เมื่อเผด็จการศักดินาราชาธิปไตยได้แพ้คู่แข่งทางการเมือง ที่สร้างนโยบาย ภาพลักษณ์ และผลงานได้ดีกว่าบนเวทีประชาธิปไตย คือผ่านการเลือกตั้ง ที่อำนาจในการตัดสินใจเป็นของประชาชน พวกเขาจึงต้องทำลายกลไกและหลักการประชาธิปไตย ไปทีละนิด ๆ แต่เมื่อจัดการกับคู่แข่งตัวสำคัญนี้ไม่ได้สักที พวกเขาก็เล่นยาหนัก ไม้หนัก จนถึงกับใช้มาตรการที่แรงสุด ๆ อีกครั้ง นั่นคือการทำรัฐประหาร เพื่อกระชับกลไกอำนาจ และเมื่อพวกเขาทำในเวลาที่คนไทยตาสว่างมากเกินไป มาตรการของพวกเขาจึงขัดกับหลักประชาธิปไตย ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และขัดธรรมชาติของคนไทยและสภาวะแวดล้อมแห่งโลกปัจจุบันอย่างร้ายแรง
การรัฐประหารเมื่อปี 2549 นั้น เริ่มบนฐานความคิดที่ผิด ๆ ว่า การกำจัดนักการเมืองที่กุมเสียงประชาชนได้เสียคนหนึ่ง ยึดอำนาจ แล้วเขียนกฎหมายให้นักการเมืองอ่อนแอ ทำผลงานอย่างเดิมไม่ได้อีก คือเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 ป้องกันไว้อย่างรอบคอบ จะทำให้พวกเขาได้ดั่งใจ คือ ไม่ให้ประชาชนสามารถกำหนดตัวผู้นำเก่ง ๆ ได้ง่ายอีก หากนักการเมืองหน้าไหนบังอาจขัดใจเครือข่ายพวกเขา เขาก็ใช้เครือข่าย ซึ่งวันนี้เราก็รู้แล้วว่ามีใครบ้าง ในระดับต่าง ๆ เขาก็มีกลไกทั้งในสภา ในศาล (ศาลปกติ ศาลอิสระจากการคานอำนาจใด ๆ และศาลทหาร) และนอกสภานั้น ออกมาจัดการได้ดั่งใจนึก โดยบันไดสี่ขั้นของพวกเขานั้น เน้นที่ทำลายทักษิณ ให้คนลืมทักษิณ เอาชนะเลือกตั้ง แล้วกำจัดอิทธิพลทักษิณและตระกูลชินวัตรเสียให้สิ้น แล้วต่อไป ประชาชนก็จะไม่มีพลังในการกำหนดตัวแทนในรัฐบาลอีก พวกเผด็จการเครือข่ายพระราชา ก็จะครอบงำประเทศได้อย่างสะดวกงานและหวานคอแร้งตลอดไป
การลอบสังหารทักษิณถึงเจ็ดครั้ง แสดงให้เห็นถึงเจตน์จำนงค์อันแน่วแน่ที่จะทำให้เป้าหมายของพวกเขาสำเร็จให้จงได้ เมื่อไม่สำเร็จ แผนแตก แมวตื่น และหนีกระเจิงไปหลบภัย พวกเขาก็ใช้การยัดคดีความ ซึ่งก็ทำได้ง่าย เพราะการหาหลักฐาน สร้างหลักฐาน คนชงคดี และคนตัดสินคดี อยู่ในการบงการของพวกเขาหมด และพวกเขาก็ได้ทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำ แถมหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นการประจานเครือข่ายพวกเขาเอง เพราะการแสดงละครบนเวทีใหญ่ที่คนมองออกยากนั้น มันเริ่มสว่างจ้าคาตาคนไทยทั้งปวง จนวลี "ตาสว่าง" คือวลีแห่งยุคเลยก็ว่าได้
เผด็จการเมืองไทย เคยฉลาดล้ำลึก แต่เขาแพ้การเลือกตั้งมาตลอด ยิ่งกำจัดคู่ต่อสู้ทางการเมืองด้วยกลไกที่พวกเขามีล้นมือ ก็ยิ่งแพ้....การทำลายในสภา ตัวแทนพวกเขา คือ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ก็แทบป่นปี้ การทำลายนอกสภา ก็เจอฤทธิ์กฎหมายซึ่งไม่ได้เขียนให้เว้นใครนั้นตามจองเวร ต่อให้ปลดแบบใช้สองมาตรฐานก็จะมีแต่เสียหายใหญ่หลวงในที่สุด เข็นเอาเครือข่ายองค์มนตรีและผู้ดีจอมปลอมทั้งหลายออกมากล่อมและชี้นำสังคม ก็ทำให้คนพวกนี้เสียสุนัข เสื่อมราคากันทั่วหน้า เนติบริกร กลายเป็นนิติฆาตกรทั่วหน้า
