้เป็นเพราะทฤษฏีทางการเมืองที่ผิดหลักวิชาถูก ครอบงำมาอย่างยาวนาน จนทำให้ "ชาติ" เกิดความไม่มั่นคงและไม่ปลอดภัยจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
ความคิดเห็นในเรื่องลักษณะสังคมไทยเคยวิเคราะห์ที่ผิดพลาดมาแล้วจนกำหนดการ เคลื่อนไหวเพื่อได้อำนาจรัฐด้วย " แนวทางรุนแรง" การต่อสู้ด้วยอาวุธเป็นสงครามกลางเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่กำหนดลักษณะของชาติไทยว่าเป็น " กึ่งเมือง กึ่งศักดินา" ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจว่าไทยยังมีเอกราชทางการเมือง ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นหรือเป็นประเทศอาณานิคมของใคร ก็ดูจากขณะนี้ แม้รัฐบาลไทยจะถูกประเทศประชาธิปไตยและมหาอำนาจเล่นงานทางเศรษฐกิจขนาดไหน รัฐบาลไทยก็ยังมีความเป็นอิสระในทางการเมืองและนโยบายทางการเมือง แม้การรัฐประหาร,การเลือกตั้งการร่างรัฐธรรมนูญของไทยก็ทำแล้วทำอีกก็ไม่ เห็นมีรัฐบาลเจ้าอาณานิคมประเทศไหนมาบ่งการ
ซึ่งลักษณะต่างๆที่เกิดขึ้นทางสังคมไทย นั้น เป็นเรื่องของนโยบายทางการเมืองและผลของ "ระบอบเผด็จการ" ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผลจากระบอบประชาธิปไตย เช่น เรื่องการทุจริตคอร์รับชั่น เงินใต้โต๊ะ ,ความยากจน ฯลฯ เหล่านี้ล้วนมาจากผลพวงของระบอบเผด็จการทางการเมืองของประเทศเอกราชของไทย ไม่ใช่มาจากผลพวงของเจ้าอาณานิคมที่จะส่งออกการทุจริตคอร์รับชั่น, ความยากจนมาสู่ประเทศไทย
ดังนั้น ไทยไม่มีเจ้าอาณานิคมอย่างที่ ศ. ไมเคิล เฮิร์ซเฟลด์ จากอาร์วาร์ด อีกแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงความเป็นประเทศอาณานิคมอีกต่อไป คนไทยไม่สมควรจะไร้ซึ่งศักดิ์ศรีแม้แต่จะอธิบายถึงชาติตัวเอง
เพราะฉะนั้น ในความภาคถูมิใจในความเป็นเอกราช แต่ในความเป็นระบอบเผด็จการของไทยก็ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยทางอ้อมและ ทำลายความไม่มั่นคงของชาติไทย เช่นกัน และคนที่ทำลายชาติจะต้องมีอำนาจอธิปไตยและมีอำนาจรัฐ เท่านั้น ประชาชนที่ไม่ได้ถืออำนาจอธิปไตยไม่มีสิทธิทำลายชาติและทำลายความมั่นคงของ ชาติ

นปช.ปลุกแนวร่วมใส่เสื้อแดง 1 พ.ย. ปกป้อง"ยิ่งลักษณ์"ไม่ผิดคดีจำนำข้าว

นปช.ปลุกแนวร่วมใส่เสื้อแดง 1 พ.ย. ปกป้อง"ยิ่งลักษณ์"ไม่ผิดคดีจำนำข้าว


​กลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดงบนโลกโซเชียลมีเดีย ได้โพสต์เชิญชวนให้สมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าวทั้งทางแพ่งและอาญา

ทั้งนี้ นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ระบุว่า การนัดใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย. ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ใช่การชุมนุม กฎหมายไม่ได้ห้าม และ นปช.ก็ไม่ได้เป็นคนต้นคิด แต่เป็นการเชิญชวนตาม โซเชียลมีเดีย

"การที่คนนัดใส่เสื้อแดง เพราะรู้สึกว่าคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยุติธรรม สองมาตรฐานรีบเร่ง และหากรัฐบาลจะห้ามไม่ให้ใส่เสื้อสีแดง ดูจะเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนมากเกินไปหรือไม่ แต่ถ้าจะห้ามขอให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 ระบุมาเลยว่า วันที่ 1 พ.ย.นี้ ห้ามใส่เสื้อสีแดง จะได้รู้กันว่าบ้านเราใส่เสื้อสีแดงไม่ได้" นายวรชัย ระบุ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ ระบุว่า นโยบายจำนำข้าวเป็นแนวคิดช่วยเหลือชาวนาให้ได้รับประโยชน์สูงสุด มิใช่นโยบายประชานิยม และถือเป็นหนึ่งในสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกนำโครงการเหล่านี้มาพิจารณาในเรื่องกำไรขาดทุน และหากโครงการรับจำนำข้าวผิด โครงการประกันราคาข้าว โครงการ ปรส. ต้องถูกตีความว่าขาดทุนและทำให้ประเทศชาติเสียหายทั้งสิ้น และผู้รับผิดชอบต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน

"การประโคมข่าวเรื่องการทุจริต หรือการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เป็นกลวิธีหรือวาทกรรมที่ต้องการสร้างกระแสความชอบธรรมทางการเมือง เพื่อทำลายและปรักปรำ น.ส. ยิ่งลักษณ์ อย่างเลวร้าย และไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง จึงขอให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเหตุผลและข้อเท็จจริงดังกล่าว" แถลงการณ์ระบุ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงแล้ว และขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจว่าการแบ่งสีด้วยการเชิญชวนการแต่งเสื้อสี จะเป็นการทำให้เกิดการแบ่งแยกขึ้นในสังคมอีกหรือไม่ ถ้าเอาความรู้สึกส่วนตัวเป็นที่ตั้งจะทำให้การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองลำบาก

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด เพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมา ส่วนโครงการอื่นๆ ไม่มีการส่งเรื่องมาจึงไม่สามารถดำเนินการได้  รัฐบาลจึงไม่มีสิทธิที่จะพิจารณาว่าโครงการใดมีความผิดหรือไม่

"ที่เล่นงานกันเรื่องจำนำข้าวทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะ ป.ป.ช.เขาบอก แต่เขาเคยบอกมาแล้วว่าวันที่เท่านั้น เวลานั้น แล้วยังเพิกเฉย จึงมีเรื่องอยู่ขณะนี้" นายวิษณุ กล่าว

"ปฏิญญาฟินแลนด์" คืออีก 1 ในความสกปรกของการเมืองไทย โดย Johnnie Red Label


.........
"ปฏิญญาฟินแลนด์" คืออีก 1 ในความสกปรกของการเมืองไทย

มีคนโดนฟ้องไป 4 คน เพราะดันไป "มโน" หมิ่นประมาท "ทักษิณ"
ว่าริอาจจะเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยด้วย "ปฏิญญาฟินแลนด์"

คือ

1.นายปราโมทย์ นาครทรรพ
ผู้ซึ่งเคยได้รับเชิญไปงานของ US Embassy
แต่โดน "เหลี่ยมทางการทูต" ของไอ้กันประจานแบบเนียนๆ
ด้วยการระบุที่หน้าจดหมายเชิญว่าเป็น Anti-Thaksin Activist

2.นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์

3.นายขุนทอง ลอเสรีวานิช

และ 4.นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ

3 ตัวหลังนี้ทำมาหารับประทานอยู่กับสื่อในเครือไอ้แป๊ะลิ้ม

หลังจากต่อสู้คดีกันมานาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายปราโมทย์ และ นายขุนทอง คนละ 1 ปีและปรับเงินคนละ 1 แสนบาท แต่โทษจำคุกนั้นศาลให้รอลงอาญา 2 ปี

จำเลยทั้ง 2 ขออุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องนายขุนทอง (รอดไปนะเมิง)

ส่วนนายปราโมทย์สู้ถึงฎีกา
ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
นั่นก็คือจำคุกนายปราโมทย์ 1 ปี และ ปรับ 1 แสนบาท

แต่โทษจำคุกนั้นให้รอรอลงอาญา 2 ปี

คำถามก็คือไอ้ที่ไปกล่าวหาเขาไปปลุกปั่นเหล่าสาวก ว่า ทักษิณ จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยด้วย "ปฏิญญาฟินแลนด์" นั้น

ปลุกปั่นกันจนสาวกเชื่อ
ปลุกปั่นกันจนคนอื่นเสียหาย
ไอ้พวกนี้มันคิดที่จะสารภาพบาป และ เอ่ยคำขอโทษเขาหรือไม่ ?????

ปฏิญญาฟินแลนด์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ
เพราะในรายละเอียดที่ไอ้พวก "ปากมอม" มันพูดกันเมามันส์นั้น 5 ข้อของปฏิญญาฟินแลนด์ มันสร้างความเสียหางในทางภาพพจน์ให้อีกฝ่ายอย่างมหาศาล

มีการ"มโน"กันว่า
เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2542
โดยเครือข่ายทักษิณ นั่งเครื่องบินไปคุยกันที่ฟินแลนด์

แหมๆๆโคตรจะขรรมเลยว่ะ

พรรคไทยรักไทย ก่อตั้งกลางปี 2541
นี่แสดงว่าพอก่อตั้งขึ้นมาก็ไม่ต้องคิดหาทำอะไรเลยหรือ ??
ไม่ต้องทำ Action Plan ทำ Research เพื่อจะต่อสู้ในสนามเลือกตั้งเลยหรือ ??

