Saturday, September 3, 2016

อาการของในหลวง ๒ กันยายน ๒๕๕๙ (ตามรายงานข่าว)... แต่ความจริงคือ.......?

คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานสรุปพระอาการระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม - ๒ กันยายน ๒๕๕๙ ว่า

          ภายหลังการถวายพระโอสถปฏิชีวนะ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ (ตามแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ ๓๑) พระอาการต่าง ๆ ดีขึ้น ในระหว่างเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ยังมีพระปรอท (ไข้) ต่ำ ๆ นาน ๆ ครั้ง โดยไม่มีลักษณะของการติดเชื้อ จนเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ทรงหายพระทัยเร็ว มีพระเสมหะเหนียวข้นมาก ผลการตรวจในห้องปฏิบัติการของพระเสมหะ และพระโลหิตบ่งชี้ถึงการอักเสบติดเชื้อที่รุนแรง แม้ผลเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) ในช่วงบ่ายของวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ไม่พบการอักเสบ แต่คณะแพทย์ ฯ ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ ในช่วงเวลาค่ำความดันพระโลหิตลดต่ำลง     เริ่มมีพระปรอท (ไข้) ปริมาณพระบังคนเบา (ปัสสาวะ) น้อยลง คณะแพทย์ ฯ ได้ถวายพระโอสถเพื่อเพิ่มความดันพระโลหิต แต่พระบังคนเบา (ปัสสาวะ) ยังคงมีปริมาณน้อย





      วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ทรงหายพระทัยเร็ว   พระบังคนเบา (ปัสสาวะ) ยังมีปริมาณน้อย   แม้ได้ถวายพระโอสถขับพระบังคนเบา (ปัสสาวะ) แล้ว    ผลการตรวจพระโลหิตบ่งว่าการทำงานของพระวักกะ (ไต) ลดลง ผลเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) พบเริ่มมีน้ำคั่งในพระปัปผาสะ (ปอด)   คณะแพทย์ ฯ จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายการรักษา   ด้วยการดึงน้ำออกจากพระโลหิตโดยวิธี Continuous renal replacement therapy (CRRT) เ  พื่อนำปริมาณน้ำส่วนเกินออก   คณะแพทย์ ฯ ได้เริ่มถวายการรักษาดังกล่าวตั้งแต่ช่วงบ่าย ผลเอกซเรย์พระปัปผาสะ (ปอด) ในช่วงเย็นพบน้ำคั่งในพระปัปผาสะ (ปอด) ลดลง


          วันนี้ ทรงหายพระทัยดีขึ้น ความดันพระโลหิตดีขึ้นเป็นลำดับ ไม่มีพระปรอท (ไข้) คณะแพทย์ ฯ จะเฝ้าติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป

Friday, September 2, 2016

น้ำใจ และความเห็นแก่ตัว ของคนไทย!!

An essence of truth here. Must be corrected.

เป็นบทสนทนาสั้นๆของฝรั่ง 2 คน
ที่ดูแล้วเดาว่าน่าจะเป็น "อาจารย์"ของโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท
ทั้งคู่คุยกันด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมืองไทย
ในระหว่างนั่งรอแซนด์วิชอยู่ในร้านซับเวย์
ที่ไม่มีลูกค้าอื่นใดนอกจากผม

พวกเขาพูดเรื่องทางเท้าซึ่งในประเทศเรา
ไม่ได้ออกแบบไว้ให้"คน"เดิน

แต่มีไว้ให้พ่อค้าแม่ค้าขายของ
ไว้ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างขี่สวนทางและไว้จอดรถ

แล้วฝรั่งคนหนึ่งก็พูดว่า
"พื้นฐานของคนประเทศผมคือวินัย
แต่พื้นฐานของคนไทยคือความเห็นแก่ตัว"

"คนในประเทศผมจะคิดแล้วคิดอีก"
ถ้าการจอดรถของเขาทำให้ใครลำบาก
และทุกครั้งจะจบลงด้วยการบอกตัวเองว่า "ไม่จอดดีกว่า" 
หรือไม่ก็ไปจอดไกลๆ แล้วเดินย้อนมา

แต่คนไทยไม่…

คนไทยจะ "เห็นแก่ตัว" ทุกที่ที่มีจังหวะ
ไม่ว่ามันจะเป็นการจอดบนทางเท้า
บนเลนจักรยานและแม้กระทั่งปากซอย
หรือกลับรถแล้วจอดทันที
เพราะสันดานพื้นฐานของคนไทยคือ"ความเห็นแก่ตัว"
และ "บังคับให้คนอื่นต้องหลบ" 
เพื่อให้ตนเองได้รับสิทธิพิเศษหรือความสบายมากที่สุดเสมอ

เมื่อไรที่ความเห็นแก่ตัวของคนไทยไม่ได้รับการตอบสนอง
คนไทยจะเรียกหา"น้ำใจ"

เขาเคยนึกว่า"น้ำใจ"ของคนไทยช่างแสนดี

แต่วันนี้เขารู้แล้วว่า"น้ำใจ"คือข้ออ้างของความเห็นแก่ตัว

ไม่ยอมให้แซงคิวในร้านอาหาร = ไม่มีน้ำใจ

ไม่ยอมให้จอดรถซื้อของกระพริบไฟ = ไม่มีน้ำใจ
[แม้จะทำให้รถติดยาวไปอีก 3 กิโลเมตร]

ไม่ยอมหลบให้รถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่สวนเลนบนทางเท้า = ไม่มีน้ำใจ

ฝรั่งคนหนึ่งบอกว่า"น้ำใจ"
คือภาษาไทยคำแรกๆที่เขาเรียนรู้ ตอนมาถึงประเทศนี้
แต่ปัจจุบันมันคือคำที่น่า"ขยะแขยง[Disgusting]"สำหรับเขา
เพราะมันคือการที่คนไทยจ้องจะเอาเปรียบกันทุกวิถีทาง
เท่าที่จะทำได้โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

