Saturday, March 19, 2016

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 31 การเกิดและการสร้าง "ระบอบภูมิพล-เปรม"

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 31 การเกิดและการสร้าง "ระบอบภูมิพล-เปรม"

https://youtu.be/_Hysn1jdrEs

หรือ

https://youtu.be/x4z8fYxeAO8

หรือ

https://youtu.be/odSld8dB0T0

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

 

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

เปิดโปงความคิดชั่วของตัวแทนระบอบราชาธิปไตยไทย ปีย์ มาลากุล ฯ

เปิดโปงความคิดชั่วของตัวแทนระบอบ...

ในที่สุดตัวแทน(ตระกูลชั่ว) ที่ปกครอง(กดหัว)ประชาชนไทยมานานแสนนาน  ออกมาออกโรงแล้วสามารถสรุปความคิดชั่วๆได้ดังนี้

๑. ตอนรัฐประหารไม่มีตัวเลือก เลยเป็น พล.อ.ประยุทธ์ (นาทีที่ ๕.๔๐)

๒. เปลี่ยนนายกฯอีกคนก็ได้ (นาทีที่ ๑๐.๑๔ )

๓. คนไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย  (นาทีที่ ๑๗.๓๐ )

๔. รัฐบาลต้องเด็ดขาดมากกว่านี้อีก  (นาทีที่ ๑๘.๒๐ )

๕. ยืดเวลาการกดหัวประชาชนต่อไป ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้ง(นาทีที่ ๑๙.๒๐)

๖. ข้างบน..(บอก)...เป็นยังไงบ้าง (นาทีที่ ๒๔.๑๕)

๗. ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง (นาทีที่ ๒๕.๐๕)

๘. นักการเมืองทั้งหมด เห็นแก่ตัว(นาทีที่ ๒๖.๒๐)

๙. นักการเมือง(สามารถ)ถูกเอาไปขัง(ปรับทัศนคติ)ได้ทั้งชีวิต(นาทีที่ ๒๗.๓๐) โดยไม่ต้องสนใจอะไร

๑๐. นักการเมืองเห็นแก่เงิน และคอรัปชั่น (นาทีที่ ๒๘.๐๐)

๑๑. นักการเมืองวิสัยทัศน์แคบ  (นาทีที่ ๒๙.๑๐)

เชิญฟังเองเต็มๆ ที่นี่ : 

เปิดโปงความคิดชั่วของตัวแทนระบอบภูมิพล ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา

เปิดโปงความคิดชั่วของตัวแทนระบอบ...
ในที่สุดตัวแทน(ตระกูลชั่ว) ที่ปกครอง(กดหัว)ประชาชนไทยมานานแสนนาน ออกมาออกโรงแล้วสามารถสรุปความคิดชั่วๆได้ดังนี้
๑. ตอนรัฐประหารไม่มีตัวเลือก เลยเป็น พล.อ.ประยุทธ์ (นาทีที่ ๕.๔๐)
๒. เปลี่ยนนายกฯอีกคนก็ได้ (นาทีที่ ๑๐.๑๔ )
๓. คนไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย (นาทีที่ ๑๗.๓๐ )
๔. รัฐบาลต้องเด็ดขาดมากกว่านี้อีก (นาทีที่ ๑๘.๒๐ )
๕. ยืดเวลาการกดหัวประชาชนต่อไป ไม่จำเป็นต้องเลือกตั้ง(นาทีที่ ๑๙.๒๐)
๖. ข้างบน..(บอก)...เป็นยังไงบ้าง (นาทีที่ ๒๔.๑๕)
๗. ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง (นาทีที่ ๒๕.๐๕)
๘. นักการเมืองทั้งหมด เห็นแก่ตัว(นาทีที่ ๒๖.๒๐)
๙. นักการเมือง(สามารถ)ถูกเอาไปขัง(ปรับทัศนคติ)ได้ทั้งชีวิต(นาทีที่ ๒๗.๓๐) โดยไม่ต้องสนใจอะไร
๑๐. นักการเมืองเห็นแก่เงิน และคอรัปชั่น (นาทีที่ ๒๘.๐๐)
๑๑. นักการเมืองวิสัยทัศน์แคบ (นาทีที่ ๒๙.๑๐)
เชิญฟังเองเต็มๆ ที่นี่ :

new)talk 7 มีนาคม 2559
new)talk จันทร์ที่ 7 มีนาคม 2559 สัมภาษณ์ คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา

Friday, March 18, 2016

แถลงการณ์ เครือข่ายพระธรรมจาริกแห่งประเทศไทย ขอให้รัฐบาลใช้วิจารณญาณอันประกอบด้วยสัมมาทิฐิในการปกครองประเทศ

แถลงการณ์
เครือข่ายพระธรรมจาริกแห่งประเทศไทย
ขอให้รัฐบาลใช้วิจารณญาณอันประกอบด้วยสัมมาทิฐิในการปกครองประเทศ และตั้งมั่นในอุบาสกธรรมในการให้ความอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
..............ตามที่ปรากฏชัดเจนว่า พระพุทธศาสนามีภัยอย่างใหญ่หลวง ทั้งภัยภายในและภัยภายนอก ที่สั่นคลอนพระพุทธศาสนา รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  กลับปล่อยให้กลุ่มบุคคลซึ่งนำโดย "พุทธอิสระ" และนายไพบูลย์  นิติตะวัน ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีให้ร้ายคณะสงฆ์ โดยที่รัฐบาลไม่ได้แสดงอาการห้ามปราม ตักเตือน และปล่อยให้คนเหล่านั้นใช้อาคารรัฐสภาแห่งรัฐบาล แถลงข่าวได้อย่างเสรี จนอดสงสัยในท่าทีของรัฐบาลไม่ได้ว่า มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนั้น หรือไม่ ซ้ำร้าย ท่านนายกยังปล่อยให้พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีในรัฐบาลของท่านนายก กล่าวจาบจ้วงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งบวชมาตั้งอายุยังน้อย มีพรรษาล่วงกาลผ่านวัย แก่ปูนทวด ดำรงด์ตำแหน่งประมุขสงฆ์  เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของพระสงฆ์ พุทธบริษัท ทั้งฝ่ายธรรมยุติและมหานิกาย  นำมาซึ่งความเศร้าสลด สังเวช เป็นที่เอน็จ อนาถใจ แก่พระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล และพุทธบริษัททั่วประเทศ ว่า เป็นถึงรัฐมนตรี แต่ทำอย่างนี้ลงไปได้อย่างไร
เครือข่ายพระธรรมจาริกแห่งประเทศไทย ซึ่งปฏิบัติศาสนกิจตามแนวตะเข็บชายแดนในพื้นที่สูง รู้สึกอึดอัดกับการกระทำดังกล่าว จึงออกแถลงการณ์มา ให้ท่านนายกรัฐมนตรีแก่ปัญหาอย่างเร่งด่วน และเรียกร้องให้ปลดพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้   เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และเพื่อแสดงความเคารพต่อพระรัตนไตร รักษาไว้ซึ่งหลักธรรมาภิบาลในสังคมต่อไป
เครือข่ายพระธรรมจาริกแห่งประเทศไทย
ปฏิบัติศาสนกิจตามแนวตะเข็บชายแดนในพื้นที่สูง
๑๘  มีนาคม  ๒๕๕๙
18/03/19 ทหารใหญ่. พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา
มีคำสั่งให้ออกหมายเรียกสมเด็จช่วง หากไม่มาให้ออกหมายจับ
ให้รีบๆจับสมเด็จช่วงเลยสิครับ !!!!!!

Thursday, March 17, 2016

“สิริพรรณ” วิเคราะห์ 7 ข้ออันตรายร่างรัฐธรรมนูญ

"สิริพรรณ" วิเคราะห์ 7 ข้ออันตรายร่างรัฐธรรมนูญ

http://www.matichon.co.th/news/74559

เมื่อ วันที่ 16 มี.ค.2559 รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงข้อวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญที่ได้นำเสนอในเวที "Thailand's Draft Constitution and Referendum: Principles, Stakes, Directions" จัดโดย ISIS Thailand โดยมี นรชิต สิงหเสนี อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปัจจุบันทำหน้าที่โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมเป็นวิทยากร

สรุปข้อวิเคราะห์ได้ว่า

1.ร่างรัฐธรรมนูญใน เรื่องการให้พรรคเสนอชื่อใครก็ได้ 3 คน ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการเลือกตั้งขัดแย้งกับหลักการอำนาจประชาธิปไตยเป็นของ ปวงชน

2. ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม (MMA) จะนำไปสู่การแข่งขันเลือกตั้งที่เน้นตัวบุคคลมากกว่านโยบายพรรค การซื้อเสียงจะสูงขึ้น เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นจะกลับมา พรรคเล็กไม่สามารถแข่งขันได้ แรงจูงใจในการสร้างสถาบันพรรคการเมืองจะลดลง ประชาชนจะขาดความรู้สึกมีประสิทธิภาพทางการเมืองเพราะไม่ได้เป็นผู้เลือก นายกรัฐมนตรี และเกิดความสับสนระหว่างความชอบผู้สมัคร vs. พรรค และผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

3. การให้อำนาจองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบรัฐสภาและรัฐบาลฝ่ายเดียว ขัดแย้งกับหลักตรวจสอบ ถ่วงดุล

4. ศักดิ์ศรี สิทธิ และการมีส่วนร่วมของประชาชนลดลง

5. การทำประชามติต้องคำนึงถึงมาตรฐานและหลักการสากล ต้องให้รณรงค์ได้ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายไม่รับ อย่าให้เหมือนการรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และการไม่แจกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้ประชาชน แจกเฉพาะบทสรุป จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสรุปได้ตรงความหมายโดยปราศจากอคติ

6. ข้อเสนอของ คสช.ในบทเฉพาะกาล 5 ปี ให้เพิ่มจำนวน ส.ว.จาก 200 เป็น 250 เท่ากับครึ่งหนึ่งของ ส.ส. เปลี่ยนจากการเลือกกันเองระหว่างกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม มาเป็น การสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาและให้สำรองที่นั่ง 6 ที่ไว้สำหรับ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ชัดเจนว่าเป็นความพยายามให้วุฒิสภาทำหน้าที่เป็นกลไกคัดง้างสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน นอกเหนือไปจากการติดตั้งกลไกคัดง้างเสียงข้างมากไว้ที่องค์กรอิสระและศาล รัฐธรรมนูญแล้ว

วุฒิสภาตามข้อเสนอของ คสช.จะมีอำนาจใกล้เคียงหรือเทียบเท่าสภาผู้แทนราษฎรเลยทีเดียว กล่าวคือ สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ ควบคุมการบริหารของรัฐบาลได้ด้วย ที่ยังไม่ชัดเจนคือมีอำนาจยับยั้งร่างกฎหมายจนถึงที่สุดหรือไม่

**ดู เหมือนแนวคิดนี้ จะคล้ายกับบทเฉพาะกาล 4 ปี ของรัฐธรรมนูญ 2521 ขาดก็แต่ข้อเสนอของ คสช. ยังไม่ไปไกลขนาดให้อำนาจวุฒิสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร

7. ข้อเสนอของ คสช. อีกประการคือ ให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี 3 คนของพรรคการเมืองเป็นความลับ ไม่เปิดเผยระหว่างการเลือกตั้ง ผลในประการนี้ก็จะกลับไปคล้ายอดีตกาลของประเทศไทย ที่สภาเป็นผู้โหวตด้วยเสียงข้างมากเลือก "ใครก็ได้"เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเปิดพื้นที่ต่อรอง แลกเปลี่ยนระหว่างชนชั้นนำด้วยกันเอง