แล้วในที่สุดพวกเขาก็เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด ที่มีชนักติดหลังกันทั่วหน้า การเข็นเอาทหารของพระราชาและคนดีของเครือข่ายเจ้าออกมากุมอำนาจโดยเบ็ดเสร็จเพื่อหวัง "ปฏิรวบ" ประเทศให้เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่เล่า ทัศนคติล้าหลัง สมองและองค์ความรู้ที่ด้อยในมิติที่อยู่นอกหลักสูตรทหาร กับพฤติกรรมที่ขวางโลก ทำร้ายหลักการสากล ละเมิดสนธิสัญญานานาชาติ และทำลายสิทธิมนุษยชน ก็กำลังทำให้ทหารไทยและเครือข่ายพระราชา ต้องตอบโจทย์ชาวโลกแบบเหนียม ๆ แต่ก็ไม่วายที่จะจ้องหยิบชิ้นปลามันทุกชิ้นแบ่งกันแดกอย่างเมามัน
การยัดคดีความวันนี้ เราเห็นกันชัดว่า ต้องการจัดการกับคู่แข่งทางการเมือง พวกเขาต้องการไปให้ถึงที่สุด จะต้องปิดประเทศ แช่แข็งประเทศ ก็ยอม เพราะพวกเขายังไงก็มีกิน มีใช้ ไม่ยากจน แถมเครือข่ายพระราชาจะได้โอกาสรวบเอาทรัพย์สินของชาติมาเป็นฐานความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้น เพราะอำนาจที่เบ็ดเสร็จและเพราะความอ่อนแอของคู่แข่งทางธุรกิจต่างๆ ดังนั้น การดำเนินคดีฝั่งชินวัตรและภาคีฯ จึงมีออกมาอย่างคึกคัก และผลการตัดสินก็เป็นการย้ำสองมาตรฐานชัดเจน ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว คนที่ควรโดนคดีและโดนหนักที่สุด ไม่ใช่พวกที่หลบหนีหรือพวกที่พวกเขาพยายามยัดเยียดคดีให้ แต่เป็นพวกเขาเอง ที่ก่อกบฏ และทำผิดกฎหมายสากลอย่างโจ๋งครึ่ม
สิ่งที่พวกนี้เข้าใจผิดอย่างร้ายแรง มีหลายเรื่อง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
พวกเขาคิดว่า ศัตรูของพวกเขาคือทักษิณ และผู้มีอิทธิพลทางการเมืองฝั่งดร.ทักษิณ แต่แท้จริงแล้วศัตรูของพวกเขา คือกิเลสที่ไม่ถูกควบคุม ความหลอกลวงในสันดานที่ไม่ยอมลด ความหลงผิดที่คิดว่าตนมีค่าความเป็นมนุษย์เหนือกว่าใคร วันนี้ พวกเขาจึงก้าวออกมาเกินความพอดี มายืนในที่แจ้งเป็นศัตรูต่อธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ที่หมุนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นศัตรูต่อหลักการประชาธิปไตย เป็นอริกับมาตรฐานอารยะของสากลโลก ในเรื่องการเคารพประชาชน การเคารพสิทธิมนุษยชน และการเคารพสนธิสัญญาต่าง ๆ ที่ได้ทำไว้กับชาวโลก
และวันนี้ ที่เข้าใจผิดและทำผิดที่สุดก็คือ พวกเขาคิดว่า การใช้อำนาจกดหัวประชาชน ไล่บี้ตัวหัว ๆ ให้หมดแล้ว พวกเขาจะชนะ พวกเขาเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง เพราะศัตรูของพวกเขาตัวจริง มันยิ่งใหญ่กว่าตัวบุคคลไม่กี่คนที่อยู่บนลิสต์ของทหาร!!! ส่องกระจกก็เห็น พิจดูสิ่งที่พวกเขาทำก็จะปรากฎศัตรูอยู่เต็มไปหมด และยังมีที่มองไม่เห็นอีกจำนวนมาก ล้วนเป็นศัตรูที่พวกเขาไม่มีทางเอาชนะได้เลย!!
Thailand needs radical changes! And the tyrants, unintentionally, are actually the agents of such changes.
When the mainstream media are being influenced and dictated by the ruling elites and the tyrannical royal government, this is a blog that collects and presents resources on Thai politics from alternative and foreign sources.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment