When the mainstream media are being influenced and dictated by the ruling elites and the tyrannical royal government, this is a blog that collects and presents resources on Thai politics from alternative and foreign sources.
Saturday, February 27, 2016
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทย รายการชี้ผิดชี้ถูก หัวข้อ "ไทยพุทธ+มุสลิม อย่าหูเบา เขากำลังแบ่งแยกและปกครองเรา"
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทย
รายการชี้ผิดชี้ถูก หัวข้อ "ไทยพุทธ+มุสลิม อย่าหูเบา เขากำลังแบ่งแยกและปกครองเรา"
วิทยากร: จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
ผู้ดำเนินรายการ: สุดา (อ.หวาน)
เสี่ยโอ ออกงานพร้อมน้องนุ้ย- สุทธิดา หลังจากหายหน้าไปนาน มีนัยสำคัญอย่างไรหรือไม่?
เสี่ยโอ ออกงานพร้อมน้องนุ้ย- สุทธิดา หลังจากหายหน้าไปนาน มีนัยสำคัญอย่างไรหรือไม่?
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 19 สฤษดิ์ ขุนพลค้ำบัลลังก์ภูมิพล (ต่อ) & การปกป้องพระพุทธศาสนา จะทำได้อย่างไร
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 19 สฤษดิ์ ขุนพลค้ำบัลลังก์ภูมิพล (ต่อ)
หรือ
ดร. เพียงดิน รักไทย โฟนอิน พี่น้องไทยในญี่ปุ่น หัวข้อ การปกป้องพระพุทธศาสนา จะทำได้อย่างไร?
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
ใครเนรคุณประชาชน ? ลุงสมชาย (ของเก่าทำใหม่) S 001 BB ลุงสมชายเล่าเรื่องการกู้ชาติกู้แผ่นดินทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ใครเนรคุณประชาชน ? ลุงสมชาย (ของเก่าทำใหม่)
S 001 BB ลุงสมชายเล่าเรื่องการกู้ชาติกู้แผ่นดินทั้งในอดีตและปัจจุบัน
https://youtu.be/k_f4S8ODe3k
http://www.4shared.com/mp3/UlsksoGjba/Somchai_001BBB_MONO_Who_Robbed.html
http://www.mediafire.com/download/49h8iqqhj8nf8a2/Somchai+001BBB+MONO+Who+Robbed+Thailand.mp3
S 001 BB ลุงสมชายเล่าเรื่องการกู้ชาติกู้แผ่นดินทั้งในอดีตและปัจจุบัน
https://youtu.be/k_f4S8ODe3k
http://www.4shared.com/mp3/UlsksoGjba/Somchai_001BBB_MONO_Who_Robbed.html
http://www.mediafire.com/download/49h8iqqhj8nf8a2/Somchai+001BBB+MONO+Who+Robbed+Thailand.mp3
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 18 สฤษดิ์ ขุนพลค้ำบัลลังก์ภูมิพล และวันลุกฮือล้มช้าง
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 18 สฤษดิ์ ขุนพลค้ำบัลลังก์ภูมิพล และวันลุกฮือล้มช้าง
https://youtu.be/C8E-s5kBBw4
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 17 สงครามเย็น 2495-2500 (ต่อ)
https://youtu.be/uJkhI__JQP8
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
https://youtu.be/C8E-s5kBBw4
กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 17 สงครามเย็น 2495-2500 (ต่อ)
https://youtu.be/uJkhI__JQP8
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
Friday, February 26, 2016
จาก GDP ถึง GNP ...นวัตกรรมใหม่ทีม "สมคิด"
รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 07.30 น. ดำเนินรายการโดย "ดนัย เอกมหาสวัสดิ์" และ "อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์" เจาะลึกประเด็นร้อน จาก GDP ถึง GNP ...นวัตกรรมใหม่ทีม "สมคิด" กับ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร (อดีตรองนายกรัฐมนตรี/ อดีต รมว.คลัง)
https://youtu.be/zDrWZhHvcEM
https://youtu.be/zDrWZhHvcEM
"อาคม" ปฏิเสธไม่รับเงื่อนไขฝ่ายจีน ยื่นขอสิทธิบริหาร 2 แนวข้างทางรถไฟไทย-จีน พ่วงลงทุนสถานี
"อาคม" ปฏิเสธไม่รับเงื่อนไขฝ่ายจีน ยื่นขอสิทธิบริหาร 2 แนวข้างทางรถไฟไทย-จีน พ่วงลงทุนสถานี พร้อมสั่งลุยรางคู่7เส้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยระหว่างการสัมมนารับฟังความคิดเห็นโครงการสร้างความรับรู้....... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/biz/gov/418278
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
On February 25, 2016
LINE it! 554-8
คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การนำของ
"บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ได้แถลงข่าวผลการตรวจสอบรถโบราณที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ซึ่งตามสมุดทะเบียนรถปรากฏชื่อท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จวัดปากน้ำหรือ
"สมเด็จช่วง" เป็นผู้ครอบครอง
โดยแถลงกล่าวหาว่าเป็นรถที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ
ผมติดตามข่าวนี้อย่างละเอียด
เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างบอกไม่ถูก
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างคล้ายกับการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองยังไงยังงั้น
ถ้าพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาจะเห็นการสมคบคิดของกลุ่มคนดีกลุ่มเดิมที่เตรียมการล่วงหน้าและแบ่งหน้าที่กันมาเป็นอย่างดี
ตัวละครที่ออกมาเล่นก็ล้วนเป็นนักแสดงหน้าเก่าทั้งสิ้น
การกระทำทั้งหมดมุ่งไปที่จุดเดียวกันคือ
สร้างสถานการณ์บิดเบือนป้ายสีให้ประชาชนเชื่อว่า "สมเด็จช่วง"
ต้องมลทินและมีความมัวหมอง
โดยใช้เรื่องรถโบราณเป็นเครื่องมือในการสร้างข่าว
พยายามใช้ตรรกะและความเชื่อมโยงแบบคลุมเครือเพื่อให้ดูเหมือนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น
ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงรถ
หนึ่งในหลายพันหลายหมื่นอย่างที่ลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนถวายให้ท่าน
และได้มอบให้ทางวัดนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์เหมือนของถวายมีค่าชิ้นอื่นๆ
เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังและผู้สนใจใช้ศึกษาหาความรู้กันต่อไป
โดยไม่ได้เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่ปฏิเสธหลักฐานต่างๆที่ดีเอสไอแถลง
และอยากเห็นการดำเนินการเรื่องนี้จนถึงที่สุด
แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รวมถึงผมยังติดใจว่าทำไมดีเอสไอถึงเลือกเอารถโบราณวัดปากน้ำที่แจ้งยุติการใช้รถตลอดไปตามทะเบียนรถตั้งแต่วันที่
1 สิงหาคม 2556 เป็นเป้าหมายพิเศษในการตรวจสอบ
ทั้งที่มีรถยนต์เข้าข่ายและยังวิ่งใช้งานอยู่ตามท้องถนนมากถึง 6,000 คัน
ผมติดใจการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางกลุ่มบางพวกที่ใช้คำศัพท์เรียกรถโบราณที่ผลิตตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2496 ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีว่า "รถหรู"
ทั้งที่รถหรูเป็นคำประสมหมายถึงรถยนต์นำเข้าที่มีราคาแพง
มีรูปทรงเด่นเฉพาะ มีการผลิตจำนวนน้อยหรือผลิตตามสั่ง
เครื่องยนต์มีกำลังแรง
และที่สำคัญนำเข้ามาในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีสูงถึง 300%
เพราะฉะนั้นการเลือกใช้คำว่า "หรู"
จึงเป็นการใช้คำศัพท์ที่ผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง
ทำให้เชื่อได้ว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่มีความประสงค์จะทำให้สาธารณชนส่วนใหญ่เกิดความเข้าใจผิด
และทำให้ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จต้องมีมลทินและถูกเกลียดชังจากประชาชนที่เสพข่าวที่ไม่ถูกต้อง
ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า หลังจากการนำเสนอข่าว
ผมพบว่าในโลกโซเชียลมีคนจำนวนมากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสนข้อมูลที่ได้รับ
บางคนถึงกับเข้าใจเลยเถิดไปว่าเป็นรถที่ใช้เป็นพาหนะประจำตัวด้วยซ้ำ
และเมื่อมีการประโคมข่าวรถหรูอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดก็เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จรู้เห็นกับการรับถวายที่ผิดกฎหมาย
ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
ผมนำเรื่องนี้มาบ่นให้ฟังเพราะคิดว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่มีความยุติธรรม
ผมเห็นฆราวาสจำนวนมากเขียนถึงท่านเสียๆหายๆ
บางคนถึงกับด่าว่าด้วยคำหยาบคาย
บางคนบังอาจสั่งสอนท่านและกล่าวถึงท่านด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ
วันนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
ทำไมคนเราถึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้มากขนาดนี้
ทั้งๆที่ความจริงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทราบกันได้ไม่ยาก
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์แห่งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บวชเรียนมาถึง 77
พรรษา และปีนี้ท่านมีอายุถึง 91 พรรษา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีในหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า
ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด
และตลอดชีวิตที่อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านเป็นผู้ให้มาโดยตลอด
ในวงการสงฆ์ต่างรู้ดีว่าสิ่งก่อสร้างกว่า 80%
ในพุทธมณฑลนั้นถูกดำเนินการจนสำเร็จเพราะการสนับสนุนของท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จได้บริจาคปัจจัยสมทบทุนต่างๆในบวรพุทธศาสนามากมาย
ใครจะมาขอหรือไม่ ท่านก็มีแต่ความยินดีที่จะให้โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร
ดังนั้น วัดวาอารามต่างๆทั้งในและต่างประเทศจึงคุ้นเคยกับการให้ของท่านเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นท่านยังบริจาคปัจจัยเพื่อนำไปสมทบทุนก่อสร้างโรงเรียน
โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ
สิ่งที่ท่านมอบให้กับสังคมมีมากมายและเป็นที่ประจักษ์
แม้ท่านจะมีลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่บริจาคสิ่งของและปัจจัยอย่างมากมาย
ท่านไม่เคยคิดที่จะเก็บไว้เป็นของส่วนตัว
แต่นำกลับไปทำนุบำรุงศาสนาตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และไม่ลืมที่จะให้ทานกลับมาให้ทางโลกด้วยเช่นกัน
ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จปฏิบัติศาสนกิจแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด
นอกจากการให้ทานแล้วยังให้ความรู้แก่สงฆ์และฆราวาสมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าสมณศักดิ์ของท่านจะสูงขึ้นเท่าไรก็ตาม
แต่วัตรปฏิบัติของท่านก็ไม่เคยเปลี่ยน
ซึ่งเป็นที่รับรู้ในวงการสงฆ์โดยทั่วไป
ดังนั้น จากจริยวัตรที่งดงามและท่านยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีสมณศักดิ์สูงสุด
กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปจึงมีมติเป็นเอกฉันท์เสนอชื่อท่านให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสังฆราชองค์ต่อไปของกรุงรัตนโกสินทร์
มติของมหาเถรสมาคมเป็นเอกฉันท์ทั้งมหานิกายและธรรมยุตเช่นนี้
ย่อมยืนยันให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้มั่นใจว่าในสังฆมณฑลของเราไม่มีความแตกแยกแต่อย่างใด
ผมมั่นใจว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จให้อภัยกับกลุ่มบุคคลที่สมคบคิดและป้ายสีท่านเพื่อให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นข้ออ้างที่จะชะลอการเสนอชื่อท่าน
แต่ผมอยากจะเตือนกลุ่มบุคคลและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนด้วยจิตที่เป็นกุศลว่า
วิธีการที่ท่านสมคบคิดกันเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการตั้งสังฆราชครั้งนี้เป็นบาปใหญ่จริงๆ
และผมเชื่อว่าคงอยู่ทันได้เห็นผลลัพธ์การสร้างบาปใหญ่ครั้งนี้อย่างแน่นอน
On February 25, 2016
LINE it! 554-8
คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การนำของ
"บิ๊กต๊อก" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ได้แถลงข่าวผลการตรวจสอบรถโบราณที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ซึ่งตามสมุดทะเบียนรถปรากฏชื่อท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จวัดปากน้ำหรือ
"สมเด็จช่วง" เป็นผู้ครอบครอง
โดยแถลงกล่าวหาว่าเป็นรถที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ
ผมติดตามข่าวนี้อย่างละเอียด
เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าวอย่างบอกไม่ถูก
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างคล้ายกับการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองยังไงยังงั้น
ถ้าพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาจะเห็นการสมคบคิดของกลุ่มคนดีกลุ่มเดิมที่เตรียมการล่วงหน้าและแบ่งหน้าที่กันมาเป็นอย่างดี
ตัวละครที่ออกมาเล่นก็ล้วนเป็นนักแสดงหน้าเก่าทั้งสิ้น
การกระทำทั้งหมดมุ่งไปที่จุดเดียวกันคือ
สร้างสถานการณ์บิดเบือนป้ายสีให้ประชาชนเชื่อว่า "สมเด็จช่วง"
ต้องมลทินและมีความมัวหมอง
โดยใช้เรื่องรถโบราณเป็นเครื่องมือในการสร้างข่าว
พยายามใช้ตรรกะและความเชื่อมโยงแบบคลุมเครือเพื่อให้ดูเหมือนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น
ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงรถ
หนึ่งในหลายพันหลายหมื่นอย่างที่ลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนถวายให้ท่าน
และได้มอบให้ทางวัดนำไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์เหมือนของถวายมีค่าชิ้นอื่นๆ
เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังและผู้สนใจใช้ศึกษาหาความรู้กันต่อไป
โดยไม่ได้เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่ปฏิเสธหลักฐานต่างๆที่ดีเอสไอแถลง
และอยากเห็นการดำเนินการเรื่องนี้จนถึงที่สุด
แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่รวมถึงผมยังติดใจว่าทำไมดีเอสไอถึงเลือกเอารถโบราณวัดปากน้ำที่แจ้งยุติการใช้รถตลอดไปตามทะเบียนรถตั้งแต่วันที่
1 สิงหาคม 2556 เป็นเป้าหมายพิเศษในการตรวจสอบ
ทั้งที่มีรถยนต์เข้าข่ายและยังวิ่งใช้งานอยู่ตามท้องถนนมากถึง 6,000 คัน
ผมติดใจการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางกลุ่มบางพวกที่ใช้คำศัพท์เรียกรถโบราณที่ผลิตตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2496 ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีว่า "รถหรู"
ทั้งที่รถหรูเป็นคำประสมหมายถึงรถยนต์นำเข้าที่มีราคาแพง
มีรูปทรงเด่นเฉพาะ มีการผลิตจำนวนน้อยหรือผลิตตามสั่ง
เครื่องยนต์มีกำลังแรง
และที่สำคัญนำเข้ามาในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีสูงถึง 300%
เพราะฉะนั้นการเลือกใช้คำว่า "หรู"
จึงเป็นการใช้คำศัพท์ที่ผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง
ทำให้เชื่อได้ว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่มีความประสงค์จะทำให้สาธารณชนส่วนใหญ่เกิดความเข้าใจผิด
และทำให้ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จต้องมีมลทินและถูกเกลียดชังจากประชาชนที่เสพข่าวที่ไม่ถูกต้อง
ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า หลังจากการนำเสนอข่าว
ผมพบว่าในโลกโซเชียลมีคนจำนวนมากเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและสับสนข้อมูลที่ได้รับ
บางคนถึงกับเข้าใจเลยเถิดไปว่าเป็นรถที่ใช้เป็นพาหนะประจำตัวด้วยซ้ำ
และเมื่อมีการประโคมข่าวรถหรูอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดก็เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จรู้เห็นกับการรับถวายที่ผิดกฎหมาย
ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
ผมนำเรื่องนี้มาบ่นให้ฟังเพราะคิดว่าเป็นอีกเรื่องที่ไม่มีความยุติธรรม
ผมเห็นฆราวาสจำนวนมากเขียนถึงท่านเสียๆหายๆ
บางคนถึงกับด่าว่าด้วยคำหยาบคาย
บางคนบังอาจสั่งสอนท่านและกล่าวถึงท่านด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ
วันนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย
ทำไมคนเราถึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้มากขนาดนี้
ทั้งๆที่ความจริงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ทราบกันได้ไม่ยาก
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์แห่งวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บวชเรียนมาถึง 77
พรรษา และปีนี้ท่านมีอายุถึง 91 พรรษา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีในหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปว่า
ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด
และตลอดชีวิตที่อยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ท่านเป็นผู้ให้มาโดยตลอด
ในวงการสงฆ์ต่างรู้ดีว่าสิ่งก่อสร้างกว่า 80%
ในพุทธมณฑลนั้นถูกดำเนินการจนสำเร็จเพราะการสนับสนุนของท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จได้บริจาคปัจจัยสมทบทุนต่างๆในบวรพุทธศาสนามากมาย
ใครจะมาขอหรือไม่ ท่านก็มีแต่ความยินดีที่จะให้โดยไม่เลือกว่าเป็นใคร
ดังนั้น วัดวาอารามต่างๆทั้งในและต่างประเทศจึงคุ้นเคยกับการให้ของท่านเป็นอย่างดี
นอกจากนั้นท่านยังบริจาคปัจจัยเพื่อนำไปสมทบทุนก่อสร้างโรงเรียน
โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ
สิ่งที่ท่านมอบให้กับสังคมมีมากมายและเป็นที่ประจักษ์
แม้ท่านจะมีลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่บริจาคสิ่งของและปัจจัยอย่างมากมาย
ท่านไม่เคยคิดที่จะเก็บไว้เป็นของส่วนตัว
แต่นำกลับไปทำนุบำรุงศาสนาตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และไม่ลืมที่จะให้ทานกลับมาให้ทางโลกด้วยเช่นกัน
ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จปฏิบัติศาสนกิจแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด
นอกจากการให้ทานแล้วยังให้ความรู้แก่สงฆ์และฆราวาสมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าสมณศักดิ์ของท่านจะสูงขึ้นเท่าไรก็ตาม
แต่วัตรปฏิบัติของท่านก็ไม่เคยเปลี่ยน
ซึ่งเป็นที่รับรู้ในวงการสงฆ์โดยทั่วไป
ดังนั้น จากจริยวัตรที่งดงามและท่านยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีสมณศักดิ์สูงสุด
กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปจึงมีมติเป็นเอกฉันท์เสนอชื่อท่านให้ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสังฆราชองค์ต่อไปของกรุงรัตนโกสินทร์
มติของมหาเถรสมาคมเป็นเอกฉันท์ทั้งมหานิกายและธรรมยุตเช่นนี้
ย่อมยืนยันให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้มั่นใจว่าในสังฆมณฑลของเราไม่มีความแตกแยกแต่อย่างใด
ผมมั่นใจว่าท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จให้อภัยกับกลุ่มบุคคลที่สมคบคิดและป้ายสีท่านเพื่อให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นข้ออ้างที่จะชะลอการเสนอชื่อท่าน
แต่ผมอยากจะเตือนกลุ่มบุคคลและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนด้วยจิตที่เป็นกุศลว่า
วิธีการที่ท่านสมคบคิดกันเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการตั้งสังฆราชครั้งนี้เป็นบาปใหญ่จริงๆ
และผมเชื่อว่าคงอยู่ทันได้เห็นผลลัพธ์การสร้างบาปใหญ่ครั้งนี้อย่างแน่นอน
หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง
หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุดของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนาและการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือ ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ
สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)
สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ
(วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ
ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง
หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)
เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง
แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน
เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด
สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด
ดาวน์โหลด pdf เพื่อการเผยแพร่ http://tinyurl.com/jpsbcvn
ดร. เพียงดิน รักไทย
25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554)
Thursday, February 25, 2016
อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 25 ก.พ. 2559 ตอน พระเทพ พบฮุนเซน และ ดร. ทักษิณ ออกจากถ้ำ????
อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 25 ก.พ. 2559 ตอน พระเทพ พบฮุนเซน และ ดร. ทักษิณ ออกจากถ้ำ????
https://youtu.be/XcFsMsdyGBo หรือ
https://youtu.be/BOd-1KqLkQM
รายการทางออกประเทศไทย อ,ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ วันที่ 25 -02-16 ตัดต่อแล้ว http://www.mediafire.com/listen/8fnc5xahmc587ty/chupong-usa-25-02-16.mp3
https://youtu.be/XcFsMsdyGBo หรือ
https://youtu.be/BOd-1KqLkQM
รายการทางออกประเทศไทย อ,ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ วันที่ 25 -02-16 ตัดต่อแล้ว http://www.mediafire.com/listen/8fnc5xahmc587ty/chupong-usa-25-02-16.mp3
https://www.youtube.com/watch?v=Nsum7fqaGjc&feature=youtu.be ตอนสถานการณ์พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์ สอบถาม สถานะการณ์ ทางการเมืองไทย ไม่เกรงใจ คสช บิก๊จ๋ีว ออกมาติว พิเศษ เรื่อง รัฐธรรม กับเรื่อง ประชาธิปไตย ๒ป. กับ ๓ ป.ใครแน่กว่ากัน ฆ่ากันหรือหลอก
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
ตอนสถานะการณ์ พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์
หลวงตาชูพงศ์ ณ บัดนาว
https://youtu.be/vpCwUZPAhiw
หรือ
https://youtu.be/xr8JZiT4GRg
ตอนสถานะการณ์ พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์ สอบถาม สถานะการณ์ ทางการเมืองไทย ไม่เกรงใจ คสช บิก๊จ๋ีว ออกมาติว พิเศษ เรื่อง รัฐธรรม กับเรื่อง ประชาธิปไตย ๒ป. กับ ๓ ป.ใครแน่กว่ากัน ฆ่ากันหรือหลอก เรียกเรตติ้ง เวลาสามทุม่เมืองไทย
https://youtu.be/vpCwUZPAhiw
หรือ
https://youtu.be/xr8JZiT4GRg
ตอนสถานะการณ์ พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์ สอบถาม สถานะการณ์ ทางการเมืองไทย ไม่เกรงใจ คสช บิก๊จ๋ีว ออกมาติว พิเศษ เรื่อง รัฐธรรม กับเรื่อง ประชาธิปไตย ๒ป. กับ ๓ ป.ใครแน่กว่ากัน ฆ่ากันหรือหลอก เรียกเรตติ้ง เวลาสามทุม่เมืองไทย
หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง
หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุดของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนาและการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือ ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ
สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)
สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ
(วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ
ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง
หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)
เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง
แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน
เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด
สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด
ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn
สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ
สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)
สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ
(วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ
ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง
หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)
เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง
แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน
เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด
สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด
ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn
ดร. เพียงดิน รักไทย
25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554)
Wednesday, February 24, 2016
รอยเตอรส์: อิทธิพลของนายกทักษิณมีสัญญาณแผ่ว
http://www.reuters.com/article/us-thailand-politics-thaksin-idUSKCN0VX0PA
Ousted Thai PM Thaksin's influence shows signs of waning
รอยเตอรส์: อิทธิพลของนายกทักษิณมีสัญญาณแผ่ว Hmmmm.... มีสัมภาษณ์คุณธิดาด้วย และสัญญาณแปร่ง ๆ ชอบกลครับ
"ทำยังไงประชาชนจึงจะลุกขึ้นสู้พร้อมๆกัน ก่อนมันจะสายคะ?"
"ทำยังไงประชาชนจึงจะลุกขึ้นสู้พร้อมๆกัน ก่อนมันจะสายคะ?"
https://www.youtube.com/watch?v=xx7ToGsT2i8
ดร. เพียงดิน 27 ธ.ค. 2558 ตอน การ "สิ้นชาติ" แบบซีเรีย จะเกิดกับไทยได้ไหม? ทำไงดี??
https://youtu.be/fGSK3SmWdbE
หรือ
https://youtu.be/OblFuNhUt7A
https://www.youtube.com/watch?v=xx7ToGsT2i8
ดร. เพียงดิน 27 ธ.ค. 2558 ตอน การ "สิ้นชาติ" แบบซีเรีย จะเกิดกับไทยได้ไหม? ทำไงดี??
https://youtu.be/fGSK3SmWdbE
หรือ
https://youtu.be/OblFuNhUt7A
Tuesday, February 23, 2016
เปิดปาก "พยานปากเอก" ไขปมศพเกลื่อนที่กรือเซะ "ขบวนการหลอกชาวบ้าน แล้วทหารถูกใครหลอก?
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304592749&grpid=01&catid&subcatid
วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:30:00 น.
โศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เหตุการณ์กรือเซะ" ซึ่งก่อความสูญเสียชีวิตผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐรวม 108 ชีวิตนั้น จนถึงวันนี้ยังคงเป็นปริศนาดำมืดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุใดวัยรุ่นและชายฉกรรจ์มุสลิมนับร้อยคนซึ่งส่วนใหญ่มีเพียง "มีด" กับ "กริช" จึงกล้าบุกเข้าโจมตีป้อมจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่งมีอาวุธครบมือ
และเหตุใดจึงมีการ "ตายหมู่" ที่มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์อิสลามในดินแดนปลายสุดด้ามขวานเขตประเทศไทย โดยคำตอบของคำถามดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเป็นแค่ลักษณะกำปั้นทุบดินที่ว่า "เพราะทหารยิงอาวุธหนักเข้าไป" แต่สิ่งที่น่าค้นหาคือทำไมสถานการณ์จึงประจวบเหมาะและจบลงตรงสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนั้น
การสืบเสาะค้นหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์มีมาตลอดหลายปีทั้งจากฝ่ายความมั่นคงเอง และคณะกรรมาธิการวิสามัญบางชุดของวุฒิสภา ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงนั้นเชื่อว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนวาดแผนการนี้ขึ้นและจงใจให้เกิดความสูญเสียขนาดใหญ่ เพื่อยกประเด็นแบ่งแยกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รัฐปาตานีในอดีต) ขึ้นสู่เวทีนานาชาติ
ขณะที่ฝ่ายกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาบางท่าน (ปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) ซึ่งเคยลงพื้นที่ไต่สวนเรื่องนี้เห็นว่า เป็นการวางแผนของฝ่ายความมั่นคงที่รู้ข้อมูลการข่าวมาก่อนล่วงหน้า แต่จงใจให้เกิดการปะทะ โดยเชื่อว่าจะสามารถกวาดล้างขบวนการที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนได้ทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดียังมีข้อมูลจากบุคคลในพื้นที่อีกหลายชุดที่อาจจะยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ซึ่งจะเรียกว่าเป็น "พยานปากเอก" ก็น่าจะได้ เพราะเขารอดชีวิตโดยบังเอิญจากความรุนแรงที่ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใด "จัดฉาก" ให้เกิดขึ้น
เปิดปาก "พยานปากเอก"
มิง (นามสมมติ) ชายหนุ่มวัยใกล้ 30 ปี คือบุคคลที่เรากำลังพูดถึง เขายืนยันว่ารอดชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ เพราะไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุตามนัด!
เรื่องราวของมิงเป็นที่รับรู้กันในวงแคบ คือเฉพาะตัวเขากับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา กระทั่งเวลาล่วงผ่านมานานปี ในวาระครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์กรือเซะ เขาจึงยอมเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นครั้งแรกเพื่อบอกเล่าความจริงบางด้านของเหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นที่เขา(เกือบ) เคยมีส่วนร่วม
"จริงๆ ผมน่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ หากวันนั้น (วันที่ 28 เมษาฯ 2547) ผมไม่มีปัญหาทางบ้านพอดี" มิงเริ่มต้นเรื่องราวของเขาด้วยภาษามลายูถิ่น
มิง เล่าว่า ช่วงปี 2547 เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา เขาต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงเลือกเข้าเรียนกะเช้า เพื่อจะได้มีเวลาทำงานในตอนเย็น
"ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ทุกๆ สัปดาห์อุสตาซ (ครู) จะเรียกหัวหน้าห้องทุกห้องไปประชุม ทุกครั้งที่มีการประชุมกัน อุสตาซจะให้หัวหน้าห้องทุกห้องหาเด็กในห้องของตนเองมาเข้าร่วมประชุมด้วย 5 คน โดยเน้นว่าต้องเป็นเด็กดี เรียนเก่ง ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าอุสตาซให้หาเด็กมาทำอะไร เพราะเขาบอกเพียงว่ามาทำฮิดายะห์ (นำทาง หรือการชี้นำ) ผมก็นึกว่าเป็นการอบรมธรรมดาทั่วไป"
"ทุกครั้งที่เด็กมาร่วมประชุม อุสตาซจะบรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ของรัฐปาตานีในอดีต จากนั้นก็จะพูดให้เกลียดชังคนนอกศาสนาและเจ้าหน้าที่รัฐ สัปดาห์หนึ่งจะนัดไปฟังบรรยาย 5 วัน โดยผู้ที่มาบรรยายไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ไม่มีนักเรียนรู้จัก"
มิง เล่าต่อว่า เมื่อเสร็จจากการอบรม หรือ "ฮิดายะห์" แล้ว อุสตาซก็จะนัดพวกนักเรียนให้ไปอบรมต่อตามมัสยิดในพื้นที่ต่างๆ โดยผู้บรรยายจะเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนหัวข้อบรรยายไปเรื่อยๆ เช่น ความรุ่งเรืองของรัฐปาตานีในอดีต, ความเกลียดชังคนไทยพุทธ, ความอยุติธรรมของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อคนมลายู
"บรรยากาศตอนบรรยายจะนั่งฟังร่วมกับชาวบ้าน ในมัสยิดเงียบกริบ ไม่มีเสียงอื่นใดเลยนอกจากเสียงของผู้บรรยาย คนที่เข้าร่วมอบรมจะนั่งฟังด้วยความตั้งใจ สนใจ บางคนถึงกับหน้าแดงร้องไห้ บางคนก็แสดงอาการโกธรเกลียดรัฐและคนนอกศาสนา"
มิง บอกว่า หลังจากเดินสายฟังบรรยายได้ประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มเข้าสู่การฝึกอบรมขั้นต่อไป
"อุสตาซนัดให้ผมกับเพื่อนนักเรียนไปรวมกันที่ชายทะเลแถวๆ อ.เทพา จ.สงขลา และ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อทดสอบร่างกาย โดยครั้งแรกครูที่เป็นคนฝึกจะให้วิ่งจับเวลา จากนั้นจะฝึกหลายอย่างมาก มีการฝึกใช้อาวุธโดยใช้ไม้แทนปืนด้วย ฝึกอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อฝึกเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนนั้นผมเริ่มรู้ข้อมูลว่ามีการฝึกกันแบบนี้มาหลายรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ากี่รุ่น รู้แต่เพียงว่ารุ่นของผมเป็นรุ่นสิบกว่าๆ"
และแล้วก็ถึงวันสำคัญซึ่งกลุ่มนักเรียนที่ผ่านการฝึกอบรมไม่มีใครรู้ล่วงหน้า...
"ช่วงก่อนวันที่28 เมษาฯ อุสตาซก็นัดเด็กนักเรียนไปรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่ง (มิงไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นที่ไหน) ผมกับเพื่อนๆ ก็เดินทางไปตามนัด เมื่อไปถึงก็เจอผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนบาบอ (ครูสอนศาสนาชั้นผู้ใหญ่) จากนั้นชายคนนี้ก็เรียกให้ทุกคนไปนั่งร่วมประชุม ซึ่งมีคนไปประมาณร้อยกว่าคน เสร็จแล้วก็ให้ท่องบทสวดเป็นภาษาอาหรับ 3 บท ตอนที่ท่องบทสวดนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองใหญ่กว่าคนอื่น เห็นคนอื่นเล็กไปหมด คิดว่าทุกคนที่ไปร่วมพิธีก็รู้สึกแบบเดียวกัน ใครพูดไม่ถูกหูก็จะเข้าไปบีบคอทันที ไม่กลัวใครเลย ยิ่งเห็นทหาร ตำรวจจะเข้าไปบีบคอให้ได้ จากนั้นก็มีการพูดปลุกระดมเรื่องรัฐปาตานีอีก"
"ต่อมาวันที่ 27 เมษาฯ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อุสตาซคนเดิมได้นัดให้ไปรวมตัวกันที่น้ำตกแห่งหนึ่งในพื้นที่ โดยกลุ่มของผมไปกัน 20 คน เมื่อไปถึงที่หมายก็ตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนที่มาประชุมคราวนี้มีมากกว่าที่ผ่านๆ มา จากที่ได้สอบถามเพื่อนทั้ง 20 คนที่มาด้วยกัน ไม่มีใครรู้จักคนอีกหลายร้อยที่กำลังเข้าร่วมประชุมในคืนนั้นเลย"
มิงเล่าอีกว่า คืนนั้นได้พบกับบาบอคนเดิม และก็มาปลุกระดมเหมือนกับทุกครั้ง เรื่องที่พูดก็เป็นข้อมูลเชิงลบของรัฐ คนนอกศาสนา และตำรวจ ทหาร ขณะที่เขานั่งฟังอยู่อย่างสงบ ก็มีโทรศัพท์จากทางบ้านตามตัวให้เขากลับบ้านด่วน
"จู่ๆ ที่บ้านก็โทร.มา บอกว่ามีปัญหาให้กลับด่วน ผมจึงชวนเพื่อนอีกคนให้กลับด้วยกัน อุสตาซก็ไม่ว่าอะไร เพราะคนเยอะมาก และไม่รู้เรื่องอีกเลยว่าที่น้ำตกแห่งนั้นในคืนนั้นเขาทำอะไรกันต่อ"
มิงบอกว่า เขามาได้ข่าวเกี่ยวกับเพื่อนๆ ที่ไปร่วมประชุมวันนั้นในอีก 1 วันถัดมาว่ามีหลายคนเสียชีวิต
"เพื่อนสิบกว่าคนที่ร่วมประชุมด้วยกันที่น้ำตกไปตายในวันที่ 28 เมษาฯ ตายที่ อ.สะบ้าย้อย (จ.สงขลา) 3 คน (เป็นนักกีฬาทีมฟุตบอลเยาวชน) ส่วนที่เหลือตายที่มัสยิดกรือเซะ ทีแรกเพื่อนที่กลับมาด้วยกันมาบอก ผมไม่เชื่อ หาว่าเขาโกหก เลยชวนกันไปดู แทบล้มทั้งยืนเลย เพราะในใจรู้แล้วว่าถูกหลอก แต่ไม่รู้ว่าใครหลอก รู้แต่ว่าถูกหลอกแน่นอน หลอกให้เกิดเรื่องแบบนี้ และมีการตายเกิดขึ้น ถือว่าโชคเข้าข้างผม ไม่อย่างนั้นก็คงต้องตายเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มอย่างแน่นอน"
ทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 7 ปีแล้ว แต่มิงบอกว่ายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นได้ดี เมื่อครบรอบเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯในแต่ละปี เขาจะมานั่งคิดย้อนไปถึงช่วงนั้นว่าเขากับเพื่อนๆ ไปทำอะไรกัน โดยเฉพาะการประชุมที่น้ำตกในคืนก่อนวันที่ 28 เมษาฯ
"มันเป็นอะไรที่ลืมยากมาก เพื่อนต้องเจอจุดจบเพราะถูกหลอก เพราะรู้ไม่ทันคน"
แม้จะรู้ว่าถูกหลอก แต่เครื่องหมายคำถามก็ยังมีอยู่มากมายในหัวใจของมิง...
"ผมกับอีกหลายคนที่รอดชีวิตจากวันนั้นได้มานั่งถามกันเองว่าถูกใครหลอกกันแน่ เพราะบาบอและอุสตาซที่มาปลุกระดมก็หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตาย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็รู้ทัน แม้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลัง ผมเลยไม่รู้ว่าการตายครั้งนั้นเกิดจากกลุ่มขบวนการหลอกหรือเจ้าหน้าที่รัฐหลอกกันแน่" มิงตั้งคำถามทิ้งท้าย
คำถามอันแหลมคมของมิง จะว่าไปก็เป็นคำถามที่กรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาบางท่านเคยตั้งมาแล้วว่าฝ่ายความมั่นคงน่าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่28 เมษาฯ แต่ทำไมถึงเลือกใช้วิธีการในลักษณะกวาดล้าง หรือเพราะประเมินว่ากำลังคนของฝ่ายก่อความไม่สงบน่าจะมีอยู่เท่านี้
ทว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ โดยเฉพาะที่มัสยิดกรือเซะนั้น ได้กลายเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เกิดการปลุกปั่นปลุกระดมและความแค้น มีเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบขยายวงกว้างมากขึ้นจนเหตุการณ์ความไม่สงบบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน
ฉะนั้นหากเด็กหนุ่มอย่างมิงและเพื่อนๆของเขาถูกคนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรืออ้างว่ามีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนหลอกเพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง คำถามที่รัฐต้องตอบก็คือ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายทหารที่ปฏิบัติการในวันนั้นถูกใครหลอก...
ใครกันที่ทำให้เหตุการณ์กรือเซะกลายเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล และเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟใต้คุโชน?
( เรื่อง / ภาพ ทีมข่าวอิศรา )
วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:30:00 น.
โศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เหตุการณ์กรือเซะ" ซึ่งก่อความสูญเสียชีวิตผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐรวม 108 ชีวิตนั้น จนถึงวันนี้ยังคงเป็นปริศนาดำมืดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุใดวัยรุ่นและชายฉกรรจ์มุสลิมนับร้อยคนซึ่งส่วนใหญ่มีเพียง "มีด" กับ "กริช" จึงกล้าบุกเข้าโจมตีป้อมจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่งมีอาวุธครบมือ
และเหตุใดจึงมีการ "ตายหมู่" ที่มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์อิสลามในดินแดนปลายสุดด้ามขวานเขตประเทศไทย โดยคำตอบของคำถามดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเป็นแค่ลักษณะกำปั้นทุบดินที่ว่า "เพราะทหารยิงอาวุธหนักเข้าไป" แต่สิ่งที่น่าค้นหาคือทำไมสถานการณ์จึงประจวบเหมาะและจบลงตรงสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนั้น
การสืบเสาะค้นหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์มีมาตลอดหลายปีทั้งจากฝ่ายความมั่นคงเอง และคณะกรรมาธิการวิสามัญบางชุดของวุฒิสภา ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงนั้นเชื่อว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนวาดแผนการนี้ขึ้นและจงใจให้เกิดความสูญเสียขนาดใหญ่ เพื่อยกประเด็นแบ่งแยกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รัฐปาตานีในอดีต) ขึ้นสู่เวทีนานาชาติ
ขณะที่ฝ่ายกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาบางท่าน (ปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) ซึ่งเคยลงพื้นที่ไต่สวนเรื่องนี้เห็นว่า เป็นการวางแผนของฝ่ายความมั่นคงที่รู้ข้อมูลการข่าวมาก่อนล่วงหน้า แต่จงใจให้เกิดการปะทะ โดยเชื่อว่าจะสามารถกวาดล้างขบวนการที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนได้ทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ดียังมีข้อมูลจากบุคคลในพื้นที่อีกหลายชุดที่อาจจะยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ซึ่งจะเรียกว่าเป็น "พยานปากเอก" ก็น่าจะได้ เพราะเขารอดชีวิตโดยบังเอิญจากความรุนแรงที่ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใด "จัดฉาก" ให้เกิดขึ้น
เปิดปาก "พยานปากเอก"
มิง (นามสมมติ) ชายหนุ่มวัยใกล้ 30 ปี คือบุคคลที่เรากำลังพูดถึง เขายืนยันว่ารอดชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ เพราะไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุตามนัด!
เรื่องราวของมิงเป็นที่รับรู้กันในวงแคบ คือเฉพาะตัวเขากับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา กระทั่งเวลาล่วงผ่านมานานปี ในวาระครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์กรือเซะ เขาจึงยอมเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นครั้งแรกเพื่อบอกเล่าความจริงบางด้านของเหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นที่เขา(เกือบ) เคยมีส่วนร่วม
"จริงๆ ผมน่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ หากวันนั้น (วันที่ 28 เมษาฯ 2547) ผมไม่มีปัญหาทางบ้านพอดี" มิงเริ่มต้นเรื่องราวของเขาด้วยภาษามลายูถิ่น
มิง เล่าว่า ช่วงปี 2547 เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา เขาต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงเลือกเข้าเรียนกะเช้า เพื่อจะได้มีเวลาทำงานในตอนเย็น
"ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ทุกๆ สัปดาห์อุสตาซ (ครู) จะเรียกหัวหน้าห้องทุกห้องไปประชุม ทุกครั้งที่มีการประชุมกัน อุสตาซจะให้หัวหน้าห้องทุกห้องหาเด็กในห้องของตนเองมาเข้าร่วมประชุมด้วย 5 คน โดยเน้นว่าต้องเป็นเด็กดี เรียนเก่ง ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าอุสตาซให้หาเด็กมาทำอะไร เพราะเขาบอกเพียงว่ามาทำฮิดายะห์ (นำทาง หรือการชี้นำ) ผมก็นึกว่าเป็นการอบรมธรรมดาทั่วไป"
"ทุกครั้งที่เด็กมาร่วมประชุม อุสตาซจะบรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ของรัฐปาตานีในอดีต จากนั้นก็จะพูดให้เกลียดชังคนนอกศาสนาและเจ้าหน้าที่รัฐ สัปดาห์หนึ่งจะนัดไปฟังบรรยาย 5 วัน โดยผู้ที่มาบรรยายไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ไม่มีนักเรียนรู้จัก"
มิง เล่าต่อว่า เมื่อเสร็จจากการอบรม หรือ "ฮิดายะห์" แล้ว อุสตาซก็จะนัดพวกนักเรียนให้ไปอบรมต่อตามมัสยิดในพื้นที่ต่างๆ โดยผู้บรรยายจะเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนหัวข้อบรรยายไปเรื่อยๆ เช่น ความรุ่งเรืองของรัฐปาตานีในอดีต, ความเกลียดชังคนไทยพุทธ, ความอยุติธรรมของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อคนมลายู
"บรรยากาศตอนบรรยายจะนั่งฟังร่วมกับชาวบ้าน ในมัสยิดเงียบกริบ ไม่มีเสียงอื่นใดเลยนอกจากเสียงของผู้บรรยาย คนที่เข้าร่วมอบรมจะนั่งฟังด้วยความตั้งใจ สนใจ บางคนถึงกับหน้าแดงร้องไห้ บางคนก็แสดงอาการโกธรเกลียดรัฐและคนนอกศาสนา"
มิง บอกว่า หลังจากเดินสายฟังบรรยายได้ประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มเข้าสู่การฝึกอบรมขั้นต่อไป
"อุสตาซนัดให้ผมกับเพื่อนนักเรียนไปรวมกันที่ชายทะเลแถวๆ อ.เทพา จ.สงขลา และ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อทดสอบร่างกาย โดยครั้งแรกครูที่เป็นคนฝึกจะให้วิ่งจับเวลา จากนั้นจะฝึกหลายอย่างมาก มีการฝึกใช้อาวุธโดยใช้ไม้แทนปืนด้วย ฝึกอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อฝึกเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนนั้นผมเริ่มรู้ข้อมูลว่ามีการฝึกกันแบบนี้มาหลายรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ากี่รุ่น รู้แต่เพียงว่ารุ่นของผมเป็นรุ่นสิบกว่าๆ"
และแล้วก็ถึงวันสำคัญซึ่งกลุ่มนักเรียนที่ผ่านการฝึกอบรมไม่มีใครรู้ล่วงหน้า...
"ช่วงก่อนวันที่28 เมษาฯ อุสตาซก็นัดเด็กนักเรียนไปรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่ง (มิงไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นที่ไหน) ผมกับเพื่อนๆ ก็เดินทางไปตามนัด เมื่อไปถึงก็เจอผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนบาบอ (ครูสอนศาสนาชั้นผู้ใหญ่) จากนั้นชายคนนี้ก็เรียกให้ทุกคนไปนั่งร่วมประชุม ซึ่งมีคนไปประมาณร้อยกว่าคน เสร็จแล้วก็ให้ท่องบทสวดเป็นภาษาอาหรับ 3 บท ตอนที่ท่องบทสวดนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองใหญ่กว่าคนอื่น เห็นคนอื่นเล็กไปหมด คิดว่าทุกคนที่ไปร่วมพิธีก็รู้สึกแบบเดียวกัน ใครพูดไม่ถูกหูก็จะเข้าไปบีบคอทันที ไม่กลัวใครเลย ยิ่งเห็นทหาร ตำรวจจะเข้าไปบีบคอให้ได้ จากนั้นก็มีการพูดปลุกระดมเรื่องรัฐปาตานีอีก"
"ต่อมาวันที่ 27 เมษาฯ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อุสตาซคนเดิมได้นัดให้ไปรวมตัวกันที่น้ำตกแห่งหนึ่งในพื้นที่ โดยกลุ่มของผมไปกัน 20 คน เมื่อไปถึงที่หมายก็ตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนที่มาประชุมคราวนี้มีมากกว่าที่ผ่านๆ มา จากที่ได้สอบถามเพื่อนทั้ง 20 คนที่มาด้วยกัน ไม่มีใครรู้จักคนอีกหลายร้อยที่กำลังเข้าร่วมประชุมในคืนนั้นเลย"
มิงเล่าอีกว่า คืนนั้นได้พบกับบาบอคนเดิม และก็มาปลุกระดมเหมือนกับทุกครั้ง เรื่องที่พูดก็เป็นข้อมูลเชิงลบของรัฐ คนนอกศาสนา และตำรวจ ทหาร ขณะที่เขานั่งฟังอยู่อย่างสงบ ก็มีโทรศัพท์จากทางบ้านตามตัวให้เขากลับบ้านด่วน
"จู่ๆ ที่บ้านก็โทร.มา บอกว่ามีปัญหาให้กลับด่วน ผมจึงชวนเพื่อนอีกคนให้กลับด้วยกัน อุสตาซก็ไม่ว่าอะไร เพราะคนเยอะมาก และไม่รู้เรื่องอีกเลยว่าที่น้ำตกแห่งนั้นในคืนนั้นเขาทำอะไรกันต่อ"
มิงบอกว่า เขามาได้ข่าวเกี่ยวกับเพื่อนๆ ที่ไปร่วมประชุมวันนั้นในอีก 1 วันถัดมาว่ามีหลายคนเสียชีวิต
"เพื่อนสิบกว่าคนที่ร่วมประชุมด้วยกันที่น้ำตกไปตายในวันที่ 28 เมษาฯ ตายที่ อ.สะบ้าย้อย (จ.สงขลา) 3 คน (เป็นนักกีฬาทีมฟุตบอลเยาวชน) ส่วนที่เหลือตายที่มัสยิดกรือเซะ ทีแรกเพื่อนที่กลับมาด้วยกันมาบอก ผมไม่เชื่อ หาว่าเขาโกหก เลยชวนกันไปดู แทบล้มทั้งยืนเลย เพราะในใจรู้แล้วว่าถูกหลอก แต่ไม่รู้ว่าใครหลอก รู้แต่ว่าถูกหลอกแน่นอน หลอกให้เกิดเรื่องแบบนี้ และมีการตายเกิดขึ้น ถือว่าโชคเข้าข้างผม ไม่อย่างนั้นก็คงต้องตายเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มอย่างแน่นอน"
ทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 7 ปีแล้ว แต่มิงบอกว่ายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นได้ดี เมื่อครบรอบเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯในแต่ละปี เขาจะมานั่งคิดย้อนไปถึงช่วงนั้นว่าเขากับเพื่อนๆ ไปทำอะไรกัน โดยเฉพาะการประชุมที่น้ำตกในคืนก่อนวันที่ 28 เมษาฯ
"มันเป็นอะไรที่ลืมยากมาก เพื่อนต้องเจอจุดจบเพราะถูกหลอก เพราะรู้ไม่ทันคน"
แม้จะรู้ว่าถูกหลอก แต่เครื่องหมายคำถามก็ยังมีอยู่มากมายในหัวใจของมิง...
"ผมกับอีกหลายคนที่รอดชีวิตจากวันนั้นได้มานั่งถามกันเองว่าถูกใครหลอกกันแน่ เพราะบาบอและอุสตาซที่มาปลุกระดมก็หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตาย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็รู้ทัน แม้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลัง ผมเลยไม่รู้ว่าการตายครั้งนั้นเกิดจากกลุ่มขบวนการหลอกหรือเจ้าหน้าที่รัฐหลอกกันแน่" มิงตั้งคำถามทิ้งท้าย
คำถามอันแหลมคมของมิง จะว่าไปก็เป็นคำถามที่กรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาบางท่านเคยตั้งมาแล้วว่าฝ่ายความมั่นคงน่าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่28 เมษาฯ แต่ทำไมถึงเลือกใช้วิธีการในลักษณะกวาดล้าง หรือเพราะประเมินว่ากำลังคนของฝ่ายก่อความไม่สงบน่าจะมีอยู่เท่านี้
ทว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ โดยเฉพาะที่มัสยิดกรือเซะนั้น ได้กลายเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เกิดการปลุกปั่นปลุกระดมและความแค้น มีเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบขยายวงกว้างมากขึ้นจนเหตุการณ์ความไม่สงบบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน
ฉะนั้นหากเด็กหนุ่มอย่างมิงและเพื่อนๆของเขาถูกคนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรืออ้างว่ามีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนหลอกเพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง คำถามที่รัฐต้องตอบก็คือ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายทหารที่ปฏิบัติการในวันนั้นถูกใครหลอก...
ใครกันที่ทำให้เหตุการณ์กรือเซะกลายเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล และเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟใต้คุโชน?
( เรื่อง / ภาพ ทีมข่าวอิศรา )
Monday, February 22, 2016
อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วนอ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก 23 ก.พ. 2559 ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก
อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 23 ก.พ. 2559 ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
Sunday, February 21, 2016
อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ๒๒ กพ ๒๕๕๙ ตอน ระวังเผด็จการราชามันหลอก
อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ๒๒ กพ ๒๕๕๙ ตอน ระวังเผด็จการราชามันหลอก
https://youtu.be/ayvjXW9QaWM หรือ
และ https://youtu.be/0zSGcQgtAeA (สถานีหลวงตาชูพงศ์)
บ้านเมืองจะสงบได้ต้อง.... (ความเห็นจากไลน์)
คสช.ยึดอำนาจมาเพื่อแก้ปัญหาการแตกแยก และปราบทุจริต แต่เกือบสองปีแล้ว ทุจริตก็แก้ไม่ได้แถมมีข่าวคราวพวกเดียวกันทุจริตเสียเอง ส่วนการเรื่องการปรองดองไม่ต้องพูดถึงเพราะที่ผ่านมาดูเหมือนจะแตกแยกมาขึ้นดังจะเห็นได้ชัดเจนจากกรณีความแตกแยกร้าวลึกเข้าไปในวงการสงฆ์ สาเหตุก็เพราะประเทศเราขณะนี้ขาดคนกลางที่เชื่อถือได้ การกระทำของคสช.ที่ผ่านมาก็เห็นว่าเลือกข้างอย่างชัดเจน แล้วบ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร
บ้านเมืองจะสงบได้ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนและต้องยึดหลัก ปชตกับหลักการเคารพสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเท่าเทียมเสมอภาพกัน มีเสรีภาพสมบูรณ์มีอะสระภาพบริบูรณ์. มีความยุติธรรมให้ทุกฝ่ายทุกคนโดยไม่เลือกปฎิบัติ เพื่อพัฒนาประเทศชาติไปสู่ความสุขดังใจทุกคนปราถนา
อ.สุรชัย แซ่ด่าน ตอน:คำตัดสินของศาลอุธรณ์เพิ่มความร้อนให้การเมืองไทย
22-2-59 ปฏิวัติประเทศไทย # 101
อ.สุรชัย แซ่ด่าน
ตอน:คำตัดสินของศาลอุธรณ์เพิ่มความร้อนให้การเมืองไทย
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ วิเคราะห์สถานการณ์ไทยในปี 2559
รายการชี้ผิดชี้ถูก 21Feb2016
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
วิเคราะห์สถานการณ์ไทยในปี 2559
YouTube
ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ๒๓ มค. ๒๕๕๙ . เปิดแผนศัตรู คสช และ เตรียมพร้อมล้ม คสช.เพื่อโค่นระบอบเผด็จ..
ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ๒๓ มค. ๒๕๕๙ . เปิดแผนศัตรู คสช และ เตรียมพร้อมล้ม คสช.เพื่อโค่นระบอบเผด็จ...
http://www.youtube.com/watch?v=dmquXNURNhQ เปิดแผนศัตรู คสช. และ เตรียมพร้อม ล้ม คสช. เพื่อโค่นระบอบเผด็จการ
(แผน คสช. คือ ซื้อแดงเป็นพวก บีบแดงเป็นพวก ใช้อำนาจทำลาย กวาดล้างแดงหัวแข็ง ซื้อได้ซื้อ ฆ่าได้ฆ่าแยกแดงออกจากแดง)
พลเมืองโต้กลับ ขอเชิญรับฟังการอภิปรายวิชาการ องค์กรตุลาการในสถานการณ์พิเศษ
พลเมืองโต้กลับ
ขอเชิญรับฟังการอภิปรายวิชาการ
องค์กรตุลาการในสถานการณ์พิเศษ
วิทยากร
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ
พลเมืองโต้กลับ
- รังสิมันต์ โรม
ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM)
- อภิชาต พงษ์สวัสดิ์
จำเลยคดีชูป้ายต้านรัฐประหาร
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559
เวลา 13.00-16.00 น.
ห้องประชุมประกอบ หุตะสิงห์ ชั้น 3 ตึกอเนกประสงค์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
คลิปพิเศษ! ชูพงศ์-อเนก-อาคม-จารุพงศ์-เพียงดิน ตอน ครบรอบ 4 ปี มหาวิทยาลัยประชาชน และอนาคตขบวนปฏิวัติ 22 กุมภาพันธ์ 2559
คลิปพิเศษ! ชูพงศ์-อเนก-อาคม-จารุพงศ์-เพียงดิน ตอน ครบรอบ 4 ปี มหาวิทยาลัยประชาชน และอนาคตขบวนปฏิวัติ 22 กุมภาพันธ์ 2559
หรือ
หรือ
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
Subscribe to:
Posts (Atom)