ตอนผมฟังประโยคแรกว่า"พื้นฐานของคนประเทศผมคือวินัย แต่พื้นฐานของคนไทย
คือความเห็นแก่ตัว"ก็อยากจะค้านเหมือนกัน

แต่หลังจากที่พยายามคิดหาเหตุผล
สุดท้ายผมก็นั่งทานเบอร์เกอร์ต่อไปเงียบๆ
พลางนึกถึงแฟนเก่าสาวญี่ปุ่นที่เคยตกใจ
ตอนเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเทน้ำแกงจากหม้อลงบนถนน
กับคำถามที่ว่า"แล้วถ้ามีหนูมีแมลงสาปมาทำรัง ใครจะรับผิดชอบ?"

และ"ทำไมเราต้องมีน้ำใจให้คนเห็นแก่ตัว"



Thursday, September 1, 2016

เรื่องเล่า อาถรรพ์ เพชรซาอุ

ให้มาติดตามจนรู้ว่าเพชรสีฟ้าชุดใหญ่อยู่ที่ป้าสมจิต เปรมิกาได้ไปรายงานให้ป้าทราบเพื่อหาทางแก้ไข 
แต่ป้าสั่งจัดการ สังหารปิดปากราชวงศ์ทั้งสองคนของซาอุ โดยให้ตำรวจที่ชื่อสมนึก กรรมสนองเป็นคนจัดทีมสังหาร โดยการฆ่ารัดคอเอาศพไปทิ้งแถวบ้านบึง ชลบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าว วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2533 เกิดเหตุฆาตกรรมนักการทูตซาอุ 3 คน ถูกยิงเสียชีวิต 

หลังจากนั้น 12 กุมภาพันธ์ 2533 นายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ ( Mohammad Al-Ruwaily ) นักธุรกิจเชื้อพระวงศ์เพื่อนของนักการทูตทั้งสาม ได้เดินทางมากรุงเทพ เพื่อสืบสวนหาเครื่องเพชรดังกล่าว แต่เขาถูกลักพาตัวและถูกฆ่า คนที่ต้องเอาศพไปทิ้งไม่กล้าไปเอง จึงใช้ลูกน้องตำรวจสองคนไปจัดการ พอตอนยกศพลงจากรถ ลูกน้องสองคนนี้เห็นแหวน หัวเข็มขัดทองคำประจำราชวงศ์พร้อมทั้งกระเป๋าเงินจึงแอบหยิบเอามาเป็นของตน พอมาสมัยรักสินได้ส่งมือปราบฝีมือดีชื่อทวี สอดส่ายไปสืบจนได้ตัวคนหามศพทั้งสองคนพร้อมแหวนและหัวเข็มขัดทองคำประจำราชวงศ์ซาอุส่งกลับคืน 

เป็นพยาน เท็จใส่ความว่าชำมะลอเป็นคนเอาเพชรไป นายตำรวจลูกน้องของชำมะลอจึงจับตัวลูกและเมียเสี่ยสันติ เพื่อเป็นตัวประกันต่อรองกับเสี่ยสันติ แต่ทำให้ต้องเสียชีวิต กลายเป็นคดีฆาตกรรม ที่ชำมะลอและพรรคพวกต้องรับโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตและต่อมาก็โดนเพิ่มโทษถึงประหารชีวิต เพื่อปิดปากปิดคดี ให้ผู้ร้ายตัวจริงที่ยักยอกเพชรสีน้ำเงินลอยนวลต่อไป
หัวหน้ารักสินให้มือปราบทำการสอบสวนตรวจสอบจนได้ความจริงทั้งหมด จึงเข้าไปขอร้องป้าสมจิตให้คืนเพชรสีน้ำเงินแก่ราชวงศ์ซาอุ เพราะได้คุยตกลงกับซาอุไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ให้เอาเรื่องกัน เพื่อจะได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานไทย และเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมหาศาล ที่ถูกสั่งระงับไปเป็นเวลาหลายปี โดยรักสินจะซื้อเพชรที่สวยและแพงไม่แพ้กัน มาให้ป้าสมจิตแทนของเดิมที่ต้องคืนให้เขาไป แต่ป้าไม่ยอม และโกรธมาก เหมือนถูกหยามเกียรติ กลายเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ป้าต้องรีบกำจัดรักสิน


นายเกรียงไกรถูกตัดสินจำคุกที่อยุธยา ฐานลักทรัพย์นายจ้าง และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โทษจำคุก 7 ปี สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คือ จำคุก 3 ปี 6 เดือน แต่ติดคุกจริง แค่ 2 ปี 8 เดือน ส่วนนิยายที่ว่าป้าแบ่งเพชรเป็นสามส่วนก็คงจะเป็นได้ยาก ป้าคงไม่ยอมแบ่งให้มันด้อยค่าลงไปโดยไม่จำเป็น เพราะป้าเชื่อว่าเพชรสีน้ำเงินเป็นของป้าจริงๆ เป็นวาสนาของป้าที่ได้ครอบครองเพชรสีน้ำเงินแม้ว่าเมื่อก่อนมันจะไม่ใช่ของป้าก็ตาม และป้าจะไม่ยอมคืนให้ใครเด็ดขาด เช่นเดียวกับที่ลุงได้สั่งพวกหัวหน้าเสื้อเหลือง ให้ไปทวงเขาพระวิหารคืนมาให้ได้ เพราะลุงสมชายเชื่อมาตลอดว่าเขาพระวิหารเป็นของลุงจริงๆ
ต้นปี 2554 กรมสืบสวนคดีพิเศษซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประเทศซาอุและรัฐบาลไทยได้พบของกลางเพิ่มเติม และได้ส่งมอบให้ทางการซาอุได้ดูแล้ว แต่ถ้าได้เพชรสีน้ำเงินคืนก็จะทำพิธีส่งมอบ ที่ฝ่ายปกครองทุกยุคทุกสมัยได้ทุ่มเททั้งงบประมาณ เวลา และเจ้าหน้าที่ เพื่อจะนำของกลางมาคืนให้ซาอุ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเมืองทั้งสอง ท่านรองผู้กองได้ประกาศว่า 

"ใครที่ครอบครองเพชรซาอุ หากต้องการจะส่งเพชรคืนสามารถใส่ห่อส่งคืนได้ที่กองสืบสวนคดีพิเศษ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีความผิดเพราะคดีขาดอายุความแล้ว ถึงแม้ว่าท่านครอบครองไว้ก็ไม่สามารถทำให้รวยเพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามหากเรานำไปคืนแก่เจ้าของเขา ทางซาอุอาจจะให้คนไทยเข้าไปทำงาน หรือให้คนซาอุมาเที่ยวประเทศไทย เป็นการสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมหาศาล แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือศักดิ์ศรีของชาวไทย ที่จะไม่ให้ใครต่อว่าได้ว่าเป็นคนขี้โกง" คำประกาศของท่านรองอธิบดีคงไม่มีผลมากนัก เพราะนายกรักสินก็เคยเสนอป้าสมจิตมานานแล้ว ขนาดว่าจะซื้อให้ใหม่ชุดใหญ่กว่าเดิม แต่ป้าสมจิตแกก็ยังไม่ยอม แถมยังเร่งหาทางกำจัดรักสินโดยเร็วที่สุดอีกด้วย

เรื่องรักแสนเศร้า ระหว่าง พ.ท ณรงเดชน์ นันทโพธิเดช กับ ราชินีสาวสวย


​พ.ท ณรงเดชน์ นันทโพธิเดช เป็นหลานนายเลียง ไชยกาล ส.ส อุบลฯ พรรคประชาธิปัตย์(คนที่บิดเบือนและนำข้อมูลเท็จกรณี ร.8 ไปป่าวประกาศทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างให้คนตะโกนในโรงหนังว่าปรีดีย์ฆ่าในหลวงแม้ภายหลังจะสำนึกผิดขอโทษท่านปรีดีแล้วก็ตาม เพราะถูกอำมาตย์มันหักหลัง)
 พท.ณรงค์เดชไปเป็นทูตทหารที่อเมริกา (การที่ณรงค์เดชได้ไปเป็นทูตทหารเพราะเจ๊ดันให้ขึ้นเพื่อที่จะติดยศสูงขึ้น แต่จริงๆภายในใจของเจ๊ไม่อยากให้ไปเลย)แต่ถูกเรียกตัวไปดูงานอิสราเอล เลยถูกเก็บที่นั่น ซึ่งบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่าตายที่อเมริกา

แม้ว่าเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่เขามีความจงรักภักดีและฝีปากสูงมาก เพื่อนๆบางคนจึงแอบอิจฉาบ้าง 
คือไม่ต้องออกรบเจ๊เองก็รักและประทับใจเขามาก เพราะเขาเป็นคนที่มีความเข้าใจความต้องการของผู้หญิงได้ดี
สาเหตุการตายของเขาก็มาจากจดหมาย ที่มีดอกกุหลาบ นั่นเอง หนังสืองานศพเขาจึงเป็นการเขียนรำพึงรำพันจากใจของเจ๊ 
แม้แต่ร่างไร้วิญญาณของเขาเองก็ยังมีผู้หญิงแย่งกันเอาไปเพื่อทำพิธีทางศาสนา คนหนึ่งคือหญิงผู้สูงศักดิ์ คนหนึ่งคือนักร้อง (แต่เมียจริงๆกลับไม่มีสิทธิ์)
ภาพที่อยู่หน้าศพของณรงเดช มีเพียงผู้หญิงคนเดียวที่เสียใจประหนึ่งสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแต่มีผู้ชายบางคน(ผัวเจ๊)กลับมีแววตากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ
หลังการเสียชีวิตของณรงเดช เธอเองก็ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแต่เธอถูกควบคุมตลอด24ชม.ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับณรงค์เดช จะต้องนำออกมาทิ้งและทำลายทั้งหมด
เธองดออกงานหลายปี เพราะความตรอมใจในระหว่างที่งดออกงานต่างๆนั้นเธอจึงกินและนอนเท่านั้นทำให้เธออ้วนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ความรักที่เธอมีและได้รับจากณรงเดชนั้น มันเป็นความรักความภักดีที่บริสุทธิ์ ที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเธอจึงรักและหวงแหนแทบชีวาวาย(ก็แง๋มึงแต่งกับไอ้.....หวังอำนาจนี่หว่า   *เป็นไปได้ว่าณรงค์เดชอาจเป็นผู้ที่ไม่เคยมีความสัมพันธุ์กับเจ๊มากเพราะดูแล้วค่อนข้างบริสุทธิ์ใจกับเจ๊)เและทันทีที่เเธอตั้งสติได้ ความแค้นในใจจึงบังเกิดขึ้นทันที
เพราะเธอไม่ได้สูญเสียเพียงคนรัก แต่เธอสูญเสียทั้งบิดาด้วยฝีมือจากคนๆเดียวกัน(บิดาของเจ๊ก็โดนวางยาตายขณะกำลังวิ่งออกกำลัง
โดยแพทย์ลงความเห็นว่าหัวใจวายตาย 
ตอนพ่อตายแค้นน้อยกว่าตอนชู้ตายดอกทองไม่มีใครเกิน)การชำระแค้นระหว่าง2ตระกูลจึงมีขึ้นอย่างลับๆ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ความซวยจึงเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างหนักขึ้นตามลำดับไปด้วย มันคือเงาแห่งหายนะที่ปกคลุมเรา

ขบวนการค้ายาเสพติดของเครือภูมิพล(1)

ขบวนการค้ายาเสพติดของเครือภูมิพล(1)

ในขณะที่ครอบครัวของภูมิพลได้ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน ทำให้อำนาจและบารมีรวมทั้งเงินทองก็ยังมีน้อย และพวกเจ้าก็ทำมาค้าขายไม่เป็นอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะหาเงินมาเพื่อสร้างฐานอำนาจและบารมี จึงทำได้ยาก ประกอบกับพระบิดาคือเจ้าชายมหิดอนก็มาเสียชีวิตเมื่ออายุได้เพียง 37 ปี พระนางสังวานมีสามีใหม่และมีบริษัทอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ ส่งมอร์ฟีน ให้กับโรงพยาบาลต่างๆในสหรัฐและอีกหลายประเทศ กลายเป็นช่องทางค้ายาเสพติดประเภทฝิ่นและเฮโรอีน
เฮโรอีนหรือผงขาวที่วงการตำรวจเรียกว่าแป้งที่บริสุทธิ์ที่สุดมีแหล่งผลิตในรัฐฉานของพม่า บริเวณชายแดนติดกับมณฑลยูนานของจีน โดยมีพวกว้าแดง ที่ใช้เมืองยอนเป็นแหล่งผลิต เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการปลูกฝิ่น พวกปลูกฝิ่น เป็นชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานมีทั้งจีน ลีซอ มูเซอร์ อีก้อ โดยเรียกตัวเองว่าเป็นพวกโกกั้งแปลว่าว่าดอย9ยอด หลังสงครามโลกครั้งที่2 พรรคก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็ค ได้ได้ถอยทัพหนีพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปตั้งรัฐบาลใหม่ยังเกาะฟอร์โมซาหรือไต้หวัน
โดยได้วางกำลังป้องกันการไล่ล่าไว้ที่มณฑลยูนนาน แต่ถูกกองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์ตีแตกพ่ายและถอยร่นไปยังลาว เวียดนาม และพม่า โดยมีกองกำลังนับหมื่นคน รัฐบาลพม่าดำเนินการปราบปรามกองกำลังทหารจีนพลัดถิ่นเหล่านี้อย่างจริงจัง ในปี 2504 คงเหลือแต่กองทัพที่ 3 ของนายพลหลี่ เหวิน ฝาน และกองทัพที่ 5 ของนายพล ต้วน ซี เหวิน ที่นำกำลังอพยพหนีการกวาดล้างของพม่าเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยกองทัพที่ 3 ก็มาถึงอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองทัพที่ 5 มาปักหลักอยู่ที่ดอยแม่สลอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้สร้างแนวยับยั้งคอมมิวนิสต์โดยขอความร่วมมือจากรัฐบาลไทยให้สนับสนุนกองพล 93 ของเจียงไคเช็ค ที่ตกค้างอยู่ในประเทศไทยประมาณ 3 หมื่นคน มีการตั้งโรงเรียนการสอนภาษาจีนที่ดอยแม่สะลอง
คณะรัฐมนตรีมีมติในปี 2521 ให้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติแก่อดีตทหารจีนคณะชาติ เมื่อกองพล 93 ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกฝิ่น และอาศัยที่เป็นคนจีนด้วยกันจึงได้ประสานงานกับกลุ่มโกกั้งที่อยู่ในรัฐฉานหรือที่เรียกว่ารัฐว้าของพม่า โดยกองพล 93รับจ้างลำเลียงฝิ่นการตั้งด่านภาษีเถื่อนและการค้าอาวุธสงคราม
โดยมีการประสานงานกับรัฐบาลและทหารไทยที่ทาง อเมริกาสนับสนุนให้ต่อต้านคอมมิวส์นิสต์ทำให้ภูมิพลเห็นช่องทางในการหาเงินเพื่อสร้างฐานอำนาจให้กับราชวงศ์ซึ่งกำลังอ่อนไหวอยู่ในเวลานั้น จึงได้ร่วมมือกับทหารไทยและพวกกองพล 93 รวมทั้งพวกโกกั้ง เพื่อค้าฝิ่น
กลุ่มโกกั้งที่ได้ร่วมมือกับภูมิพล โดยส่งนายจิมมี่ หยาง มาสร้างโรงแรมรินคำที่เชียงใหม่ในปี 2512 โดยนายจิมมี่ หยาง ประสานงานกับโรงพยาบาลแมคคอร์มิคเชียงใหม่ ที่อเมริกาให้การสนับสนุน ใช้เป็นศูนย์กลางในการติดต่อการค้าผงขาวในภาคเหนือ โดยลุงสมชายได้สร้างศูนย์สงเคราะห์ชาวเขาขึ้นมาเพื่อประสานงานกับสองศูนย์กลางนี้โดยใช้โครงการหลวงและการปลูกพืชทดแทนฝิ่นบังหน้า เป็นที่มาของเส้นทางยาเสพติดโกกั้งสู่ประเทศไทย หรือ มาลีวัวปา 4 เส้นทาง

Wednesday, August 31, 2016

ลิ้งค์รับชมการถ่ายทอดสดเครือข่ายมดแดงล้มช้าง สร้างชาติ ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรเปลี่ยนระบอบสู่เสรี ปชต.

ลิ้งค์รับชมการถ่ายทอดสดเครือข่ายมดแดงล้มช้าง สร้างชาติ

ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรเปลี่ยนระบอบ


https://youtu.be/7zMte2Rh_Cw  ดร. เพียงดิน รักไทย Official 

https://youtu.be/vpCwUZPAhiw  เครือข่ายมดแดงล้มช้าง Official 

https://youtu.be/q5Py0Rc2_MI มหาวิทยาลัยประชาชน Official 

https://youtu.be/KtjReVAIpC4 ห้องสมุดมหาวิทยาลัยประชาชน 

https://youtu.be/HjBfQbTpULE OFHD Official องค์การเสรีไทยฯ 

https://youtu.be/PTHvgmdttaI  เครือข่ายเปลี่ยนระบอบ Official 





จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ "คนต้องเท่ากับคน" 31 สิงหาคม 2559

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ "คนต้องเท่ากับคน" 31 สิงหาคม  2559

https://youtu.be/t1kbqbNl_Bo     

https://youtu.be/DAkUPyizCAg     

https://youtu.be/Yx83qlHaFIE     

https://youtu.be/6DdwbogkPG8     



---------------------

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg     

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8     

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt     

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2     

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com     

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



Fwd: Breaking News


Brazil's Senate voted 61-20 to remove President Dilma Rousseff from office, finding her guilty of breaking budgetary laws in an impeachment trial.

Interim President Michel Temer will assume the office of president.



----------------------------------------------
Get complete coverage of breaking news on CNN TV, CNN.com and CNN Mobile.
Watch CNN live or On Demand from your computer or mobile device using CNNgo.
----------------------------------------------


You have opted-in to receive this e-mail from CNN.com.
To unsubscribe from Breaking News e-mail alerts, go to: http://cnn.com/EMAIL/breakingnews/unsubscribe.html?l=domestic-adh-bn
One CNN Center Atlanta, GA 30303
(c) & (r) 2016 Cable News Network

ดร. เพียงดิน รักไทย มดแดงจะล้ม คสช. -เครือข่ายราชาธิปไตยอย่างไร? ตอน 6 แนวรบกองทัพโจรมาเฟีย

ดร. เพียงดิน รักไทย มดแดงจะล้ม คสช. -เครือข่ายราชาธิปไตยอย่างไร? ตอน 6 แนวรบกองทัพโจรมาเฟีย
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Tuesday, August 30, 2016

ISIS spokesman Mohammad al-Adnani has been killed

ISIS spokesman Mohammad al-Adnani has been killed, according to the terror group's news agency. 


He died while inspecting military operations around Aleppo, the Amaq news agency says.


Monday, August 29, 2016

ตั้ง สนง.อิสลาม ประจำจังหวัดทุกอำเภอ (ให้ตบตาว่าจัดตั้งเพื่อประกอบพิธีฮัจย์)

ตั้ง สนง.อิสลาม ประจำจังหวัดทุกอำเภอ (ให้ตบตาว่าจัดตั้งเพื่อประกอบพิธีฮัจย์)

สนช.รับ...ร่าง พรบ.กิจการฮัจย์ ย้ายมากรมการปกครอง
... ทำให้อิสลามควบคุมระบบราชการทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว ...
อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด... หลั่งน้ำตา รดแผ่นดิน..ห่วงลูกหลานไทย..
10 ส.ค.2559
สนช.รับแล้ววาระแรก...ร่าง พรบ.กิจการฮัจย์ ย้ายจากกรมการศาสนา มากรมการปกครอง...
-ต่อไปนี้อิสลาม ควบคุม ตำบล, อำเภอ, จังหวัด, กรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว..
ทำไมถึงต้องย้ายไปกรมการปกครอง
1.กรมการปกครองมีอำนาจในการสั่งการประชาชนมากกว่า กรมการศาสนา
2.กรมการปกครองมีงบประมาณมากกว่ากรมการศาสนา
3.ทุกอำเภอ และทุกจังหวัด จะต้องมีห้องทำงานให้กับ คณก.อิสลาม ประจำอำเภอ และประจำจังหวัดนั้นๆ
4.เพื่อสอดรับกับกฎหมายลูก ที่จะออกมาดังนี้.
4.1 ออกกฎหมายรองรับว่า ทั้ง 77 จังหวัด ทั่วประเทศ, จังหวัดใดที่มีมัสยิด 3 แห่ง ให้จังหวัดนั้นๆแต่งตั้ง คณก.กลางอิสลามประจำจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่ดังนี้..
- คณก.อิสลาม ประจำจังหวัดให้ทำงาน และร่วม ประชุมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกครั้ง,คณก.อิสลาม ประจำอำเภอ ให้ทำงานและร่วมประชุมกับนายอำเภอทุกครั้ง(ข่าวกรองแล้ว ทราบว่า คณก.อิสลาม จะเตรียม ผู้หญิงอิสลามหน้าตาดี เพื่อจะเป็นเมียน้อยของนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อต้องการลูกที่เป็นมุสลิม ฝ่ายพ่อไม่ต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นมุสลิมก็ได้..ไม่เกินใน 5 ปี ข้างหน้า 2565 ก็จะได้ลูกมุสลิมทั่วประเทศไทยปกครองประชาชน) 
4.2 ออก กฎหมายรองรับ จังหวัดใด ที่มีมัสยิด 3 แห่ง ให้จังหวัดนั้นจัดตั้งศาลมุสลิมประจำจังหวัด ให้โต๊ะอีหม่าม เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล.. ให้ใช้มัสยิดใด มัสยิดหนึ่งเป็นที่ทำการของศาลมุสลิมไปก่อน...(ถ้าใครถามก็บอกว่า จะใช้บังคับเฉพาะคนมุสลิม แต่อีกไม่นาน คนไทยพุทธที่โง่อยู่ มีเรื่องกับมุสลิม ก็ต้องมาขึ้นศาลมุสลิมประจำจังหวัดนั้น ,ถ้ามีเรื่องให้คนมุสลิมรีบส่งเรื่องมาทันที) มีโต๊ะอีหม่าม เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล.. คนมุสลิมจะผิดอย่างไร ก็ต้องให้ชนะแน่นอน..
-ต่อไป คนไทยพุทธ มีข้อพิพาทกับคนไทยมุสลิม เกี่ยวกับ เรื่องที่ดิน, เรื่องอุบัติเหตุ และเรื่องอื่นๆ ก็ต้องขึ้นศาลมุสลิม
4.3 ออกกฎหมายชารีอะย์ มุสลิม เรื่องการนับถือศาสนา  คนไทยพุทธ แต่งงานกับอิสลามมุสลิม จะต้องเปลี่ยนนับถืออิสลามมุสลิมทั้งหมด...
แผนของอิสลาม
แผนที่ 1 ยึดกระทรวงศึกษาได้แล้ว
แผนที่ 2 ยึดกระทรวงมหาดไทย 
"เมื่อไรที่เราขอจัดตั้ง สนง.อิสลาม ประจำจังหวัดและอำเภอ ทุกอย่างก็จะสำเร็จเมื่อนั้น (ให้อ้างว่าเป็นการจัดตั้งเพื่อประกอบพิธีฮัจย์ ... อย่าเผยแพร่ให้คนพุทธรู้ข้อนี้สำคัญมาก.. เพราะมันกำลังถูกเรายึดทั้งประเทศแน่ๆ ถ้ารู้มันจะต่อต้านเราอย่างรุนแรง)"
แผนที่ 3 ยึดกระทรวงยุติธรรม...
เมื่อผู้หญิงที่ส่งให้เป็นเมียน้อย นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด  ลูกที่ได้จะเป็นมุสลิม
ให้ส่งลูกไปเรียน รัฐศาสตร์ และหรือ นิติศาสตร์เท่านั้นต่อไปจะได้คนมุสลิม เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดและเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล..  ต่อไปศาลมุสลิมประจำจังหวัด.. จะต้องทำงานร่วมกับศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา  เมื่อเวลานั้น   อิสลาม มุสลิม ยึดได้ทั้งหมดแล้ว..ข้อพิพาท เรื่องที่ดินมรดก มีแน่นอนครับ  เช่น พ่อเป็นไทยพุทธ มีที่ดินอยู่ 1,000 ไร่  มีลูกสาว 2 คน
- ลูกสาวคนที่ 1  นับถือพุทธ แต่งงานกับชายพุทธ
-ลูกสาวคนที่ 2 นับถือพุทธ  แต่งงานกับชายมุสลิมตามกฎหมายชารีอะห์  ก็ต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม   วันหนึ่งพ่อตาย ด้วยหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ได้แบ่งมรดกให้ฝ่ายลูกเขย เป็นอิสลามมุสลิมซึ่งแต่งงานกับลูกสาวคนที่ 2 และมีลูกด้วยกัน 3 คนเป็นอิสลามมุสลิม ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ลูกเขยอยากได้ที่ดินมรดก 1,000 ไร่ หรืออยากได้มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลมุสลิม ประจำจังหวัดนั้นๆ  ท่านทั้งหลายลองคิดดู จะให้ใครชนะคดี...
ถ้าไม่ใช่อิสลามมุสลิม..ท่านลองคิดดูนะครับ แต่เดิมอิสลามมุสลิมใช้จารีต ของศาสนาในการปฏิบัติ (ผู้ชายมีเมีย 4 คน เพื่อขยายศาสนาตัวเอง)  ชาวพุทธก็ไม่มีผลกระทบใดๆ  แต่ปัจจุบันอิสลามมุสลิม พยายามพลักดัน จารีต ของศาสนา ให้เป็นกฎหมาย ออกมาบังคับใช้ ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงมาก ต่อชาวพุทธทุกคน...  เพราะถ้าขึ้นชื่อว่ากฎหมาย  ถ้าไม่ปฏิบัติก็มีความผิด ติดคุก ...ดัง พรบ.ฮัจย์ 2524
-ปลัดกระทรวงมหาดไทย  , อธิบดีกรมการศาสนา , อธิบดีกรมการปกครอง , และอธิบดี อื่นๆ อีกเกือบ 10 กระทรวง ต้องอำนวยความสะดวก ต่อกิจการฮัจย์ ถ้าไม่อำนวยความสะดวกต้องติดคุก 5 ปี... (ใช้กฎของป่าล้อมเมือง ต่อไปพระมหากษัตริย์ไทย ก็จะถูกคนอิสลามมุสลิมบีบ) รู้หรือยัง ทำไม อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด... ถึงหลั่งน้ำตา เป็นห่วงลูกหลานไทย..
12 ส.ค.2559 เวลา 0110
              วอน คสช.ใช้สติ นำ  ม.44 ที่นำมาปิดปากชาวพุทธ  เอาไปล้างกฎหมายของมุสลิมหลาย ๆ ฉบับที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของ สนช. เพราะ กฏหมายเหล่านี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาวไทยทั้งแผ่นดินอย่างรุนแรง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแผ่นดินนี้ เป็นกฏหมายขายชาติ ทำลายวัฒนธรรมประเพณี เปิดช่องให้ยึดแผ่นดินทั้งประเทศอย่างแท้จริง ตื่นเถิดชาวไทยทั้งหลายภัยจากลัทธิอิสลามกำลังรุกคืบกลืนแผ่นดินไทยเรื่อย ๆ ให้เป็นแผ่นดินมหาวินาศและวิบัติอย่างสมบูรณ์แบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

อำมาตย์เตรียมเอามีดจ่อคอหอย ตู่-ป้อม เพื่อควบคุมเบ็ดเสร็จ --สาวคดีแดกแบบย่ามใจของทหารในสังกัด

เรื่อง เล่าจากสมาชิกผู้รักประชาธิปไตย!
ฟ้าเดียวกัน วรรณเลิศ
เรื่องวงเล่าเช้านี้
"ประยุทธ์-ประวิทย์" อ่วม ทหารสายตัวเอง มีสิทธิ์เจอดี จัดกิจกรรมโครงการใช้ชื่อสารพัดแอบอ้าง โหนสถาบันเข้าขั้นหมิ่นเบื้องสูง !!
            