สิ่งที่ได้ทราบในวันนี้คือ
a. มาตรา 207 ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญอย่างล้นเหลือ ถูกปรับให้กลับไปคล้ายมาตรา 7 เดิม แต่จะมีข้อความที่ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ จะระบุว่าในภาวะวิกฤติ องค์กรใดบ้างที่จะมาทำหน้าที่แก้ปัญหาร่วมกัน ต้องรอดูเนื้อความจริง ในวันที่ 29 มีนาคม ว่าองค์กรแก้วิกฤติจะคล้ายกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง แห่งชาติ (คปป.) ในร่างชุดอาจารย์บวรศักดิ์หรือไม่

b. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกใส่กลับเข้าไปในมาตรา 4 แต่ดูเหมือนคณะกรรมการยกร่างไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า วิธีเขียนเรื่องสิทธิในร่างฉบับนี้ ได้ลดทอนสิทธิที่ประชาชนพึงมี เคยมี และถูกรับรองในรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ก่อนหน้านี้อย่างไร
ดังที่ อาจารย์มีชัยเคยเปรียบเทียบไว้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญได้ให้ฮีทเตอร์ (Heater) แล้วทำไมประชาชนยังต้องการผ้าห่มอีก

จึง ตอบประเด็นนี้ไปว่า **เหตุผลที่ประชาชนยังต้องการผ้าห่ม แม้กรรมการร่างจะเสนอฮีทเตอร์ให้ เพราะประชาชนเป็นคนควบคุมผ้าห่มเองได้ ส่วนฮีทเตอร์นั้นถูกเปิดและปิดโดยรัฐ ประชาชนไม่มีส่วนร่วม**

c. การทำประชามติจะใช้เกณฑ์ "เสียงที่มากกว่า" เช่น หากโหวตรับ มีจำนวนมากกว่าโหวตไม่รับ ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้มาใช้สิทธิ

d. กรรมการยกร่างยังไม่ยืนยันว่าจะรับข้อเสนอของ คสช. ทั้งหมด แต่เชื่อได้ว่า ณ เวลานี้ ใครจะกล้าปฎิเสธคำขอจาก"The Power That Be"

เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน

เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน  http://www.mediafire.com/download/iw25k3zd0dexih5/yenlompa-suda-17-03-16.mp3



รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน หัวข้อ "เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา"

รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน หัวข้อ "เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา"
วิทยากร: ลุงเย็นลมป่า
ผู้ดำเนินรายการ: สุดา อ.หวาน

ดูรายการสด หรือดูย้อนหลัง คลิกที่นี่ลิงค์นี้เลยค่ะ --D https://youtu.be/su2HgidTErY

Wednesday, March 16, 2016

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 16 มีนาคม 2559 โดยจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 16 มีนาคม 2559 โดยจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

---------

เถียงแทนเจ้า # 001/1 โดย ดี.เจ.ตีโต้-คุณหญิงศิรินเทพ16-03-2016.

----------------


โด่ง อรรถชัย..

------------

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???
หรือ
หรือ
----------------------
อย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ๆ ด้วยนะครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร? ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร?
ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

 

https://youtu.be/kuV3NLE15Ik

หรือ

https://youtu.be/G83nbfNgUXk

หรือ

https://youtu.be/7Rly-lRHun0

 




----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

 

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ฮูโก ชาเวส โดย อ. ใจ อึ๊งภากรณ์

ฮูโก ชาเวส

ใจ อึ๊งภากรณ์

ฮูโก ชาเวส ซึ่งพึ่งเสียชีวิตไป ประกาศตัวเป็น "นักสังคมนิยม" แต่เราต้องประเมินว่าเขาสร้างพรรค และสามารถปลุกระดมให้ประชาชนยึดอำนาจ เพื่อปกครองตนเองและเป็นใหญ่ในแผ่นดินแค่ไหน อย่างไรก็ตามเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ให้ความหวังมากมายกับคนจนในลาตินอเมริกาและที่อื่น

ต้นกำเนิดของรัฐบาล ฮูโก ชาเวส

     เวเนสเวลา เป็นประเทศในลาตินอเมริกาที่ร่ำรวยเพราะมีน้ำมัน แต่ในอดีตผลประโยชน์ตกอยู่กับอำมาตย์อภิสิทธิ์ชนไม่กี่คน โดยมีการเอาใจกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจน้ำมัน ซึ่งได้ส่วนแบ่งบ้าง รัฐวิสาหกิจน้ำมันนี้เดิมเสมือน "รัฐอิสระ" ที่ให้ประโยชน์กับคนส่วนน้อย โดยเกือบจะไม่จ่ายเงินเข้าคลังของรัฐเลย นอกจากนี้มีการ "จัดการ" ระบบเลือกตั้งให้พรรคของพวกอภิสิทธิ์ชนชนะเสมอ และสื่อทั้งหมดอยู่ในมือของกลุ่มนายทุนผู้มีอำนาจอีกด้วย ผลคือประชาชนที่เหลือยากจนและอาศัยอยู่ในสลัม 

     พอถึงปี ค.ศ.1989 ประชาชนทนไม่ไหว มีการลุกฮือครั้งใหญ่ในเมืองหลวง คาราคัส เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่า "การลุกฮือ คาราคาโซ (Caracazo)" ปรากฏว่ารัฐบาลอำมาตย์ฆ่าประชาชนตาย 2000 คนเพื่อปราบปรามอย่างเลือดเย็น

     ฮูโก ชาเวส เป็นสมาชิกกลุ่มนายทหารหนุ่มที่ไม่พอใจกับระบบการปกครองของอำมาตย์ พวกเขาต้องการพัฒนาสังคมและการนำรายได้จากน้ำมันมาสร้างความเป็นธรรม เขามองด้วยว่าจักรวรรดินิยมสหรัฐมีอิทธิพลในประเทศเขามากเกินไป ในปี1992 ชาเวส จึงพยายามทำรัฐประหารล้มรัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ เลยติดคุกสองปี แต่ประชาชนที่เจ็บปวดจากการปราบปรามของรัฐบาลในปี 1989 หันมาสนใจ ชาเวส

     ในปี1998 ชาเวสลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และชนะด้วย 58% ของคะแนนทั้งหมด หนึ่งปีหลังจากนั้น เขาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีกลไกตรวจสอบนักการเมือง มีการเพิ่มงบประมาณรัฐให้โรงเรียนและลดบทบาทสถาบันศาสนาคริสต์ที่เคยสนับสนุนอำมาตย์ สตรีมีสิทธิเลือกทำแท้ง มีมาตราเพื่อปฏิรูปสื่อและปฏิรูปอุตสาหกรรมน้ำมัน ปรากฏว่า 71% ของประชาชนสนับสนุนรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับนี้

     ต่อมาในปี 2000 ชาเวส ชนะการเลือกตั้งอีกรอบด้วยคะแนน 59% คราวนี้มีการออกกฎหมายเพื่อบังคับเพิ่มเงินที่บริษัทน้ำมันต้องจ่ายให้รัฐ และมีการนำเงินนี้มาเพิ่มงบประมาณการศึกษาและสาธารณสุขสำหรับประชาชน  มีการปฏิรูปที่ดินด้วย

     อย่างไรก็ตาม ในปี 2002 ทหารฝ่ายขวาทำรัฐประหาร โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ และ ชาเวส ถูกจับเข้าคุก ไม่มีใครในกองทัพช่วยแม้แต่เพื่อนเก่าก็ไม่ทำอะไร แต่เมื่อประชาชนคนจนออกมาต่อต้านเผด็จการบนท้องถนนเป็นแสน รัฐประหารฝ่ายขวาก็ล้มเหลวและ ชาเวส ถูกปล่อยตัว จึงกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เราจะเห็นได้ชัดว่าพลังมวลชนเป็นเรื่องชี้ขาด

     ในปี 2004 ชาเวส จัดให้มีประชามติเพื่อดูว่าประชาชนอยากให้เขาดำรงตำแหน่งต่อจนครบวาระหรือไม่ ตามกติกาใหม่ที่เขาเคยเสนอเพื่อให้ประธานาธิบดีต้องฟังเสียงประชาชน ชาเวส ชนะด้วยเสียง 58.3% และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2006 ก็ชนะอีกด้วยเสียง 62% ล่าสุดชาเวสชนะการเลือกตั้งในปี 2012 ด้วยคะแนน 55%

ปัญหาของรัฐ

     ปัญหาใหญ่สำหรับ ชาเวส และประชาชน เวเนสเวลา คือถึงแม้ว่า ชาเวส จะได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ในประเทศซึ่งเป็นคนจน และมวลชนพร้อมจะออกมาปกป้องเขา แต่โครงสร้างรัฐอำมาตย์เก่ายังอยู่ และพยายามทุกวิธีที่จะคัดค้านนโยบายรัฐบาล นอกจากนี้นายทุนฝ่ายค้านก็คุมสื่อส่วนใหญ่ นอกจากสื่อของรัฐบาลเอง และมีการประโคมข่าวเท็จด่ารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

     ในระดับหนึ่ง ชาเวส พยายามสร้างรัฐใหม่คู่ขนานกับรัฐเก่า เช่น มีการสร้างสภาชุมชนที่ประกอบไปด้วยคนรากหญ้า มีธนาคารชุมชนเพื่อเน้นการลงทุนสำหรับคนจน มีการตั้งสหภาพแรงงานใหม่ที่ไม่สนับสนุนอำมาตย์ และในบางสถานที่มีการทดลองให้กรรมกรคุมการผลิตเอง ทั้งหมดนี้เพื่อจะลดการพึ่งพาอาศัยข้าราชการและกลุ่มอำนาจเก่า แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้รื้อถอนรัฐเก่าอย่างเป็นระบบเลย

     ยิ่งกว่านั้น ชาเวส มองว่าเผด็จการ "คอมมิวนิสต์" ของ คิวบา เป็นแม่แบบในการสร้างสังคมใหม่ ซึ่งในรูปธรรมหมายความว่า ชาเวส จะเน้นการนำพรรคพวกของเขาเข้าไปเป็นข้าราชการในโครงสร้างรัฐเก่า แทนที่จะเน้นพลังมวลชนในการรื้อถอนทำลายรัฐเก่าและสร้างรัฐใหม่ และข้าราชการหลายคนของชาเวส กลายเป็นคนโกงกินที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ ช่วงนี้ ชาเวส สร้างพรรคสังคมนิยมของตนเองขึ้นมา และกลายเป็นพรรคมวลชน แต่คำถามสำคัญคือ ชาเวส สร้างพรรคนี้เพื่อผลักดันการปฏิวัติมวลชน หรือเพื่อควบคุมมวลชนกันแน่?

     การทำการปฏิวัติสังคมแค่ครึ่งทาง โดยไม่ทำลายรัฐเก่า และไม่ยึดปัจจัยการผลิตทั้งหมดจากนายทุนเพื่อให้ประชาชนบริหารเอง มีปัญหามากและอันตราย  เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีอำนาจเต็มที่ ในการบริหารประเทศ และไม่สามารถพัฒนาสภาพชีวิตของคนจนได้ตามความต้องการของประชาชน นอกจากนี้การแปรรูปสถานประกอบการต่างๆ เพื่อให้มีการบริหารเองโดยคนงาน ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ผ่านการออกกฏหมายอย่างเดียว ต้องมีการปลุกระดมมวลชนให้กระตือรือร้น และต้องมีการยึดสถานที่ทำงานโดยมวลชนกรรมาชีพเอง ผลของการทำการปฏิวัติครึ่งทางคือ เริ่มมีคนจนที่ผิดหวังกับผลงานของ ชาเวส และในเดือนธันวาคม 2007ชาเวสแพ้ประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ก้าวหน้ามากขึ้น อันนี้น่าจะเป็นสัญญาณเตือนภัย

     ชาเวส ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นำที่ต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ในการต่อต้านจักรวรรดินิยม เขาไปจับมือกับเผด็จการใน คิวบา และ อิหร่าน ซึ่งเกลียดสหรัฐ และเคยชม กาดาฟี่ ในลิบเบีย อีกด้วย แต่ถ้าจะมีการปลดแอกประชาชนภายใน เวนเนสเวลา ก็ต้องสนับสนุนประชาชนที่กำลังสู้กับเผด็จการทั่วโลก

     ฝ่ายซ้ายหลายกลุ่มใน เวเนสเวลา เช่นกลุ่ม "ต่อสู้ชนชั้น" และกลุ่ม Por Nuestras Luchas (กลุ่ม "โดยการต่อสู้ของเราเอง") เสนอว่าต้องมีการปลุกระดมมวลชนชั้นล่าง กรรมกร เกษตรกร และคนพื้นเมือง เพื่อปฏิวัติอย่างถาวร และเขามองว่าต้องปฏิวัติภายในกระแสที่สนับสนุน ชาเวส

     หลังจากที่ ชาเวส จากโลกนี้ไป เครื่องชี้วัดว่าเขาเปลี่ยนสังคมเวนเนสเวลาได้อย่างจริงจังหรือไม่ คือความสามารถของมวลชนและพรรคสังคมนิยมที่จะนำการเมืองต่อไป และสร้างสังคมใหม่ โดยไม่พึ่งพาวีรบุรุษคนเดียว


-- 
ใจ อึ๊งภากรณ์
+44(0)7817034432
http://redthaisocialist.com/ 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???

https://youtu.be/bUzaxbwR-Ws

หรือ

https://youtu.be/z8RC-eMpEFo

หรือ

https://youtu.be/rSjuX50YJ8s

----------------------

อย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ๆ ด้วยนะครับ

 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

Tuesday, March 15, 2016

ศาลเป็นของใคร ?

ศาลเป็นของใคร ? ( แทนของเดิมที่ถูกปิด)
อ.หวาน คุยกับลุงสนามหลวง เรื่องความเป็นมาของตุลาการไทย
ที่กลายมาเป็นตุลาการโจรของระบอบภูมิพล

Monday, March 14, 2016

คำถาม ??? กองทัพบก กำลังจะซื้อรถถัง

Dhanatchai Chatchai

กองทัพบก กำลังจะซื้อรถถัง ข้ออ้างความโปร่งใส //////// --- ความโปร่งใสของกองทัพ คืออะไร มีตัวชี้วัดอะไรหรือแบบ ---สงสัยนะ ขอถามเพิ่มเติมน่ะ อยากทราบว่า ภัยคุกคามของประเทศ คืออะไร คือใคร ข้ออ้างประหยัด คุ้มค่า ///////ไหนที่สนับสนุน ข้ออ้างนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยหวังว่าจะไม่ใช้วาทกรรม "ความลับ"หรือ "ความมั่นคง" ---กองทัพบกเองก็ยังไม่เข้าใจของศัพท์คำว่า ประหยัด คุ้มค่า เลย เพราะ ประหยัดมันก็คือความคุ้มค่า ขอสรุปง่ายๆนะ ความคุ้มค่า เท่ากับ output/input (output หารด้วย input ) output ต้องมากกว่า input เสมอ จึงเรียกได้ว่าคุ้มค่า เมื่อเราแปลง output เป็น benefit (ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปตัวเงิน) และแปลง input เป็น cost (ค่าใช้จ่ายในรูปตัวเงิน) ---การอ้างความคุ้มค่า ขอดูเอกสารการวิเคราะห์ cost---benefit หน่อยซิ ข้ออ้างการเลือกแบบรถถัง /////// ---ใช้หลักการหรือทฤษฎีอะไรมาเลือกแบบรถถังล่ะ ใช้ทฤษฎีการตัดสินใจ (decision theory) หรือใช้ทฤษฎี Analytic hierarchy process รู้จักกันในนาม AHP หรือใช้หลักการ SWOT analysis อันไหนบอกมา ---ในข้ออ้างนี้จะสนับสนุนคำตอบของกองทัพได้ว่าจะเขียนแผนการจัดซื้อจัดหารถ ถังแบบไหน ข้ออ้างในเรื่องงบประมาณ ////// ---กองทัพบกได้ดำเนินการวิเคราะห์ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ ว่าด้วยเรื่อง ordinal utility theory ว่า งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น จะให้ความสำคัญในด้านไหน เช่น วิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างรถถังกับอาหาร หรือ รถถังกับสาธารณสุข หรือ รถถังกับการศึกษา ฯลฯ เป็นต้น ---กองทัพทุกกองทัพทั่วโลก มิได้รับการบรรจุลงในระบบบัญชีรายได้ประชาชาติของประเทศ เนื่องมาจากกองทัพไม่ได้เป็นหน่วยการสร้างรายได้ให้กับประเทศโดยแต่อย่างไร แต่กลับทำให้รายได้ประชาชาติของประเทศลดลง (พูดง่ายๆคือรูรั่วของระบบเศรษฐกิจ) ---กองทัพเคยคำนึงถึงเรื่องปัญหางบประมาณขาดดุลหรือไม่ มีความรู้เรื่องฐานะการคลังของประเทศบ้างหรือเปล่า แล้วมันจะส่งผลไปยังดุลชำระเงินระหว่างประเทศ เชื่อมโยงไปยังบัญชีเดินสะพัด ซึ่งหากมันติดลบแล้วมันจะก่อให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง ---กองทัพเคยดำเนินการศึกษาวิเคราะห์ทำ smart buyer และ smart user หรือไม่ (ถามเหอะรู้เรื่องที่ว่านี้หรือเปล่า) คำแปลกับความหมายคนละเรื่องเดียวกันนะ ความหมายก็คือ ทำการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย อาวุธ ก่อนจัดซื้อจัดหา เพราะอย่างน้อยต้องตรวจสอบดูว่าเหมาะกับการใช้ในพื้นที่ของไทยหรือเปล่า โดยเฉพาะปัญหาความชื้นของประเทศที่มีผลต่ออาวุธ หรือมีความเหมาะสมกับภารกิจบางอย่างของไทยหรือไม่ (((ปัญหาคือตัวอาวุธเป็น investment เปรียบเสมือนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่มาเหนือน้ำทะเล 35% แต่หลังจากรับมาแล้วมันจะมีค่าปฏิบัติการและซ่อมบำรุง หรือ operating and maintenance cost ที่เป็นภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำทะเลอีก 65% และยังมีปัญหาอื่นๆอีก ได้แก่ อาวุธบางอย่างเราไม่สามารถซ่อมเองได้ ต้องส่งไปซ่อมยังต่างประเทศ)))

หัวใจสำคัญ ของทฤษฎีปฏิวัติปวงชน มดแดงล้มช้าง


หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุดของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนาและการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือ ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ

สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)

สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ (วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ

ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง

หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)

เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง

แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน

เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด

สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด

ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn

ดร. เพียงดิน รักไทย 25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554)

สิ่งควรรู้ว่าด้วย ทะเลจีนใต้ ------- /

  • Dhanatchai Chatchai

    ทะเลจีนใต้ ------- ///////// ก)เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก มีขนาดใกล้เคียงกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ข)ความยาวตั้งแต่เกาะไต้หวันถึงเกาะสุมาตรา ๑๘๐๐ ไมล์ทะเล ความลึกของน้ำทะเลสูงสุด ๕๕๑๔ เมตร ค)ประเทศตามชายฝั่งทะเลจีนใต้ ประกอบด้วย จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนิเซีย สิงคโปร์ ไทย กัมพูชา และเวียดนาม โดยจีนมีแนวคิดว่า ทะเลจีนใต้เป็นอาณาจักรทางทะเลของตน ซึ่งทำให้จีนต้องการที่จะขยายอาณาจักรไปทั่วทะเลจีนใต้ ง)ทะเลจีนใต้จะมี เกาะ แก่ง แนวปะการัง หินโสโครก สันทรายใต้น้ำและโขดหินกระจายอยู่หลายเกาะ ตามบริเวณพื้นที่ในทะเล แบ่งออกเป็น หมู่เกาะพาราเซล หมู่เกาะสแปรตลี หมู่เกาะปราตัส และหมู่เกาะแมคเคิลฟิลด์แบงค์ จ)ปัญหาการอ้างสิทธิเป็นเจ้าของหมู่เกาะสแปรตลี มีการอ้างซ้ำซ้อนกันอยู่ นั้น ประกอบด้วยประเทศ จีน ไต้หวัน เวียดนาม บรูไน ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ง)ในเดือนกุมภาพันธุ์ ๒๕๓๖ จีนได้ผ่านกฎหมายฉบับหนึ่ง ระบุให้หมู่เกาะสแปรตลีเป็นเขตอธิปไตยของตน มีสิทธิที่จะขับไล่ผู้บุกรุกได้ทันที จ)จีนยังได้ลงนามในข้อตกลงตามช่วงเวลาดังกล่าวกับบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งของสหรัฐ เพื่อสำรวจขุดเจาะน้ำมันในบริเวณหมู่เกาะสแปรตลี ฉ)นับตั้งแต่นั้นมา จีนใช้อำนาจกำลังรบทางเรือเข้ารุกคืบคลานคืบหน้าไปทีละเกาะ เริ่มจากสร้างอาคารพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะ mischief reef เดิมที่มีอยู่แล้ว ขยายไปเรื่อยๆจนเข้ายึดหมู่เกาะสแปรตลี ทั้งหมดในที่สุดจน ณ ขณะนี้ จนจีนสามารถควบคุมจุดยุทธศาสตร์ที่สำคญที่สุด และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากที่สุดเอาไว้ด้วย

  • ๑)ทะเลจีนใต้ เป็นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญสายหนึ่งของโลก โดยเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก คือเชื่อมภูมิภาคตะวันออกกลาง เอเชียใต้ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้กับเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ ๒)เส้นทางคมนาคมในทะเลจีนใต้ที่สำคัญคือ เส้น NE/SW ที่ผ่านด้านตะวันตกของหมู่เกาะสแปรตลี ที่มีระหว่างห่างประมาณ ๑๕๐ ไมล์ อีกเส้นหนึ่งที่ผ่านด้านตะวันออกของหมู่เกาะสแปรตลี การขนส่งสินค้าทางทะเลทั่วทั้งโลกนี้ ประมาณ ๙๕ % เป็นการขนส่งทางทะเลในทะเลจีนใต้ถึงราวๆ ๕๑ % ทั่วทั้งโลก ๓)การเดินทางทางทะเลหรือการขนส่งทางทะเลที่ผ่านเข้าออกด้านทะเลจีนใต้ในทางด้านเหนือนั้น คือเส้นทางทางทะเลที่ผ่านระหว่างไต้หวันกับฟิลิปปินส์ โดยมีเส้นทางการเดินทางหรือการขนส่งสินค้าทางทะเลด้านใต้นั้น จะมีเส้นทางทางทะเลที่ผ่านช่องแคบที่สำคัญ ๓ ช่องทาง คือ --๓/๑)ช่องแคบมะละกา ///// เป็นช่องทางหลักระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับทะเลจีนใต้ ยาวประมาณ ๖๐๐ ไมล์ทะเล กว้าง(ทางด้านตะวันตก)ประมาณ ๓๐๐ ไมล์ทะเล แล้วค่อยๆแคบลงมากขึ้นเมื่อผ่านเข้าไปยัง PHILLIP CHANNEL และช่องแคบสิงคโปร์ จนเหลือความกว้างน้อยที่สุดเพียง ๓ ไมล์ทะเล แต่มีช่องทางเดินเรือเพียง ๑.๕ ไมล์ทะเล ซึ่งช่องแคบมะละกานี้มีความยาว ๗๕ ไมล์ทะเล และความลึกของน้ำทะเลนี้โดยเฉลี่ยค่อนข้างตื้น บางแห่งลึกเพียง ๗๒ ฟุต ซึ่งองค์การสหประชาชาติถึงกับกำหนดไม่ให้เรือที่กินน้ำลึกเกิน ๖๕ ฟุต(หรือประมาณ ๒๐ เมตร) ผ่านช่องแคบมะละกา เส้นทางทางทะเลนี้จะไปผ่านเส้นทางทะเลด้านฝั่งตะวันตกของเกาะบอร์เนียวแล้วขึ้นเหนือไปหมู่เกาะสแปรตลี ***(หมายเหตุตรงนี้ การขุดคลองกระ ต้องขุดบนบกอย่างน้อย ๕ ไมล์ทะเล เพราะจะเหลือช่องทางลงครึ่งหนึ่ง โดยจะต้องให้เรือสวนทางกันได้อย่างปลอดภัย และสองผั่งคลองก็เป็นที่พักเรือจอดเรือ ปัญหาคือเรื่องความลึก หากต้องการความลึกเท่าหรือใกล้เคียงกับร่องน้ำช่องแคบสิงคโปร์ ต้องวิเคราะห์เปรียบเทียบกันอย่างละเอียดว่าประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์มากน้อยเพียงไร หรือต้องการให้มีความลึกในระดับที่เรือขนาดใหญ่ที่กินน้ำลึกมากมาผ่าน สมมติว่าประมาณ ๑๐๐ เมตรหรือ ๓๐๐ ฟุตขึ้นไป จะต้องมีการขุดลอกลงไปที่พื้นดินในอ่าวไทยไปอีก(อ่าวไทยมีความลึกอยู่ที่ประมาณ ๑๐-๕๐ เมตร หรือ ๓๐-๑๕๐ฟุต ปัญหาอีกอย่างคือ หากเรือจอดแวะที่ท่าเรืองคลองกระไทย ยังคงได้รับประโยชน์ แต่ถ้าแล่นผ่านไปเฉยๆ ประเทศไทยจะได้เพียงค่าผ่านทางเล็กน้อย ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก และปัญหาที่น่าคิดคือคลองกระจะเป็นสถานที่มาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญคือกองกำลังทางเรือนานาชาติจะมีท่าทีและแสดงออกอย่างไร)*** --๓/๒)ช่องแคบซุนดา ////// ยาวประมาณ ๕๐ ไมล์ทะเล มีกระแสน้ำแรง และมีความลึกของน้ำไม่มากนัก สามารถร่นระยะทางได้เพียง ๑๕๐ ไมล์ทะเล(เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นทางที่ผ่านช่องแคบลอมบ็อค) ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของช่องแคบซุนดา(ระหว่างเกาะสุมตรากับเกาะชวา) มีความกว้าง ๑๕ ไมล์ทะเล มีเกาะแก่งจำนวนมาก และค่อนข้างอันตราย เรือสินค้าขนส่งทางทะเลจะใช้ช่องแคบซุนดาน้อยมาก โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่ที่มีขนาด ๑๐๐๐๐๐ ตันขึ้นไป จะไม่ใช้เส้นทางช่องแคบนี้ การเดินเรือเส้นทางนี้ผ่านช่องแคบซุนดาไปผ่านเส้นทางทะเลด้านฝั่งตะวันตกของเกาะบอร์เนียวแล้วขึ้นไปทางเหนือไปยังหมู่เกาะสแปรตลี --๓/๓)ช่องแคบลอมบ็อค ///// อยู่ระหว่างเกาะบาหลี(ด้านตะวันตก)กับเกาะลอมบ็อค(ด้านตะวันออก) เป็นช่องแคบที่มีขนาดความกว้างต่ำสุดประมาณ ๑๑.๕ ไมล์ทะเล และมีความลึกกว่า ๑๕๐ เมตร ซึ่งใช้เป็นเส้นทางเดินเรือทางทะเลสำรองที่สำคัญ จากช่องแคบลอมบ็อคขึ้นไปทางเหนือผ่านช่องแคบมากัสซ่าร์ อยู่ระหว่างเกาะบอร์เนียว(ด้านตะวันตกของเส้นทางเดินเรือ)กับซาราวาสี(ด้านตะวันออกของเส้นทางเดินเรือ) ขึ้นไปทางเหนือออกได้ ๒ เส้นทาง คือ เส้นทางทะเลตะวันออกของฝั่งประเทศบรูไนแล้วออกไปที่หมู่เกาะสแปรตลี อีกเส้นทางแยกออกไปทางใต้ของหมู่เกาะตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ออกทะเลฟิลิปปินส์

  • ปัญหาในทะเลจีนใต้ --------- ประกอบด้วย // 1)ความขัดแย้งจากการที่อาณาเขตทางทะเลของประเทศชายฝั่งเหลี่ยมทับกัน 2)ความขัดแย้งจากการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะหรือหมู่เกาะของรัฐชายฝั่ง --ก)ความขัดแย้งจากการที่อาณาเขตทางทะเลของประเทศชายฝั่งเหลี่ยมทับกัน (๑)บริเวณอ่าวตังเกี๋ย เป็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับเวียดนาม มีสาเหตุ (๑/๑)การอ้างแนวเขตแดนทางทะเลของเวียดนามตามอนุสัญญาระหว่างจีนกับฝรั่งเศส พ.ศ. ๒๔๓๐ ที่กำหนดให้เส้นลองติจูด ๑๐๘ องศา ๓ ลิปดา ๑๓ ฟิลิปดาตะวันออก เป็นเส้นแบ่งเขตแดน และเวียดนามอ้างว่าอ่าวตังเกี๋ยเป็นอ่าวประวัติศาสตร์ (๑/๒)จีนยืนยันว่าไม่เคยมีการแบ่งอ่าวตังเกี๋ยและเส้นเขตแดนที่เวียดนามอ้างนั้น และได้ล้ำเขตเข้าไปทางเกาะไหลหลำของจีน นอกจากนี้เขตไหล่ทวีปของเวียดนามยังยาวไปจรดทะเลอาณาเขตของจีนด้วย ทำให้เกิดพื้นที่ขัดแย้งประมาณ ๒๔๐๐๐ ตารางไมล์ (๑/๓) จีนและเวียดนามได้มีการเจรจากันถึง ๓ ครั้ง เมื่อ ๑๐ มิถุนายน และ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยทางจีนเสนอให้พื้นที่สี่เหลี่ยมตอนกลางอ่าวเป็นเขตปลอดการสำรวจจนกว่าจะมีการตกลงเกี่ยวกับเส้นเขตแดนทางทะเล (๑/๔) เมื่อ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ จีนมีข้อเสนอให้แบ่งพื้นที่อ่าวตังเกี๋ยออกเป็นสองส่วนในลักษณะครึ่งต่อครึ่ง แต่ผลการเจรจาไม่คืบหน้าเพราะเวียดนามยืนกรานตามอนุสัญญาเดิม ซึ่งเหตุก็คือเวียดนามได้ครอบครองพื้นที่เกือบ ๒ ใน ๓ ของอ่าวตังเกี๋ย (๑/๕) จีนได้แสดงท่าทีก้าวร้าวต่อปัญหาอ่าวตั๋งเกี๋ย และได้ดำเนินการสำรวจปิโตรเลียม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๒—พ.ศ. ๒๕๒๓ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ และ พ.ศ. ๒๕๓๕ --- พ.ศ.๒๕๓๖ (๑/๖) นอกจากนี้ จีนยังได้ออกกฎหมาย(น่าจะเป็นกฎหมายภายใน)รับรองการประกาศทะเลอาณาเขต เมื่อ ๒๕ กุมภาพันธุ์ พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งได้ประกาศปิดกั้นการเดินเรือบริเวณที่จีนทำการสำรวจแหล่งปิโตรเลียม /////////// ***(( หมายเหตุ ขยายความ เรื่องกฎหมายภายใน หลังจากที่ประเทศต่างๆได้ลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ แล้วนั้น ประเทศเหล่านั้นจะต้องไปดำเนินการออกหรือตรากฎหมายภายในประเทศของตนรองรับการลงนามนั้น เพื่อให้มีผลบังคับการใช้กฎหมาย และจะมีผลไปถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ในกรณีที่เกิดอนุโญตุลาการ หรือมีการละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามทั้งกฎหมายภายในและสิ่งที่ได้ลงนามไปแล้ว ในทำนองเดียวกัน กับกรณีของประเทศไทยคือ หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามบทบัญญัติในข้อต่างๆที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ จักต้องไปดำเนินการออกกฎหมายต่างๆออกมารองรับหรือที่เราเรียกกันว่า กฎหมายลูก อย่าว่าแต่รัฐธรรมนูญปี ๕๐ เลยที่ไม่มีกฎหมายลูก แม้แต่ในรัฐธรรมนูญปี ๔๐ ก็ยังออกหรือตรายังไม่ครบเลย ดังนั้นจึงเกิดการตีความแบบไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย ทำให้การวินิจฉัยกฎหมายไม่มีมาตรฐานพูดง่ายคือวินิจฉัยแบบมั่วๆ อย่างกรณีคดีคุณสมัคร และมักจะตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญแบบเข้าข้างตัวเอง เห็นได้จากที่มีการวินิจฉัยตัดสินคดีความในหลายกรณีที่ไม่สามารถอ้างเหตุผลทางกฎหมายได้เลย ))***
  • (๒)บริเวณตอนเหนือของหมู่เกาะนาตูนา เป็นปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับอาณาเขตไหล่ทวีป ระหว่างเวียดนามกับอินโดนิเซีย มีสาเหตุมาจากการกำหนดเส้นฐานของเวียดนามเหลี่ยมทับซ้อนกับแนวเขตแดนทางทะเลของอินโดนิเซีย ทำให้มีพื้นที่ที่เป็นปัญหาประมาณ ๑๑๗๓๗ ตารางไมล์ทะเล ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณแอ่งน้ำมันขนาดใหญ่ ๒ แห่ง และอยู่ใกล้กับแหล่งก๊าซธรรมชาติใหญ่ของอินโดนิเซีย เวียดนามและอินโดนิเซียได้เคยเจรจากันเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ แต่ต้องชะงักไปเมื่อเวียดนามได้รวมประเทศใน ปี พ.ศ.๒๕๑๘ ต่อมาภายหลังได้มีการปรับปรุงความสัมพันธ์ในขั้นปกติขึ้นมาใหม่ระหว่างเวียดนามกับอินโดนิเซีย และได้มีการเจรจากันอีกครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นต้นมา แต่ปัญหานี้ก็กลับมีท่าทีจะยุ่งยากขึ้นมาอีก เนื่องจากอาณาบริเวณพื้นที่ในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้อ้างกรรมสิทธิ์ภายใต้เส้น U --- SHAPE LINE นั้น โดยจีนได้รวมส่วนหนึ่งของแหล่งก๊าซธรรมชาติของอินโดนิเซียที่บริเวณหมู่เกาะนาตูนาด้วย ----- (๓)บริเวณตะวันออกของอ่าวไทย เป็นปัญหาเขตแดนทางทะเลระหว่างไทย กับกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งบริเวณตะวันออกของอ่าวไทยมีพื้นที่ขัดแย้งประมาณ ๒๔๒๒๑ ตารางไมล์ทะเล แยกเป็นพื้นที่เหลี่ยมทับซ้อนระหว่างกัมพูชากับเวียดนามประมาณ ๑๔๕๘๐ ตารางไมล์ทะเล พื้นที่เหลี่ยมทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชาประมาณ ๕๗๙๘ ตารางไมล์ทะเล และพื้นที่เหลี่ยมทับซ้อนระหว่างไทยกับเวียดนามประมาณ ๑๗๗๑ ตารางไมล์ทะเล เหตุแห่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เนื่องมาจากคือไทย กัมพูชา และเวียดนาม ต่างฝ่ายต่างก็กำหนดอาณาเขตทางทะเลของตนเองโดยลำพัง ไม่ได้มีการเจรจากันมาก่อน ---- ไทยกับเวียดนามได้มีการเจรจากันอย่างเป็นทางการต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเวียดนามเห็นพ้องกันว่าควรจะเน้นการแบ่งเขตระหว่างกัน บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ(ว่าด้วยเรื่องทะเล) ก่อนที่จะมีการเจรจาเรื่องการพัฒนาร่วม --- ไทยกับกัมพูชาได้เริ่มมีการเจรจากันตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะทางกัมพูชาต้องการจะจัดทำเป็นพื้นที่พํฒนาร่วมในเขตไหล่ทวีปที่อ้างการทับซ้อนกันโดยไม่ยอมปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ให้พิจารณาแบ่งเขตทางทะเลก่อน จึงทำให้การเจรจาไม่บรรลุผล ***((การเจรจาที่เป็นไปได้และมีแนวโน้มในผลสัมฤทธิ์คือ ในสมัยนายกฯทักษิณ ที่สามารถเจรจาและสามารถตกลงกันได้ในหลักการกันได้ แต่หลังรัฐประหารของสนธิบัง ก็กลับไปยังที่เดิม เรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อมีการนำปัญหานี้เข้าไปเสนอนายกฯทักษิณในตอนแรกๆนั้น นายกฯทักษิณไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเพราะว่าไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายทะเลมาก่อน แต่บังเอิญเป็นโชคของนายกทักษิณที่ช่วงนั้นมีผู้ที่จบด้านนี้มาโดยตรงและทำงานอยู่กับในทีมการเมืองของท่าน จึงได้ดำเนินการจัดทำเอกสารสรุปให้ท่านอ่านและก็บรรยายสรุปให้ท่านฟัง นายกฯทักษิณไปนั่งทำความเข้าใจด้วยอาการมึนนานอยู่หลายวัน จนถึงบางอ้อ เลยทำให้รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน เหตุผลที่ดำเนินการเจรจาแล้วสำเร็จ เพราะ หนึ่ง ท่านศึกษาจนรู้ว่าปัญหามันคืออะไร และอยู่ตรงไหน สอง ท่านไม่มีความรู้เรื่องดังกล่าวนี้ซึ่งท่านก็ยอมรับ แต่ท่านว่างเมื่อไหร่ท่านก็มานั่งทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ สาม ท่านรู้จักหาและใช้คนที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ ไม่อวดตัวว่ารู้ เพราะท่านเคยกล่าวเสมอว่ามันเป็นเรื่องอันตรายในการแก้ปัญหาหากเราไม่รู้จริง ))***

  • วิพากษ์ดวงเมืองไทย

  • Dhanatchai Chatchai

    วิพากษ์ดวงเมืองไทย ////// วิถีของสรรพสิ่ง ย่อมมีจุดกำเนิด โดยวิถีของคนก็จะมีเส้นทางชะตาชีวิตของแต่ละคน โดยผ่านมุมมองของการวางดวงชะตาตามหลักโหราศาสตร์ หากเป็นสรรพสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ชีวิตก็มีการวางดวงชะตาเช่นกัน อย่างการวางศิลาฤกษ์ เป็นต้น หรือเรื่องเกี่ยวกับเมือง ปกครอง สังคม คือ การวางดวงเมือง ทั้งหมดมันบ่งบอกถึง ทุน(หากเป็นคนคือทุนของชีวิต) กรรมคือการถือกำเนิดขึ้นมาที่มาพร้อมกับเรื่องในอดีตชาติว่ากระทำอะไรมา และเรื่องในวันข้างหน้า(ดี เลว รุ่ง ฟุบ) ว่าจะต้องปฏิบัติอะไร อย่างไร เรื่องที่ไม่ควรกระทำ(นี่คือจุดเริ่มต้นของศาสตร์พยากรณ์ ที่เรียกแบบเป็นทางการว่า โหราศาสตร์) พิเคราะห์ดวงเมืองจากรูปดวงชะตา ///////// (๑)เริ่มต้นจากราศีแรกคือราศีเมษ(จะเห็นลัคนา ย่อด้วยตัว ล และมีเลข ๑ ) วนไปทางซ้าย ถัดไปคือราศีพฤษก เมถุน กรกฎ สิงห์ กันย์ ตุล พิจิก ธนู มังกร กุมภ์ และมีน ราศีสุดท้าย --------- (๒)ในราศีเมษ จะมีดาว อาทิตย์(๑) และลัคนา(เหตุผลมีความเชื่อตามพราหมณ์ว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่เขาพระสุเมรุ อาทิตย์ให้พลังหรือสร้างพลังกับเจ้าของดวงชะตา คือความเป็นใหญ่ หากเป็นคนคือผู้เป็นใหญ่ และหมายถึง ผู้ชาย)------ (๓)ในราศีพฤษก จะมีดาวอังคาร(๓) และดาวเกตุ(๙) (อังคารหมายถึงทหาร)------- (๔)ในราศีเมถุน จะมีดาวมฤตยู(๐)------ (๕)ในราศีกรกฎ จะมีดาวจันทร์(๒) (จันทร์หมายสตรีหรือผู้หญิง)------ (๖)ในราศีธนู จะมีดาวพฤหัส(๕) และดาวเสาร์(๗)------- (๗)ในราศีมีน จะมีดาวพุธ(๔) ดาวศุกร์ (๖) และดาวราหู(๘)------- เหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับดวงเมือง /////// (1)มีงูตัวเล็กๆ 4 ตัว อยู่ในหลุม (2)บรรดานักปราชญ์ผู้รู้ทั้งปวงต่างก็ให้ความเห็นสอดคล้องต้องกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จัดว่าอยู่ในจำพวกอวมงคลนิมิต (3)เกิดเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นอาเพท คือเกิดฟ้าผ่าไฟไหม้พระที่นั่งอมรินทร์มหาปราสาท (4)เหตุที่ชะตากรุงเทพมหานครตั้งแต่ฝังเสาหลักเมืองนั้น ชะตาเมืองอยู่ในเกณฑ์ร้ายถึง 7 ปี 7 เดือน เป็นอันเสร็จสิ้นพระเคราะห์เมืองไป และจะถาวรลำดับกษัตริย์ไป 150 ปี (5)พิธีฝังเสาหลักเมืองในวันนั้น เป็นเรื่องไม่ธรรมดา เพราะในหลุมลึกที่ฝังเสาหลักเมืองที่กรองก้นหลุมไว้ด้วยผ้าขาวและสรรพคาถาอาคมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย พร้อมกับงูเล็ก 4 ตัว (6)งูในหลุม 4 ตัวนั้น โบราณทราบกันว่า มันบอกถึงการสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ว่าเป็นการสิ้นสุดของระบอบ ในระยะนั้น เจ้านาย 4 พระองค์เป็นผู้รับผิดชอบกิจการของบ้านเมือง ทั้งฝ่ายนอกฝ่ายในคือ (1) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (2) สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิจ (3) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน (4) สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระราชสมภพในปีเดียวกันทั้ง 4 พระองค์คือ ปีมะเส็งซึ่งหมายถึง งูเล็กหรืองูทั้ง 4 ตัวที่ตายอยู่ในหลุมฝังเสาหลักเมือง (7) ดังนั้นเจ้าฟ้าทั้ง 4 พระองค์นี้ได้ทำบุญแก้เคล็ดหรือสะเดาะเคราะห์ ด้วยการร่วมกันสร้างตึกขึ้นหลังหนึ่งที่เรียกว่า ตึกสี่มะเส็ง ที่บริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์หรือที่สถานเสาวภาทุกวันนี้ (8) อย่างไรก็ตาม เรื่องของขนบประเพณีในการสร้างบ้านสร้างเมืองหรือหลักการสร้างบ้านสร้างเมืองตามพิธีนครฐานนั้น เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ร้อยแปดที่จะต้องการนั้น ประกอบด้วยเหตุสองประการคือ (ก) จะต้องมีอาถรรพ์หรือคำสาปแช่งนานาประการที่จะป้องกันเสนียดจัญไรหรืออันตรายทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง (ข) ให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ไม่ให้ผู้คนอดอยากและได้รับเวรภัยใดๆ ให้ประสบแต่ความสมบูรณ์พูนสุขทั้งบ้านเมือง ________ ทั้ง 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานครนั้น คนโบราณเล่ากันว่าได้มีการฝังอาถรรพ์ไว้ทั้งทิศเหนือ ทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก เพื่อป้องกันคนชั่วและคนที่มีความประสงค์ร้ายต่อบ้านเมืองอย่าได้มีโอกาสเข้ามาพ้นจากมุมที่ท่านฝังอาถรรพ์เหล่านั้นไว้เป็นอันขาด (9)ในความจริงที่แน่นอนคือ มีการอัญเชิญท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เข้ามาประกอบพิธีด้วย โดยให้ปลูกโรงศาลโรงพิธีขึ้นใกล้ๆ กับหลุมที่จะขุด เพื่อจะปักเสาหลักเมืองนั้น ตั้งศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศขึ้น 4 ศาล( ซึ่งเป็นการฝังอาถรรพ์ทั้ง 4 มุมเมือง)

  • Dhanatchai Chatchai
    3/8, 5:11am
    Dhanatchai Chatchai

    ดวงเมืองประเทศไทย:ว่าตามหลักการทางโหราศาสตร์ --------------- ดูตามดวงชาตาแล้ว ดวงเมืองมีลัคนาสถิตอยู่ที่ราศีเมษ ถูกขนาบด้วยราศีพฤษกที่มีดาวบาปเคราะห์คือ อังคาร(๓) และราศีมีนที่มีดาวบาปเคราะห์คือ ราหู(๘) /// ในราศีธนู ดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นดาวศุภเคราะห์ ถูก(เบียด)เบียนด้วยดาวเสาร์(๗) และยังเล็งกับดาวมฤตยู(๐)ที่อยู่ในราศีเมถุน อันเป็นดาวบาปเคราะห์ทั้งคู่ /// ดวงเมืองของประเทศไทยมีจุดเสื่อมอยู่ 3 จุดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นไปตามหลักการแห่งโหราศาสตร์อย่างเข้มงวด ดังนี้ จุดที่ ๑) จุดที่เป็นตำแหน่งร่วมของดาวพฤหัส(๕) กับดาวเสาร์(๗)ในราศีธนู ซึ่งหลักการของโหราศาสตร์ในเรื่องการวางเรือนหรือภพ (พูดง่ายๆก็คือบ้าน) ซึ่งราศีธนูนี้เป็นเรือนศุภะ เป็นเรือนที่ให้ประโยขน์ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นไปตามปกติของการโคจร แต่ในความเป็นจริง ดาวสองดวงนี้พักร์องศา (คือเดินหรือโคจรถอยหลัง) ก็กลับเป็นผลเสียมากกว่า จุดที่ ๒) ในเรือนหรือภพที่ ๑๒ ราศีมีน ที่เป็นเรือนวินาศน์กับลัคนา(ซึ่งเป็นเรือนที่หนึ่ง) เรือนวินาศน์นี้มีดาวพุทธ(๔) ดาวศุกร์(๖) และดาวราหู(๘) มาอยู่ร่วมกัน ดาวพุทธ(๔)มีลักษณะเป็นประคือแบบครึ่งๆกลางๆ และมีความหมายในทางวาจา รวมๆก็คือพูดไม่ครบเรื่องราวต่างๆหรือพูดไม่หมด เมื่อมาร่วมกับดาวราหู(๘)ในทางศัตรูหรือคู่แข่งแล้ว ภายในประเทศมีแต่คนพูดเต็มไปหมด(ทั้งใส่ร้ายใส่ความ) ภายนอกประเทศก็มีเรื่องการใช้วาจาโต้ตอบกันหรือทะเลาะกับต่างประเทศ ดาวศุกร์(๖) มีความหมายในเรื่องการเงินหรือทรัพย์สิน เมื่อมารวมกับดาวราหู(๘)ในความหมายเชิงศัตรูหรือคู่ปรับกัน จะให้ความหมายในเชิงเงินเป็นศัตรู ก็คือ การกู้เงิน จุดที่ ๓) คือจุดที่ดาวอังคาร(๓) ที่อยู่ในราศพฤษกได้ส่งกำลังไปถึงดาวเสาร์(๗) ที่อยู่ในราศีธนู ชนิดเต็ม ๑๐๐ % เพราะดาวอังคาร(๓)เป็น ๘ กับดาวเสาร์ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ (ให้นับ ๑ ที่ดาวอังคารในราศีพฤษก แล้วนับแบบเวียนไปทางซ้าย คือนับ ๒ ในราศีเมถุน จนถึงนับ ๘ ในราศีธนู เพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์ทางโหราศาสตร์ หากนับได้เลขคี่ ส่วนใหญ่จะดี แต่หากนับได้เป็นเลขคู่แล้ว ส่านใหญ่จะไม่ค่อยดี) ดาวอังคาร(๓)กับดาวเสาร์(๗) หากเป็น ๘ กันแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเกิดพวกภัยพิบัติ //// ตอนนี้มาลองพิจารณาเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง-------------------- ๑)ดาวพฤหัส(๕) เป็นดาวประจำประเทศไทย ตำแหน่งของดาวในดวงชาตา ตั้งอยู่ในจุดอันถูก(เบียด)เบียนอย่างรุนแรงมาก คือถูกดาวเสาร์(๗)กุม (ครอบงำ) และเล็ง (ทางโหราศาสตร์จีน คือ ชง )กับดาวมฤตยู(๐) เมื่อพิจารณาดาวเสาร์(๗) (เบียด)เบียนดาวพฤหัส(๕)ในราศีธนู ซึ่งกุมในภพหรือเรือนที่ ๑ แล้ว ดาวราหู(๘) ซึ่งเป็นจุดคราสเบียนในภพที่ ๔ ในราศีมีน ดาวมฤตยู(๐)เบียนในภพที่ ๗ อยู่ในราศีเมถุน นี่ย่อมแสดงว่าประเทศไทย(ดาวพฤหัสคือดาว ๕ ) ภายใต้ราชวงส์จักรี จะมีภัยที่ต้องผจญและเผชิญทุกรอบข้าง อันได้แก่ จีน (ดาวเสาร์) ญี่ปุ่น(ดาวมฤตยู) พม่า(ดาวเสาร์) กัมพูชา(ดาวพุธ) และลาว(ดาวพุธ) ๒)ดาวมฤตยู(๐) บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ๓)เหตุการณ์บางเรื่องบางอย่างจะบ่งบอกถึงอาเพทที่กำลังจะเกิดขึ้น อันได้แก่ ปรากฎการณ์ผีพุ่งไต้หรืออุกกาบาต ดาวตก ดาวหาง สุริยคราส ท้องฟ้าอากาศวิปริตอย่างฉับพลัน อาเพทในลักษณะอย่างนี้อาจจะมีการเกิดการสิ้นชีวิตของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

  • นายกฯทักษิณ กับการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ๑)เป้าประสงค์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในบางพื้นที่อยู่ในระดับเกรด A รองรับลูกค้า high class จากต่างประเทศ ๒)เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ได้ไปที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ขณะกำลังเดินที่บริเวณชายหาด ได้พูดออกมาลอยๆว่า “ money money “ แล้วนำเรื่องนี้กลับมาบอกนายกทักษิณ ๓)จากนั้นก็มีการตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า องค์การการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือเรียกย่อๆว่า อพท. (ณ ขณะนี้การทำงานน่าจะผิด concept จากของเดิมไปมาก) และขานยผลการดำเนินงานออกไป ๔)พื้นที่แรกที่เข้าโครงการนี้คือ เกาะช้างและเกาะบริเวณใกล้เคียง รวมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดตราด ๕)ในภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พืชสวนโลก monorailที่เชื่อมโยงกับระบบการท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่แบบครบวงจร และอุทยานช้างหรือเรียกกันว่า ปางช้าง (concept คือ พัฒนาพื้นที่ในบริเวณเขา หุบเขา และป่า ไปตามธรรมชาติ จะนำช้างทั้งเร่ร่อน และไม่เร่ร่อนมาไว้ที่ปางช้าง โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ให้นักท่องเที่ยวนั่งหลังช้างโดยมีควานช้างด้วย สร้างก

    นายกฯทักษิณ กับการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย 

    ๑)เป้าประสงค์เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในบางพื้นที่อยู่ในระดับเกรด A รองรับลูกค้า high class จากต่างประเทศ ๒)เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ได้ไปที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ขณะกำลังเดินที่บริเวณชายหาด ได้พูดออกมาลอยๆว่า " money money " แล้วนำเรื่องนี้กลับมาบอกนายกทักษิณ ๓)จากนั้นก็มีการตั้งหน่วยงานที่มีชื่อว่า องค์การการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือเรียกย่อๆว่า อพท. (ณ ขณะนี้การทำงานน่าจะผิด concept จากของเดิมไปมาก) และขานยผลการดำเนินงานออกไป 
    ๔)พื้นที่แรกที่เข้าโครงการนี้คือ เกาะช้างและเกาะบริเวณใกล้เคียง รวมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดตราด 
    ๕)ในภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พืชสวนโลก monorailที่เชื่อมโยงกับระบบการท่องเที่ยวทั่วเชียงใหม่แบบครบวงจร และอุทยานช้างหรือเรียกกันว่า ปางช้าง (concept คือ พัฒนาพื้นที่ในบริเวณเขา หุบเขา และป่า ไปตามธรรมชาติ จะนำช้างทั้งเร่ร่อน และไม่เร่ร่อนมาไว้ที่ปางช้าง โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ให้นักท่องเที่ยวนั่งหลังช้างโดยมีควานช้างด้วย สร้างกระท่อมสำหรับให้นักท่องเที่ยวเข้าพักแบบต้องการค้างคืน ที่กระท่อมนี้จะมีบริการแบบให้นักท่องเที่ยวทำกับข้าวเองหรือให้แม่บ้าน ทำให้ก็ได้) 
    ๖)ในภาคเหนือ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย อำเภอเมือง และที่ปาย(ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม) 

    ๗)ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออิสาน ประกอบด้วย สร้างกระเช้าขึ้นลงภูกระดึง (เพื่อลดเวลาสำหรับในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวบางคนที่ไม่อยากเดินทาง ด้วยเท้า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ในเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่อุทยานภูกระดึงให้ความเห็นว่าการมีกระเช้านี้จะ ช่วยให้การกำจัดขยะบนภู แต่เดิมต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เมื่อมีกระเช้าจะลดเหลือไม่เกินสองอาทิตย์(แต่มีพวกต่อต้านจนได้ ทราบมาว่าพวกนี้ไม่ใช่คนในพื้นที่) ) การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ภูกระดึงและบริเวณใกล้เคียง โดยสร้างกระเช้าลอยฟ้าเชื่อมโยงระหว่างขุนเขา อาจต้องมีการตัดต้นไม้บ้างเล็กน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับนายทุนบางคน ในภาคอิสานตอนใต้จะพัฒนาพื้นที่ป่าบางส่วนในการนำสัตว์จากเชียงใหม่ไนท์ ซาฟารีมารักษษหรือพักฟื้น รวมทั้งเพาะพันธุ์สัตว์แทนการนำเข้า ตรงนั้นมีชื่อพื้นที่จักราช ในโคราช 

    ๘)ในภาคกลาง เริ่มต้นที่กรุงเทพมหานคร คือ การพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน เพราะถนนมีมีประวัติศาสตร์หลายเรื่อง และยังเชื่อมโยงไปถนนข้าวสาร ภูเขาทอง มหานาค สวนสัตว์ดุสิต 

    ๙)ในภาคตะวันออก นอกจากเกาะช้างจุดเริ่มต้นแล้วยังมีเกาะเสม็ดและพื้นที่บางส่วนบนจังหวัด ระยอง เกาะล้าน 

    ๑๐)ในภาคตะวันตก จุดเริ่มต้นคือแหลมถั่วงอก กาญจนบุรี และพื้นที่บริเวณรอบๆ (ในความจริงจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในเรื่องของการท่อง เที่ยวมากที่สุดของประเทศไทย) 
    ๑๑)ลงไปทางใต้ เริ่มที่เพชรบุรี เป็นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และเมืองขนมไทย ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการท่องเที่ยวทัศนียภาพและชายหาด ชุมพร เป็นการท่องเที่ยวทัศนียภาพและชายหาด ไม่ผ่านไม่แวะและไม่เข้าสุราษฎร์ เลี้ยวไปยังระนอง เป็นการท่องเที่ยวเชิงสปาจากน้ำพุร้อน สี่จังหวัดที่กล่าวมานี้รองนายกครั้งนั้นคือ สุวัฒน์ ลิปปตะพัลลพ จะใช้เป็นสนาสแข่งรถแบบกรังปรีย์ด้วย 

    ๑๒)ภาคใต้ ผลกระทบจากภัยพิบัติจากซึนามิ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ จังหวัดพังงา แทบยกจังหวัดแถบตลอดชายฝั่งเลยก็ว่าได้ ผลดังกล่าวนี้ทำให้ที่บ้านม่วง(ที่นี่แหละคือเรือของตำรวจน้ำไปจอดทอดสมอบน เขาของอีกฟากของถนน)คิดจะสร้างสนามบินเลยทีเดียว อีกที่ที่น่าสนใจคือที่เขาหลัก โดนหนักที่สุดก็ว่าได้เพราะดูตามรูปภาพแผนที่ทางภูมิศาสตร์แล้วมันขวางรับ ทางการมาของน้ำในทะเล แต่ที่นี่มีหาดที่สวยเหมือนมัลดีฟ และมีการนำเสนอขอสร้างสนามบินบนเกาะคอเขา โดยให้เหตุผลว่าสนามบินระนองเล็ก ใช้ประโยชน์ได้น้อยมากไม่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ หากจะมาที่พังงาต้องขึ้นเครื่องบินไปลงภูเก็ตก่อนแล้วต่อรถมาที่พังงาอีกต่อ หนึ่งซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่ายังมีสนามบินอีกแห่งที่มีขนาดใหญ่ระดับมาตรฐานแต่ไม่มีการ ใช้ประโยชน์เลยคือสนามบินในจังหวัดสุราษฎร์ 

    ๑๓)ภาคใต้ที่อื่นๆ ประกอบด้วย ทะเลน้อยในจังหวัดพัทลุง พัฒนาการท่องเที่ยวจังหวัดสตูลเพื่อเชื่อมการท่องเที่ยวชายแดนไทยมาเลเซีย พัฒนาการท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆนอกจากของเดิมที่มีอยู่แล้วจะขายผลไปยังเกาะ อื่นๆ (((ระบบการท่องเที่ยวเชื่อมกับระบบ multi-tranportation โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการประเทศไทย 2020 และโครงการ Thailand corridor ต้องมีผู้วิสัยทัศน์เท่านั้น)))

    เวลา (TIME) อาจจะไม่ได้เกิดและเป็นอยู่ อย่างที่เราเข้าใจ

    เวลา อาจจะไม่ได้เกิดและเป็นอยู่ อย่างที่เราเข้าใจ 



    Sunday, March 13, 2016

    ช่วยแบ่งปันโพสต์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

    ช่วยแบ่งปันโพสต์นี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

    การกินผลไม้ในตอนท้องว่าง

    สิ่งนี้จะเปิดดวงตาของคุณ! อ่านให้จบ และส่งมันให้กับ รายชื่อ e-list ของคุณ ทั้งหมด ฉันเพียงทำมัน !

    ดร. สตีเฟ่น หมาก ทำการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายโดยวิธีการ "Un-Orthodox"และผู้ป่วยจำนวนมากฟื้นตัว

    ก่อนที่เขาได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกำจัดการเจ็บป่วยของผู้ป่วยของเขา เขาเชื่อในการรักษาโดยทางธรรมชาติในร่างกายต่อความเจ็บป่วย ช่วยดูบทความของเขาด้านล่าง

    มันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการรักษาโรคมะเร็ง

    เมื่อเร็วๆนี้ อัตราความสำเร็จของฉันในการรักษาโรคมะเร็งคือประมาณ 80%

    ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรตาย การรักษาโรคมะเร็งถูกค้นพบแล้ว – มันอยู่ในวิธีที่เรากินผลไม้

    ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่

    ฉันขอโทษสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายร้อยคนที่ตายภายใต้การรักษาธรรมดาทั่วไป

    การกินผลไม้

    เราทุกคนคิดว่าการกินผลไม้หมายถึงเพียงแค่ การซื้อผลไม้ ตัดมัน และก็ ใส่มันเข้าไปในปากของเรา

    มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด มันสำคัญที่จะทราบวิธีการและ * เมื่อไหร่* ที่ จะกินผลไม้

    วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้อะไร?

    มันหมายถึง ไม่กินผลไม้หลังมื้ออาหารของคุณ!

    ผลไม้ควรกินในตอนท้องว่าง

    ถ้าคุณกินผลไม้ในตอนท้องว่าง มันจะมีบทบาทสำคัญในการล้างพิษในระบบของคุณ, ให้การจัดการที่ดีของพลังงาน เพื่อลดน้ำหนัก และกิจกรรมในชีวิตอื่น ๆ แก่คุณ

    ผลไม้เป็นอาหารที่สำคัญที่สุด

    สมมติว่าคุณกินสองชิ้นของขนมปังแล้วชิ้นหนึ่งของผลไม้

    ชิ้นของผลไม้พร้อมที่จะผ่านตรงไปสู่กระเพาะลงไปในลำไส้  แต่มันถูกขัดขวางจากการทำเช่นนั้น เนื่องจากขนมปังถูกกินก่อนผลไม้

    ในระหว่างนั้น อาหารทั้งมื้อของขนมปังและผลไม้นั้นจะเน่าเปื่อยและบูดและเปลี่ยนเป็นกรด

    ในนาทีที่ผลไม้เข้ามาสัมผัสกับอาหารในกระเพาะอาหารและน้ำย่อย, มวลอาหารทั้งหมดเริ่มที่จะเปื่อยเน่า

    ดังนั้นโปรดกินผลไม้ของคุณในตอน *ท้องว่าง* หรือก่อนมื้ออาหารของคุณ!

    คุณเคยได้ยินคนบ่น:

    ทุกครั้งที่ ฉันกินแตงโมฉันเรอ เมื่อฉันกินทุเรียนท้องของฉันพองขึ้น เมื่อฉันกินกล้วยฉันรู้สึกเหมือนวิ่งเข้าห้องน้ำ ฯลฯ .. ฯลฯ ..

    จริงทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง

    ผลไม้ผสมกับการเน่าเปื่อยของอาหารอื่น ๆ และผลิตก๊าซและด้วยเหตุนี้ตัวคุณจะขยาย!

    ผมสีเทา, หัวล้าน, การระเบิดทางประสาท และรอยคล้ำใต้ดวงตา ทั้งหมดเหล่านี้จะ* ไม่* เกิดขึ้นถ้าคุณกินผลไม้ตอนท้องว่าง

    ไม่มีสิ่งเช่นนั้นหรอก ที่ผลไม้บางอย่าง เช่นส้มและมะนาวเป็นกรด เพราะผลไม้ทั้งหมดกลายเป็นด่างในร่างกายของเราตามที่ ดร. เฮอร์เบิร์ด เชลตัน ผู้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

    ถ้าคุณได้เข้าใจถ่องแท้วิธีที่ถูกต้องของการกินผลไม้ คุณมี * ความลับ*  ของความงาม อายุยืน สุขภาพ พลังงาน ความสุข และน้ำหนักที่ปกติ

    เมื่อคุณต้องการดื่มน้ำผลไม้ - ดื่มเพียงแค่ น้ำผลไม้* สด*  เท่านั้น ไม่ใช่จากกระป๋อง แพ็ค หรือขวด

    อย่าแม้แต่จะดื่มน้ำผลไม้ที่ผ่านการทำให้ร้อนขึ้น

    อย่ากินผลไม้ปรุงสุกเพราะคุณไม่ได้รับสารอาหารทั้งหมด

    คุณจะได้รับรสชาติของมัน

    การปรุงสุกทำลายวิตามินทั้งหมด

    แต่กินผลไม้ทั้งผลจะดีกว่าการดื่มน้ำผลไม้

    หากคุณควรดื่มน้ำผลไม้สด ดื่มมันคำหนึ่งโดยคำหนึ่งช้าๆ เพราะคุณต้องปล่อยให้มันผสมกับน้ำลายของคุณก่อนที่จะกลืนกินมันลงไป

    คุณสามารถดำเนินต่อไปในการกินมังสวิรัติผลไม้ 3 วัน เพื่อทำความสะอาดหรือล้างพิษในร่างกายของคุณ

    เพียง แต่กินผลไม้และดื่มน้ำผลไม้สดตลอดทั้ง 3 วัน

    และคุณจะต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนของคุณบอกคุณว่าคุณดูเปล่งประกายอย่างไร!

    กีวี:

    เล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่

    นี้เป็นแหล่งที่ดีของโพแทสเซียม, แมกนีเซียม, วิตามินอี และไฟเบอร์

    ปริมาณวิตามินซีของมันคือสองเท่าของส้ม

    แอปเปิ้ล:

    แอปเปิ้ล 1 ผล ต่อวัน ช่วยให้ห่างไกลจากแพทย์?

    แม้ว่าแอปเปิ้ลมีปริมาณวิตามินซีต่ำ แต่ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระและ flavonoids ซึ่งจะช่วยเพิ่มการทำงานของวิตามินซีจึงช่วยในการลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่หัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง

    สตรอเบอร์รี่:

    ผลไม้ป้องกัน

    สตรอเบอร์รี่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงสุดในบรรดาผลไม้ที่สำคัญ และป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน และอนุมูลอิสระ

    ส้ม:

    ยาที่หวานที่สุด

    กินส้ม 2-4 ผลต่อวันอาจช่วยขจัดโรคหวัดออกไป, ลดคอเลสเตอรอล, ป้องกันและละลายนิ่วในไต,  และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

    แตงโม:

    ดับกระหายที่ยอดที่สุด ประกอบด้วยน้ำ 92% มันถูกบรรจุด้วยปริมาณกลูตาไธออนจำนวนมากมายซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเรา

    พวกเขายังเป็นแหล่งสำคัญของไลโคปีนอนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับโรคมะเร็ง

    สารอาหารอื่น ๆ ที่พบในแตงโมคือวิตามินซีและโพแทสเซียม

    ฝรั่งและมะละกอ:

    รางวัลสูงสุดสำหรับวิตามินซี พวกเขาเป็นผู้ชนะที่ชัดเจนสำหรับปริมาณวิตามินซีสูงของพวกเขา

    ฝรั่งยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการท้องผูก

    มะละกออุดมไปด้วยแคโรทีน; นี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับดวงตาของคุณ

    ##################

    การดื่มน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นหลังอาหาร = มะเร็ง

    คุณสามารถเชื่อสิ่งนี้หรือไม่?

    สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็น, บทความนี้เหมาะสมกับคุณ

    มันดีที่จะมีน้ำเย็นซักแก้วหรือเครื่องดื่มเย็นหลังมื้ออาหาร

    อย่างไรก็ตาม น้ำเย็นหรือเครื่องดื่มเย็นจะทำให้ของมันที่คุณเพิ่งจะได้กินเข้าไปแข็งตัว

    จะทำให้การย่อยอาหารช้าลง

    ครั้งหนึ่ง "ตะกอน" นี้จะทำปฏิกิริยากับกรด จะแยกตัว และถูกดูดซึมโดยลำไส้เร็วกว่าอาหารที่เป็นของแข็ง

    จะเรียงตัวที่ลำไส้

    ในไม่ช้า จะกลายเป็นไขมันและนำไปสู่โรค​​มะเร็ง!

    มันดีที่สุดที่จะดื่มน้ำซุปร้อนหรือน้ำอุ่นหลังอาหาร

    หมายเหตุที่สำคัญเกี่ยวกับหัวใจวาย

    กระบวนการหัวใจวาย: (สิ่งนี้ไม่ตลก!)

    ผู้หญิงควรจะทราบว่าไม่ใช่ทุกอาการหัวใจวายจะเป็นการเจ็บปวดที่แขนซ้าย

    โปรดระวังความเจ็บปวดที่รุนแรงในแนวกรามขากรรไกร

    คุณอาจจะไม่เคยเจ็บหน้าอกเป็นอันดับแรกระหว่างในช่วงของหัวใจวาย

    อาการคลื่นไส้และเหงื่อออกมากคืออาการทั่วไปด้วย

    หกสิบเปอร์เซ็นต์ของคนที่มีอาการหัวใจวายขณะที่พวกเขานอนหลับ จะไม่ตื่นขึ้นมา

    อาการปวดกรามสามารถให้คุณตื่นขึ้นมาจากการหลับสนิท

    โปรดระมัดระวังและเฝ้าระวัง  ยิ่งเรารู้ เรายิ่งมีโอกาสที่ดีกว่าที่เราสามารถอยู่รอดได้

    แพทย์โรคหัวใจพูดว่า:

    ถ้าทุกคนที่ได้รับอีเมล์นี้ โปรดส่งมันให้กับ 10 คน คุณสามารถแน่ใจได้ว่าเราจะรักษาอย่างน้อยที่สุดหนึ่งชีวิตไว้

    ดังนั้นช่วยทำ อย่างน้อยที่สุด  1 งานที่ดี ในวันนี้

    8 เหตุผลทำไมไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย!!!

    Credit: http://thaienews.blogspot.com/2016/03/8.html?m=1

     8 เหตุผลทำไมไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย!!!




    BY BOURNE
    ON MARCH 11, 2016

    ช่วงนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธานกรรมาธิการยกร่าง(กรธ.) ถือว่ามีอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะโดยนักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรม หรือแม้แต่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของการสืบทอดอำนาจของคณะคสช. และการมีส่วนร่วมของประชาชน

    ซึ่งแม้ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังต้องผ่านการปรับปรุงตามคำแนะนำของครม. สนช. และสปท. แต่เนื้อหาสาระก็ดูไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด วันนี้ทีมงาน iSpace Thailand จึงขอนำเสนอ 8 เหตุผลที่ประชาชนไทยควรพิจารณาก่อนที่จะลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้



    1. ที่มาขอนายกรัฐมนตรี ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาตรา 83,153 และ 154 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องแจ้งชื่อผู้ที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. เพื่อประกาศให้ประชาชนรับทราบ แต่มิได้กำหนดให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกพรรคการเมือง จึงเป็นการเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีนั้นมาจากคนนอกซึ่งไม่ต้องลงสมัครรับ เลือกตั้งแต่อย่างใด

    2. ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 102 กำหนดให้ที่มาของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 200 คน มาจากการเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งไม่แตกต่างจากการแต่งตั้ง เนื่องจากกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปเลือกสมาชิกวุฒิสภาก็มาจากการสรรหาไม่ใช่การ เลือกตั้งของประชาชน ทำให้สมาชิกวุฒิสภาไม่ยึดโยงกับประชาชน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะคสช.

    3. สิทธิด้านสาธารณสุข เดิมทีรัฐธรรมนูญ 2540 ในมาตรา 52 และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 51 กำหนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและ ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนั้น มาตรา 51 ได้มีการตัดสิทธิของผู้ยากไร้ในการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลของรัฐโดยไม่ เสียค่าใช้จ่ายออกไป

    4. การตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐโดยองค์กรอิสระไม่มีความยึดโยงกับประชาชน เนื่องจากที่มาขององค์กรอิสระต่างๆ ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาจากการแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา แต่ที่มาของวุฒิสภาตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มาจากการเลือกกันเองของ กลุ่มบุคคล ไม่ใช่จากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้นกระบวนการตรวจสอบอำนาจรัฐ จากองค์กรอิสระจึงไม่มีความยึดโยงกับประชาชน

    5. อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามมาตรา 205(2) ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และ อำนาจของ ส.ส. ส.ว. รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรอิสระ ซึ่งทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือกว่าอำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ
    การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยาก เพราะมาตรา 253(3) ในขั้นตอนการออกเสียงลงคะแนนแก้ไข

    6. รัฐธรรมนูญในขั้นรับหลักการต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถทำได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกกันเองของกลุ่ม บุคคล

    7. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย อาจเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ผ่านช่องทางการคัดเลือกกลุ่มบุคคลเพื่อมาเลือกสมาชิกวุฒิสภา และองค์กรอิสระ

    8. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีการนิรโทษกรรมคณะคสช. และกำหนดให้ประกาศ คำสั่ง การกระทำ รวมถึงการปฏิบัติตามประกาศ คำสั่งของคณะคสช. นั้นชอบด้วยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตามมาตรา 270




    จะเห็นได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนี้ มีหลายบทบัญญัติที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงกับประชาชน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร รวมทั้งมีการนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร คำถามคือเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ประชาชนไทยยังควรที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่???

    Reference

    http://www.posttoday.com/politic/413073

    ดาอยากด่า ตอน .. " คนในคอก กับ คนนอกคอก"

    |||   
    ดาอยากด่า ตอน .. " คนในคอก กับ คนนอกคอก"

    ขอบคุณเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา ที่แยกแยะ มนุษย์ควาย กับมนุษย์คน
    ออกจากกันได้ช้าาาาดดดดด เจนนนน สุดๆ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2016
    ที่หน้าสถาบันนโยบายโลก(WORLD POLICY INSTITUTE)
    ที่พณฯ ท่าน พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 
    ของประเทศไทย.. (ยืนยันว่าตั้งใจเขียนคำนำหน้าชื่อท่าน เพราะท่านยังคงดำรงตำแหน่งนี้อยู่ในสายตาโลกและถูกต้องตามกฏหมาย) ได้เดินทางมาปาฐกถา ในงาน "สนทนาส่วนตัวกับ ทักษิณ ชินวัตร" (THAKSIN SHINAWATRA IN PRIVATE DISCUSSION)
    พวกสลิ่มเหลืองนกหวีด ที่มาประท้วงถูกต้อนให้อยู่ในคอกเหล็กกั้น
    ส่วนชาวไทยใจเสรีในสหรัฐ ที่มาให้กำลังใจและต้อนรับ ท่านนายกทักษิณ
    ก็ได้รับอนุญาติยืนเรียงรายชูป้ายอย่างเสรีมีระเบียบสวยงามเป็นคนนอกคอก
    นอกกะลา 55555


    *************************


    องค์ความรู้ที่ ดร. ทักษิณ มอบให้

    สิ่งที่นายกฯ ทักษิณ ให้องค์ความรู้
    กับรัฐบาลนี้คือ New Normal
    New Normal คือ 
    ความปกติรูปแบบใหม่ที่ไม่ปกติ !

    มีความหมายสื่อไปในทำนองที่ว่า 
    ความยากลำบากทั้งหลาย
    ที่องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญ
    ไม่ใช่สถานการณ์ชั่วคราว
    ที่จะอันตรธานไปเองในไม่ช้า 

    แต่จะดำรงอยู่ต่อไปนานพอสมควร 
    ความยากลำบากดังกล่าวจึงเป็นเสมือน
    มาตรฐานใหม่ที่องค์กรทั้งหลาย
    ต้องทำใจยอมรับว่า 

    เป็นสถานการณ์ปกติในการดำเนินธุรกิจ 
    "New Normal" 
    เป็นคำพูดที่ไม่เพียงแต่จะช่วยปลุกให้
    องค์กรทั้งหลายตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริง
    ที่เปลี่ยนแปลงไป 
    ยังให้ค้นหาหนทางฟันฝ่าวิกฤตด้วย

    แต่ยังจะช่วยให้ทุกองค์กร
    สามารถสร้างความสำเร็จ
    ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยมีมาก่อน

    New Normal : ความปกติรูปแบบใหม่ที่ไม่ปกติ

    บางคนมักจะคิดว่า 
    ถ้าสามารถประคองตัว
    ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ 
    ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง 

    แต่ขอให้พวกเขาเลิกคิดเช่นนั้น 
    เพราะสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญ
    คือ ภาวะปกติแบบใหม่ 
    (This is the new normal.)

    สถานการณ์ที่ทุกคนกำลังเผชิญ
    คือ ประกาศิตของโลกยุคใหม่ 
    เราต้องสามารถบริหารธุรกิจ
    ภายใต้เงื่อนไขใหม่ให้ได้ เช่น

    Narrow Your Focus :
    จัดสรรทรัพยากรอย่างถูกต้อง !
    องค์กรต้องทราบว่า 
    ธุรกิจใดเป็นจุดแข็งและจุดอ่อน 
    และจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้อง
    กับศักยภาพของแต่ละธุรกิจ
    ต้อง เตือนองค์กรต่างๆ 
    ให้ระวังการหมกมุ่นอยู่กับ
    การแก้ปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 
    จนลืมความสำคัญ
    ของการวางแผนสำหรับอนาคต

    Aggressively Leverage What 
    You Can Control : รุกคืบไปในเรื่องที่
    องค์กรควบคุมได้!
    ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ 
    ผู้บริหารจำเป็นต้องมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์
    กับองค์กร ที่สามารถทำได้
    โดยไม่ต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอีกครั้ง 

    "Obsessively Search For the Right Growth" 
    : เร่งหาพื้นที่ในการเติบโต
    ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอย 
    องค์กรต่างๆ ก็จำเป็นต้องแสวงหาโอกาสในการเติบโต

    Keep Building : สร้างความแข็งแกร่งต่อไป
    โดยทั่วไปองค์กรที่ประสบกับปัญหายอดขาย 
    และผลประกอบการตกต่ำ
    มักจะพยายามลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง 
    ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ผิด 

    แต่ต้องไม่ใช่การลดค่าใช้จ่าย
    ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 
    นวัตกรรม และการสร้างตราสินค้า 

    เนื่องจากเป็นวิธีการที่จะทำลายความแข็งแกร่ง
    ในอนาคต เพียงเพื่อบรรเทาปัญหาในปัจจุบัน

    ศักยภาพของบุคลากรเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
    ที่องค์กรต้องเร่งพัฒนาในช่วงเวลาวิกฤต
    วิกฤตเศรษฐกิจยังเป็นช่วงเวลา
    ที่ดีที่สุดในการช่วงชิงบุคลากรหัวกะทิของคู่แข่ง 
    เนื่องจากผลประโยชน์ที่ลดลงในองค์กรเดิม 
    อาจจะทำให้บุคลากรเหล่านั้น
    ตัดสินใจย้ายงานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

    ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่ง
    ที่นายกฯทักษิณ มอบให้ ไปคิด
    และต่อยอดองค์ความรู้
    เพื่อนำมาแก้ไข
    ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย
    @เฟช เฟช กรุงเทพ

    [ทักษิณ โพสต์รูปโชว์ ท่องเที่ยวน้ำตก "ไนแองการา"] นั้นดี ลองตัวสิ!

    [ทักษิณ โพสต์รูปโชว์ ท่องเที่ยวน้ำตก "ไนแองการา"] นั้นดี ลองตัวสิ! http://www.matichon.co.th/news/68954

    ข้อคิดจากการพูดของนายกทักษิณ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รายการชี้ผิดชี้ถูก 13mar2016

    ข้อคิดจากการพูดของนายกทักษิณ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รายการชี้ผิดชี้ถูก 13mar2016
    Media Force


    ไฟเย็น พบประชาชน และ ลุงสนามหลวง # 57
    12-03-2016
    >>>
    ไฟเย็นพบประชาชน #57 ... ต่อ
    >>>
    รายการ News Force 12 มีนา 2559 อ. หวาน
     "โลกหนุนทักษิณ หวั่นทหารราชาพาถอยหลัง" 
    >>>
    รายการ L.A.Meeting 12Mar2016
    อ. สุรชัย แซ่ด่าน 

    8 เหตุผลทำไมไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย!!!

     8 เหตุผลทำไมไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย!!!

    http://thaienews.blogspot.com/2016/03/8.html?m=1


    BY BOURNE
    ON MARCH 11, 2016

    ช่วงนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธานกรรมาธิการยกร่าง(กรธ.) ถือว่ามีอยู่อย่างต่อเนื่องทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะโดยนักการเมือง นักวิชาการ นักกิจกรรม หรือแม้แต่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของการสืบทอดอำนาจของคณะคสช. และการมีส่วนร่วมของประชาชน

    ซึ่งแม้ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังต้องผ่านการปรับปรุงตามคำแนะนำของครม. สนช. และสปท. แต่เนื้อหาสาระก็ดูไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด วันนี้ทีมงาน iSpace Thailand จึงขอนำเสนอ 8 เหตุผลที่ประชาชนไทยควรพิจารณาก่อนที่จะลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้



    1. ที่มาขอนายกรัฐมนตรี ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาตรา 83,153 และ 154 กำหนดให้พรรคการเมืองต้องแจ้งชื่อผู้ที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. เพื่อประกาศให้ประชาชนรับทราบ แต่มิได้กำหนดให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกพรรคการเมือง จึงเป็นการเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรีนั้นมาจากคนนอกซึ่งไม่ต้องลงสมัครรับ เลือกตั้งแต่อย่างใด

    2. ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 102 กำหนดให้ที่มาของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 200 คน มาจากการเลือกกันเองของกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งไม่แตกต่างจากการแต่งตั้ง เนื่องจากกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปเลือกสมาชิกวุฒิสภาก็มาจากการสรรหาไม่ใช่การ เลือกตั้งของประชาชน ทำให้สมาชิกวุฒิสภาไม่ยึดโยงกับประชาชน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะคสช.

    3. สิทธิด้านสาธารณสุข เดิมทีรัฐธรรมนูญ 2540 ในมาตรา 52 และรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 51 กำหนดให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและ ได้มาตรฐาน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนั้น มาตรา 51 ได้มีการตัดสิทธิของผู้ยากไร้ในการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลของรัฐโดยไม่ เสียค่าใช้จ่ายออกไป

    4. การตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐโดยองค์กรอิสระไม่มีความยึดโยงกับประชาชน เนื่องจากที่มาขององค์กรอิสระต่างๆ ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาจากการแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา แต่ที่มาของวุฒิสภาตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีที่มาจากการเลือกกันเองของ กลุ่มบุคคล ไม่ใช่จากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้นกระบวนการตรวจสอบอำนาจรัฐ จากองค์กรอิสระจึงไม่มีความยึดโยงกับประชาชน

    5. อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตามมาตรา 205(2) ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และ อำนาจของ ส.ส. ส.ว. รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และองค์กรอิสระ ซึ่งทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือกว่าอำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ
    การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยาก เพราะมาตรา 253(3) ในขั้นตอนการออกเสียงลงคะแนนแก้ไข

    6. รัฐธรรมนูญในขั้นรับหลักการต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถทำได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมาจากการเลือกกันเองของกลุ่ม บุคคล

    7. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย อาจเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ผ่านช่องทางการคัดเลือกกลุ่มบุคคลเพื่อมาเลือกสมาชิกวุฒิสภา และองค์กรอิสระ

    8. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีการนิรโทษกรรมคณะคสช. และกำหนดให้ประกาศ คำสั่ง การกระทำ รวมถึงการปฏิบัติตามประกาศ คำสั่งของคณะคสช. นั้นชอบด้วยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตามมาตรา 270




    จะเห็นได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนี้ มีหลายบทบัญญัติที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงกับประชาชน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปิดช่องให้มีการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร รวมทั้งมีการนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร คำถามคือเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ประชาชนไทยยังควรที่จะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่???

    Reference

    http://www.posttoday.com/politic/413073