ก่อตั้งมาได้แค่แป๊บเดียวกลางปี 41พอปี 42 ก็เฮโลกันไปทำเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์เลยหรือ ??

แถมยังต้องเสียค่าเรือบิน
เพื่อที่จะลากสังขารไปคุยกันในอากาศหนาวๆ
กับไอ้ 5 ข้อ ที่ไอ้พวกแก๊งนี้เอามากล่าวหาเขาด้วยหรือ ???

แหมมมม....เช่าโรงแรมคุยกันที่เมืองไทยก็ได้ครับ..ยิ่งคิดยิ่งขำว่ะ..!!!!!!

จริงๆแล้วคนที่เริ่มพล่ามเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ น่าจะเป็น "คนดี" ที่ชื่อ

"นายโสภณ สุภาพงษ์" ครับ

เพราะไอ้หมอนี่ไปเจื้อยแจ้วไว้ในงานเสวนา
ก่อนที่จะไปพล่ามต่อในรายการทีวีของไอ้แป๊ะลิ้ม

5 ข้อที่ว่าของ "ปฏิญญาโจ๊ก" ก็คือ

1.ต้องยึดรากหญ้าให้ได้

2.ใช้ทุนนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจหลักของประเทศ

3. จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

4.รื้อระบบราชการทั้งหมด

5.เป็นเรื่องที่มิบังควรเขียน เพราะอาจกลายเป็น "หมอหยอง" ไปอีกคน

แถมยังมีการโยงด้วยว่า
ไอ้พวกที่นั่งเครื่องบินไปคุยกันนั้น เป็น "นักเคลื่อนไหวที่อยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย"

อั้ยย่ะ!!....เมารึเปล่าว๊ะ ???

ในปี 2542 นั้น พรรคคอมฯมันยังมีอยู่อีกหรือ ???
พรรคนี้มันยังทำกิจกรรมทางการเมืองอีกหรือ ???

จะป้ายสีพรรคไทยรักไทย
แต่ดันเสือกโยงไปถึงพรรคคอมฯ

โคตรจะมีจินตนาการเลยว่ะ...5555555..........

และ ที่ขำชนิดสุดกระดิ่งติ่งแมวก็คือ
การที่ไอ้แก๊งนี้"มโน" เพื่อที่จะสะกดจิตสาวกว่า
ไอ้นักเคลื่อนไหวที่อยู่ในพรรคคอมมินิสม์ดันเสนอให้ใช้ เศรษฐกิจแบบทุนนิยม...!!!!

โอ๊ยยยย...มีอะไรฮาไปกว่านี้มั๊ยเนี่ย...!!!!!

เป็นคอมมิวนิสท์ แต่ทะลึ่งเสือกชอบทุนนิยม (สาวกมันก็ดันเชื่ออีกต่างหาก)

ยังไม่นับว่าเรื่องนี้เกิดขี้นในปี 2542 (หากมันเกิดขึ้นจริง)
แต่กว่าเรื่องจะแดงเป็นที่โจษจันดันใช้เวลาถึง 7 ปี เพราะมาแดงเอาในปี 2549

แหมมมมมมมม...

สงสัยแก๊งไอ้แป๊ะลิ้มนี่มันใช้ "โทรเลข" สื่อสารกันแน่ๆ

กล่าวหาเขามันส์ปากจนเขาเสียหาย
และ ถูกตราหน้าว่าอยากเป็นประธานาธิบดี

กล่าวหาเขาอย่างสนุกสนาน โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน

กล่าวหาเขาอย่างต่อเนื่อง
โยงไปนั่นไปนี่แบบขาด Logic

ถึงวันนี้มีคำพิพากษาออกมาแล้วว่า
ไอ้สิ่งที่ใส่ร้ายป้ายสีเขามาตั้งแต่ปี 2549 นั้น
มันล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไอ้แก๊งนี้โกหกมดเท็จทั้งสิ้น

และที่น่ากลัวก็คือ ไอ้พวกแก๊งนี้บางตัว
ยังอยู่ดีมีสุขและได้ดิบได้ดี

หลังรัฐประหาร 22 พค.57 อีกต่างหากครับ....!!!!!!!

************************

ศาลฎีกา พิพากษา คุก1ปี ปรับ1แสน "ปราโมทย์ นาครทรรพ" หมิ่นทักษิณ ปฏิญญาฟินแลนด์

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1445399872

เรื่องวุ่น ๆ พี่ชายน้องสาวในราชสำนัก เกิดอะไรขึ้นแน่??? มุมมอง จรรยา ยิ้มประเสริฐ

เรื่องวุ่น ๆ พี่ชายน้องสาวในราชสำนัก เกิดอะไรขึ้นแน่??? มุมมอง จรรยา ยิ้มประเสริฐ

----------------
สิ่งหนึ่งที่ผมใช้เป็นจุดในการตั้งคำถามกับการศึกษาประเด็นเรื่องการเมืองอันคลุมเครือที่หาข้อสรุปชัดเจนไม่ได้ คือ ใครได้ประโยชน์ ?

อาทิ 

กรณี การสังหาร ร. 8 ใครได้ประโยชน์ที่สุดจากการตายของ ร. 8? 
ซึ่งแน่นอนคือ ร. 9 และราชสำนัก ที่สามารถฟื้นฟูราชประเพณีและวิถีสมบูรณาญาสิทธิราชได้อย่างมาก อย่างย้อนกับกระแสโลกจนน่าตกตลึง

ซึ่งเมื่อดูกรณีฟ้าชาย

1. วิธีการจัดการกำจัดเมียและเครือข่ายของเมียของฟ้าชาย นี่ไม่ได้ทำให้ภาพฟ้าชายดีขึ้นเลย เพราะมันสะท้อนการไม่เป็นสุภาพบุรุษและไม่มีวุฒิภาวะมากๆ ของคนที่จะขึ้นมาเป็นกษัตริย์ 

2. พอมาถึงการจัดการกับหมอหยองและเครือข่ายฟ้าชายอีกระลอกนี้ ฟ้าชายมีแต่เสียกับเสียนะครับ

ประเด็นที่ชวนถกกันคือ 

1. ถ้าทั้งหมดนี่เป็นการกระทำตามคำสั่งของฟ้าชาย เพื่อล้างภาพเสียหาย ก็ต้องบอกว่า เป็นการกระทำที่ยิ่งทำให้เสียหายยิ่งขึ้นนะครับ 

2. ถ้าเป็นการกระทำเพื่อ discredit ฟ้าชาย ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ก็สะท้อนว่า ฟ้าชายแทบไม่เหลืออำนาจอะไรในราชสำนัก เพราะแม้คนใกล้ตัวขนาดนี้ ก็ยังถูกกำจัดอย่างเย้ยกฎหมายและป่าเถื่อนเช่นนี้

3. ดังนั้น คำถามคือ การกระทำการอย่างเย้ยกฎหมาย ที่มาพร้อมกับข่าวอื้อฉาว และโศกนาฎกรรมต่อเครือข่ายฟ้าชายครั้งนี้ 

ใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่สุด?

การมีจุดอ่อนของ ร. 9 ในกรณีพัวพันกับคดีฆาตกรรม (ที่ยังไม่มีข้อสรุป) ของพี่ชาย ทำให้ ร. 9 ต้องเป็นคนดีของระบบสมบูรณญาสิทธิราชย์และอีลีตรอยัลลิสต์และสร้างความสัมพันธ์กับระบบเผด็จการทหารอย่างแนบแน่น

การจัดการกับเครือข่ายฟ้าชาย ณ ตอนนี้ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย และการขึ้นครองราชย์ของฟ้าชาย ... 

ถ้ามองในเชิงประวัติศาสตร์แบบนี้ ก็อาจจะมองได้ว่า เพื่อสร้างจุดอ่อนฟ้าชาย เพื่อให้ยอมเป็นตัวเล่นทางการเมืองของเครือข่ายราชสำนัก คนที่ราชสำนัก (และทหาร) คุมได้เช่นเดียวกับรุ่นพ่อ  

ซึ่งนี่เป็นภาพรวมการเมืองศักดินาสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่กษัตริย์ ไม่ได้มีเอกสิทธิ์อย่างแท้จริง แต่อยู่ในการเมืองต่อรองอำนาจกับกลุ่มผลประโยชน์อภิสิทธิชนมาโดยตลอด

ผมจึงสนใจปรากฎการณ์การเมืองราชสำนักปัจจุบันมาก เพราะเห็นการพยายามต่อรองอำนาจกันอย่างรุนแรงของขั้วอำนาจเก่าในทางการเมืองไทย ในสภาพความเสื่อมเสียตกต่ำของชื่อเสียงของราชสำนักอย่างมากจนยากจะยื้อยุดไว้ได้เช่นนี้ 

ซึ่งการเมืองราชสำนักตอนนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมมองไหน ก็เห็นชัดว่า ราชสำนักไม่อาจกุมศรัทธามหาชนได้ด้วยบารมีเช่นในยุครุ่งเรืองสุดได้อีกต่อไป ดังนั้น เพื่อความอยู่รอดของ ราชสำนัก พวกเขาจะตัดสินใจการเมืองแบบไหน... 

- ปรับตัวแบบราชสำนักตะวันตก 
หรือ?
- ย้อนกลับสู่การใช้อำนาจควบคุมประชาชน ด้วยกำลังทหาร 

และผมก็คิดว่า นี่ก็คืออนาคตของประเทศไทย ที่คนไทยควรจะได้มีโอกาสได้ศึกษาวิเคราะห์ ร่วมเจรจาต่อรอง กดดันด้วยเช่นกัน!!!

; จรรยา ยิ้มประเสริฐ

ไทยวืดเก้าอี้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น เผยคะแนนต่ำสุดในกลุ่มชาติเอเชีย (ข่าวสด)

ไทยวืดเก้าอี้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น เผยคะแนนต่ำสุดในกลุ่มชาติเอเชีย
Font Size  

วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 02:48 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 18286664 คน


 เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ยูเอ็นนิวส์ เซ็นเตอร์รายงานว่า สมาชิกสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ จัดการเลือกตั้งสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN HRC วาระปี ค.ศ. 2015-2017 จำนวน 15 ประเทศ ผลออกมา มีสมาชิกใหม่ ได้แก่ แอลเบเนีย บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ กานา ลัตเวีย เนเธอร์แลนด์ ไนจีเรีย ปารากวัย โปรตุเกส และกาตาร์

 ส่วนสมาชิกเดิมที่จะหมดวาระแต่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ต่อ มีโบลิเวีย บอตสวานา คองโก อินเดีย และอินโดนีเซีย

 ด้านเว็บไซต์ข่าวแร็ปเปลอร์ของฟิลิปปินส์รายงานว่า สำหรับประเทศไทยที่พยายามสมัครเป็นสมาชิกในคณะมนตรีนี้ได้คะแนนน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชีย 5 ประเทศ คือ 136 คะแนน เป็นรองกาตาร์ที่ได้ 142 คะแนน บังกลาเทศ 149 คะแนน อินโดนีเซีย 152 คะแนน และอินเดีย 162 คะแนน

 ก่อนหน้าการลงคะแนน กลุ่มสิทธิมนุษยชนกลุ่มต่างๆ เตือนรัฐบาลไทยหลายครั้งให้เร่งปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น กลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ในนิวยอร์ก กลุ่มสหพันธ์นานาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในปารีส และกลุ่มยูเนียน ฟอร์ ซีวิล ลิเบอร์ตี้ ในกรุงเทพฯ เรียกร้องให้ไทยยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ใช้มาตั้งแต่การยึดอำนาจในวันที่ 22 พ.ค. 

 นอกจากนี้กลุ่มฮิวแมนไรต์ วอตช์ยังทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 18 ต.ค. เตือนว่า คำสัญญาของไทยที่จะสนับสนุนสิทธิมนุษยชนยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง หากประเทศยังอยู่ภายใต้กฎทางทหาร จึงขอเรียกร้องให้ยุติการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการประท้วงอย่างสันติ 

 ทั้งนี้ เมื่อปี 2010 ก่อนเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ไทยเคยได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนครั้งแรก วาระ 3 ปี ด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง


Credit: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE16a3lNVEV4TUE9PQ%3D%3D

สามคนอลเวง ตอน Single Gateway ในพระราชดำริ-มีหรือไม่มีกษัตริย์ดี; และรับมืออย่างไรกับภัยทาง Social Media (ดร.เพียงดิน ปิดท้าย)

มหาวิทยาลัยประชาชน นำเสนอ




สามคนอลเวง ตอน Single Gateway ในพระราชดำริ-มีหรือไม่มีกษัตริย์ดี; และรับมืออย่างไรกับภัยทาง Social Media (ดร.เพียงดิน ปิดท้าย)

อย่าลืมสมัครร่วมขบวนการมดแดงล้มช้าง เปลี่ยนระบอบโดยประชาชน ด้วยสันติวิธีของประชาชน ทางลิ้งค์ใต้วิดีโอของมหาวิทยาลัยประชาชนเท่านั้น เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีทุกรูปแบบ เราต้องสถาปนาเครือข่ายที่สานต่อถึงกันได้ ด้วยการมีเครือข่ายจริงที่สานกันทั่วโลกได้ด้วยเทคโนโลยี  หากยังไม่ได้สมัคร เชิญที่ลิ้งค์ข้างล่าง ดร.เพียงดิน รักไทย ดูแลความลับให้ท่านแต่ผู้เดียว