29 สิงหาคม 2559 
ลือลั่นทั่วกองทัพบก เด็กนายจัดงานหากินแปลกๆ มีทั้งเอาโครงการพระราชดำริ โครงการเทิดสถาบัน จนถึงสิ่งศักดิ์ที่คนไทยนับถือ ผุดเป็นโครงการออกมาให้สังคมกังขามากมาย ในยุคสังคมทหารใหญ่ นายพล นายพันถ้าเป็นเด็กนาย ประยุทธ์-ประวิทย์ จะได้เป็นนักจัดกิจกรรม ปลูกป่า, สร้างพระ,สร้างวัตถุโบราณ สร้างตึก สร้างแฟลต ลามไปถึงส่วนการศึกษา อ้างเป็นหลาน เป็นเพื่อนลูกพลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิทย์ออกของานตามมหาวิทยาลัย มีตัวมีตนเป็นลูกหลาน จริงเท็จไม่มีใครกล้าเช็ค กลัวเจอตอ เลยได้เห็นคนสวมรอยเป็นญาติของสองนายพลนี้มาขอส่วนแบ่งหากินทุกวงการ หนทางทำมาหากินไม่ใช่ของยากพวกทหารสมัยนี้ เล่นเป็นรวย มีชั้นเชิงอยู่ว่า ขอทำทีเบิกเงินหลวงไปสร้างก่อน แต่ยังเปิดรับเงินบริจาคจากห้างร้าน บริษัทเอกชนได้เงินเข้ากระเป๋ากันเองฟรีๆด้วยเทคนิคที่นิยมใช้คือการสั่งซื้อของผ่านหน่วยงาน มีการการออกเช็คในนามหน่วยงานทหารถูกต้อง จะได้เห็นว่าเอาเงินมาจ่ายจริง แต่ดันไปขอเงินทอนครึ่งหนึ่งทีหลัง จากบริษัทห้างร้าน บอกช่วยๆพวกพี่หน่อยนะ พี่มีภาระเลี้ยงดูปูสื่อพวกนายๆเยอะ เป็นวิธีการหากินสุดสกปรกของพวกเหล่าทหารทำดีเพื่อชาติ มีแต่ต้มตุ๋นภาษีคนไทย พวกห้างร้านบ้างก็ว่าสุดจะทน บ้างก็เต็มใจให้ทหารหลอกหลายต่อ ขอให้มีกะลาคุ้มหัวยามมีเรื่องมีราง ขอภาพนายพลมาติดเบ่งหน้าร้าน ไม่ปริปากพูดเรื่องเงินทอนเรื่องไม่ดีทุกเรื่องกลัวปืนจ่อหัวกันที่สุด กลัวแล้วจ้าาาา ์ 
 •ทหารบอนไซ

ในเวลานี้ ประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการปกครองจากรัฐบาลเผด็จการทหาร (Military Dictatorship หรือ Military Junta)

Credit: Unknown

ในเวลานี้ ประเทศไทย เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการปกครองจากรัฐบาลเผด็จการทหาร (Military Dictatorship หรือ Military Junta)

เมื่อนำเอาสถิติตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) ขึ้นมา จะเห็นว่ามีไม่กี่ประเทศในโลก (ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอัฟริกา) ที่มีการปกครองระยะหนึ่ง โดยฝ่าย Military Dictatorship

ถ้าไม่รวมประเทศไทย ครั้งสุดท้ายที่มีการรัฐประหารสำเร็จและยึดอำนาจการปกครองได้ คือที่ประเทศเบอร์กิน่า ฟาโซ่ (Burkina Faso) ในทวีปอัฟริกา และการรัฐประหารสิ้นสุดลงภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เมื่อปี พ.ศ. 2558 คือปีที่แล้วนั่นเอง (เกือบหนึ่งปีเต็ม ถ้านับจากวันนี้)

ส่วนในเอเซีย-แปซิฟิค ก็คงมีแต่ประเทศฟิจิ ซึ่งออกไปเกือบสองปีแล้ว ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนม่าร์ ก็หมดไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นั่นคือปี พ.ศ. 2554

-------------------

เหตุผลของการก่อการรัฐประหาร ที่ทุกๆ ประเทศอ้างเสมอมาคือ  ต้องเข้ามากอบกู้ประเทศชาติ จากกลุ่มนักการเมืองผู้ฉ้อโกงหรือรัฐบาลพลเรือนผู้มีวิสัยทัศน์อันคับแคบ (Myopic)  กลุ่มเผด็จการทหารจะสร้างความชอบธรรมด้วยการอ้างถึง สถานะตำแหน่งของพวกตนว่า เป็นผู้ตัดสินใจอย่าง "เป็นกลาง" จากรากฐานของตนเองที่เป็นสมาชิกในกองทัพทหาร  และฝ่ายเผด็จการทหารเหล่านี้ จะตั้งชื่อกลุ่มของตนเอง เพื่อสร้างความชอบธรรม เป็นต้นว่า "สภากอบกู้ประเทศชาติ " (National Redemption Council) หรือไม่ก็ "คณะกรรมการฟื้นฟูประเทศชาติ" (Committee of National Restoration) เป็นต้น

การสร้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจโดยกองทัพ จะพยายามอ้างถึงเรื่อง เสถียรภาพทางการเมืองของประเทศชาติ หรือไม่ก็ทำการกู้ภัยจากการคุกคามจากลัทธิคตินิยมอันเป็นอันตราย  (Dangerous Ideologies)  ในสมัยอดีตนั้น ประเทศทางอเมริกากลางหรือละตินอเมริกา ก็ใช้เหตุผลของ การคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์มาสร้างความชอบธรรม