Wednesday, October 21, 2015

ตัวแทน สนช. โจร ไปชี้แจงต่อสมัชชา สภาฯ​ระดับโลกห้องข่าวเล่าเรื่องเช้า 22-10-2015 B4

 ตัวแทน สนช. โจร ไปชี้แจงต่อสมัชชา สภาฯ​ระดับโลกห้องข่าวเล่าเรื่องเช้า 22-10-2015 B4

https://youtu.be/n0qj-L7dpCY

 

 

 

Download

ศึกษาพื้นที่ขุดคอคอดกระ

 

 ศึกษาพื้นที่ขุดคอคอดกระ

https://youtu.be/Fh_jDallUzk

Download

ห้องข่าวเล่าเรื่องเช้า 22-10-201

https://youtu.be/n0qj-L7dpCY

ห้องข่าวเล่าเรื่องเช้า 22-10-2015 B4

Download

ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย 21 ตุลาคม 2558 "ประเทศไทยใกล้วิบัติ เพราะคนไทยขาดมนุษยธรม" https://youtu.be/6kPqbxW27hc


ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย 21 ตุลาคม 2558 "ประเทศไทยใกล้วิบัติ เพราะคนไทยขาดมนุษยธรม"

https://youtu.be/6kPqbxW27hc


ขบวนปฏิวัติประชาชน จะเอา ดร.ทักษิณ ไว้ตรงไหน? ชวนคิดชวนคุย โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 20 ต.ค. 2558


ขบวนปฏิวัติประชาชน จะเอา ดร.ทักษิณ ไว้ตรงไหน? ชวนคิดชวนคุย โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 20 ต.ค. 2558
https://youtu.be/sU8e6NEXw3A


กลุ่มต้านซิงเกิลเกตเวย์นัดกดเอฟ 5 ถล่มเว็บรัฐอีก 22 ต.ค. 10.00 น.

กลุ่มต้านซิงเกิลเกตเวย์นัดกดเอฟ 5 ถล่มเว็บรัฐอีก 22 ต.ค. 10.00 น.

Tuesday, October 20, 2015

กรณีหมอหยอง...เขาว่า พระเทพ ตบหน้า พี่ชาย เสี่ยโอ!!!

หมอหยอง คนของเสี่ย (หัวงาน bike for mom) โดนข้อหา 112 จับเข้าราบ11 กระทืบจนอ้วกเป็นเลือด งานนี้คอยดูเสี่ยจะช่วยได้หรือไม่ ฝ่ายน้องสาวตบหน้าพี่ชายเต็มๆ  หมอหยอง ไปจ้างช่างปั้น ปั้นรูปเสี่ย ราคา 800,000 ทีนี้ช่างปั้นปั้นเสร็จ หมอหยองบอกเสี่ยว่าไม่สวยให้แก้งาน พอแก้งานเสร็จ หมอหยองยังไม่จ่ายตังค์ คนปั้นเป็นศิลปินที่สังกัดในค่ายน้องสาว เลยเอาเรื่องไปฟ้อง หมอหยองเลยถูกลากคอเข้าไปซ้อมที่ราบ11 พร้อมด้วยข้อหา112

----------

ศาลทหาร พิจารณาอนุมัติหมายจับที่ 27 / 2558 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2558 ให้จับกุม "นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง 

และหมายจับที่ 28 / 2558 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2558 ให้จับ "พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา" สว.กก.1 บก.ปอท. 

ในข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

----------

Monday, October 19, 2015

Facebook เตรียมเพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อรัฐบาลแอบดูบัญชีผู้ใช้งาน

Facebook เตรียมเพิ่มฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อรัฐบาลแอบดูบัญชีผู้ใช้งาน


วันที่: 20 October 2015 
หมวดหมู่: Business, Social Media 
ป้ายคำ: facebook, government, hack

41
shares
+
โซเชียลเน็ตเวิร์กรายนี้ออกมาประกาศว่าจะมีการส่งแบนเนอร์แจ้งเตือนผู้ใช้งานที่แอคเคาท์ของเขาเหล่านั้นถูกแอบตรวจสอบโดยรัฐบาล หรือเมื่อ Facebook สงสัยว่ามีคนพยายามจะแฮ็กมันอยู่ 

เป็นที่รู้กันดีว่าบัญชีผู้ใช้งาน Facebook ถูกแฮ็กกันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการตั้งรหัสผ่านที่เดาได้ง่ายๆ หรือการ Phishing แต่การมอบความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานก็ยังคงเป็นสิ่งที่ Facebook ให้ความสำคัญ

12107890_10153611010246886_3935073197580215636_n

เรื่องนี้ถูกเขียนไว้ในบล็อกของ Facebook เอง ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ต้องมาเป็นอันดับ 1 เสมอ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ จะมีแต่ Facebook เท่านั้นที่ควรรู้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน

ทาง Facebook ได้ชี้แจงเอาไว้ในบล็อกดังกล่าวว่า ตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้ามาก็เพราะการโจมตีในโลกไซเบอร์ลักษณะนี้มีความก้าวหน้าไปมาก และอันตรายกว่าแบบอื่นๆ แต่ก็ย้ำว่าผู้ใช้งานควรจะใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กโดยนึกถึงความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ

หวังว่าจะไม่มีใครได้รับการแจ้งเตือนลักษณะนี้จาก Facebook แต่ถ้าคุณได้รับมัน ก็แปลว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนรหัสผ่านแล้วล่ะ

ที่มา : The Next Web

หมอหยองโดน 112 เพราะเมียประยุทธ์สั่งเก็บ นราพรเคยตัวเสียแล้ว

Copy: ขอแซงหน้าทุกข่าว 
หมอหยองโดน 112 เพราะเมียประยุทธ์สั่งเก็บ นราพรเคยตัวเสียแล้ว

เที่ยวไปจุ้นคดี 112 ทหารจับตัวไปยัดคดีนี้ สังคมรู้กันมีหลายคน อย่างจักรภพ  พ.อ.อภิวันท์มาถึงปวิน รวมพวกเสื้อแดงด้วยไม่ไหวจะหารายชื่อ โดนเพราะนราพรสั่งเล่นเองทั้งหมด ทหารรู้ๆกันอยู่ปิดยังก็ไม่มิด นราพรเป็นตัวเชื่อมกับเครือข่ายองค์กรเก็บขยะของหมอเหรียญทอง เอาคดี 112 มาจับคนเข้าคุกเอาหน้า ทำกันเป็นขบวนการ แต่เมื่ออำนาจทหารไม่จีรังความจึงมาแตกเอาตอนประยุทธ์ถูกเมียสั่งให้กองทัพเล่น 112 กับหมอหยอง เจอคนจริงหมอหยองนี่ไม่ธรรมดา ไม่งั้นไม่อยู่ยืนยงมาถึงทุกวันนี้ กล้าลุกสู้ สมเป็นคนกระบี่ มีองค์มีอะไรไม่รู้แต่หมอหยองรู้ว่าประยุทธ์ตกอยู่ในวงล้อมของคนชั่วหากินทางการเมือง ก็น่าจะเป็นนราพรเป็นคนอยู่เบื้องหลัง. ประยุทธ์ทำบ้านเมืองพังจริง 
งานนี้ประยุทธ์ถึงกับเครียดหนักหลายวัน ฝ่ายตำรวจจักรทิพย์ต้องปิดข่าวไม่มีการเอ่ยชื่อหมอหยองที่โดนเลยเห็นกันแล้ว ตอนแรกตำรวจชุดแรกประชุมเตรียมจับตัว แต่พอเรื่องแดงเป็นข่าว แนวหน้า และสื่ออีกหลายแห่งรีบลบข่าว จักรทิพย์ออกมาใหม่ บอกแค่มีคนกระทำต่อทำผิดสถานบัน ไม่เปิดเผยชื่อ ตั้งศรีวราห์สอบไปตามหน้าที่ .                                  /////////////////////////////มาแล้วๆๆศึกแม่หยิง 2 นาง ที่สมาคมแม่บ้านท.บ.มีเรื่องเล่ามาเสมอ นราพรอยู่เบื้องหลังคอยตามดิสเครดิตน้องสะใภ้ประยุทธ์ เมียพลเอกปรีชา จันทร์โอชา หาว่านางผ่องพรรณทำตัวเลวมากที่ยักยอกเงินกองทัพ 3 ให้เสียหายถึงพลเอกประยุทธ์ คู่สะใภ้คู่นี้ เกาเหลาไม่กินเส้นกันเมียทหารรู้ทิศทางอารมณ์ขอวสองคนนี้ดี ต่างมีอีกาเลี้ยงคาบข่าวส่งเรื่องสะใภ้ใหญ่ตามจิกดับรัศมีสะใภ้เล็ก สะใภ้เล็กก็ไช่ย่อย ไม่ปล่อยพี่สะใภ้ชั่วลอยนวล เบาเสียทีไหนตามปล่อยข่าวนราภรอยู่เบื้องหลังใช้อำนาจของสามีทำให้สถาบันเสื่อมลง เล่นของสูง ตั้งองค์กรลับเก็บขยะ 112 ตามกลั่นแกล้งคนเพื่ออยากได้หน้า ... พวกเมียๆ.. ยุ่งเหลือเชื่อ

เมืองไทยเปลี่ยนไป ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว...!!??

คุยกับเพื่อนสนิท ที่เป็นครูประถมแถวเชียงใหม่ เคยหลงเจ้าชนิดที่เถียงกันจนแทบเสียเพื่อน แล้ววันนี้ ผ่านมาปีกว่า กลับมาคุยกันอีกครั้ง เธอกลายเป็นพวกตาสว่าง แถมรู้ทฤษฏีมดแดงล้มช้าง แถมเข้าใจคำว่า เปลี่ยนระบอบด้วย (ฮา)

เฮ้ย หลวงตาชูกับเณรน้อย ก็ดังไม่หยอก...
แล้ววันนี้ ยังมีดาวรุ่งทั้งวัยสูงและวัยกลาง รวมถึงเอ๊าะ ๆ อีกหลายท่าน

หรือยุคประชาพาไป...สู่แดนศิวิไลซ์ มันใกล้มากแล้วจริง ๆ

มันถึงได้มีข่าวอะไรทำนองแบบข้างล่างนี้ถี่ขึ้นเนาะ
http://www.dailynews.co.th/politics/355320

Sunday, October 18, 2015

สิ่งที่เหล่าทัพนกหวีด ลืมคิดแบบย้อนแย้งตนเอง

น้องสาวคนสวยโปรดฟังทางนี้หน่อยนะ


ถ้า "ทักษิณ" เอาเงินหลวงใส่บัญชีคุณหญิงพจมาน
ถ้า "ยิ่งลักษณ์" ซื้อไมโครโฟนตัวละแสนห้า แต่ราคาจริงแค่ 95,000
แล้วบอกว่าแค่ส่วนต่างเยอะ
ถ้า "ณัฐวุฒิ" เอาบริษัทตัวเอง มารับงานพีอาร์ ขณะนั่งเป็นรัฐมนตรี
โดยไม่ผ่านการประมูล
ถ้า "จตุพร" บวช แล้วเอาวัดเป็นที่ซ่องสุมทางการเมือง อ้างว่าเทศนาสอนธรรมะ แต่แท้จริงคือการชุมนุมทางการเมืองของเสื้อแดงในวัด
ถ้า "ปลอดประสพ" สั่งตัดถนนผ่านเขาใหญ่ โดยไม่มีรายงาน EHIA หรือการทำประชาพิจารณ์ อ้างว่าเพื่อให้สัตว์มีทางเดิน
ถ้า "ชัชชาติ" เสนอแผนงาน 3 ล้านล้าน แพงขึ้น แต่ได้แค่รถไฟรางคู่กระจอกๆ ความเร็วแค่ 160 km/hr. แบ่งสัมปทานให้จีนกับญี่ปุ่น เข้ามาทำเอง
ถ้า "คำรณวิทย์" เป็น ผบ.ตร. แล้วจับแพะเกาะเต่า โยนความผิดให้พม่าว่าฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
ถ้า "พรรคเพื่อไทย" แก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมให้ตัวเองจากความผิดทุกอย่าง ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ถ้า "นิวัฒน์ธำรง" สั่งจำนำยุ้งฉาง ให้ชาวนาเอาข้าวเก็บไว้ในยุ้งฉางตัวเอง ทั้งๆที่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่มียุ้งฉาง แต่คนที่มีคือพวกโรงสีและนายทุนค้าข้าว
ถ้า "สุรนันท์" สั่งห้ามสื่อเขียนวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และห้ามนำเสนอข่าวของประชาธิปัตย์
ถ้า "กิตติรัตน์" สั่งแจกเงินชาวนา และสวนยาง ไร่ละ 1,000 บาท แล้วบอกว่าไม่ใช่ประชานิยม #(หยุดดัดจริตประเทศไทย)
ถ้าเป็นแบบนี้น้องสาวคงนอนอยู่บ้านไม่ติด ออกมาเป่านกหวีดขับไล่ ใช่ป่าว
พี่น้องกปปส.คร้บ ผมเข้าใจแล้วที่ผ่านมา ดัดจริต ไว้มาก
ออกมาเถอะ ผมให้อภัยแล้ว อย่ามัวมุดท่อน้ำอยู่เลย
ออกมาเป่านกหวีด เหมือนที่เคยเป่าเถอะ
คิดถึงนะนกหวีด กปปส กะโหลก กะลา ปรี๊ดดดดด กรั่กๆๆๆๆ