-------------------

ฝ่ายกองทัพจะสวมบทบาทให้ตนเองดูว่า เป็นพวกที่ไม่ฝักใฝ่ข้างหนึ่งข้างใด (non-partisan) และเป็นกลาง (Neutral Party) ซึ่งสามารถทำหน้าที่การนำประเทศชาติได้อย่างชั่วคราวในเหตุการณ์ของความยุ่งเหยิง และทำการพรรณาให้เห็นกันอยู่เสมอว่า นักการเมืองของประเทศตนนั้น ทำการฉ้อโกงและไม่มีประสิทธิ์ภาพในการบริหารประเทศแต่อย่างใด

ลักษณะอีกอย่างหนึ่งของ Military Dictatorship ในเกือบ ทุกๆ ประเทศ ก็คือ รัฐบาลทหารจะต้องออกกฎในการใช้กฎอัยการศึก หรือไม่ก็ใช้มาตรการในการประกาศเรื่องสภาวะฉุกเฉินกันอย่างถาวร

------------------

และไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ หรือประเทศไหนในโลก สุดท้ายแล้ว มันก็ต้องหา "ความชอบธรรม" ป่าวประกาศให้คนทั่วโลกได้ทราบกัน ด้วยการ "จัดการการเลือกตั้ง" เท่านั้นเอง.. (ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่การจัดการของแต่ละประเทศกันเอง)....

และถ้าระบบของ Military Dictatorship มันดีจริง ก็น่าจะมีประเทศต่างๆ หันมากระทำการแบบนี้กันมากขึ้น 

แต่ในเวลาที่ผ่านมาสองปี มีแค่สองประเทศที่ยังคิดว่า มันเป็นเรื่องที่สามารถแก้ปัญหาภายในได้  (Lesotho และ Burkina Faso)  (แต่เราก็คงจะเห็นกันแล้วว่า กระแสโลกในเรื่องแบบนี้ มีการตอบร้บกันอย่างไรบ้าง ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา)

------------------

เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ถ้าบุคคลมีโอกาสเลือกสถานที่ที่สามารถใช้ชีวิตความเป็นอยู่ หรือทำมาหากินกันได้  ท่านคิดว่า พลเมืองเหล่านั้น ต่างมีความต้องการที่จะอยู่ภายใต่้การปกครองในรูปแบบไหนกัน?

ลองไปขบคิดเล่นๆ กันนะคะ

Happy Tuesday ค่ะ

เป้าหมายของเผด็จการราชาธิปไตยไทย วันนี้ คืออะไร? แล้วเราจะสู้ต่อไปอย่างไร?

เป้าหมายของเผด็จการราชาธิปไตยไทย วันนี้ คืออะไร?
แล้วเราจะสู้ต่อไปอย่างไร?




ในความเป็นไปได้ เผด็จการราชาธิปไตย น่าจะรุกคืบบนเส้นทางเผด็จการต่อไปดังนี้

- ยึดอำนาจบงการกองทัพไปรวมศูนย์ไว้ เพื่อเตรียมการปราบแดงและรักษาฐานอำนาจไว้ให้มั่นคงที่สุด

- ตัดเส้นใยทางอำนาจของ ดร. ทักษิณ และเตรียมเล่นงานนักการเมืองฝั่ง ดร.​ทักษิณ และทำการยึดทรัพย์หรือดำเนินคดีกับคุณยิ่งลักษณ์ให้ถึงที่สุด   หากมีการต่อรอง ก็แปลว่า ดร. ทักษิณ ต้องสยบยอมโดยแทบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ มาต่อรอง (สำเร็จเกือบ 100% แล้ว)  ต่อจากนี้ เราจะให้เห็นฤทธิ์พยาบาทของเผด็จการเฒ่าทั้งหลาย ผ่านกระบวนการตุลาการวิบัติ ยกเว้นเสียแต่ว่า จะมีคนขอกราบเป็นข้าพระบาทฯ ของจักรี โดยไม่มีเงื่อนไขคือยอมทุกอย่าง อีกสี่ห้าตระกูลนั่นแหละ 

- หลอกใช้ประยุทธ์ไปให้ถึงที่สุด จนหมดสภาพแล้ว ก็จะเตรียมเชือดทิ้ง อย่าเชื่อว่า พวกมันจะยอมให้ประยุทธ์อยู่ถึงสิบปี  และตาอยู่ที่จ้องอยู่ตาเป็นมัน ก็จะรอโอกาสนี้อยู่ การสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ระเบิด และการกดดันด้วยกลไกต่าง ๆ รวมถึงการขัดผลประโยชน์ต่าง ๆ พร้อมกับการรุกกลับของฝั่งปชต.​และโลกเสรีนิยม จะนำไปสู่จุดจบของเผด็จการทหารในที่สุด  โดยเฉพาะหากประยุทธ์และคสช. ยังยืนยันจะสืบทอดอำนาจต่อแบบย่ามใจ

- ขณะที่ทำการบีบและกดผู้ต่อต้านในทุกทาง และจะยิ่งทำหนักขึ้นกว่าเดิม  ก็จะมีการให้สินจ้างรางวัลแก่คนที่สยบยอม และยอมเป็นศัตรูกับฝั่งแดงใต้ (มวลชนทักษิณ...ฮา) เพื่อสร้างชัยชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือพลังประชาชน  การละเมิดสิทธิมนุษยชน จะยิ่งหนักกว่าช่วงสองปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา

- เมื่อได้รัฐธรรมนูญฉบับในฝันในมือแล้ว เขาจะเร่งเขียนกฎหมายลูกชนิดที่ทำให้การข่มขืนประชาชนทำได้แบบไม่มีรูโหว่ แล้วให้มีการเลือกตั้ง เพื่อลดกระแสกดดันจากชาวโลก แล้วเตรียมการจัดระเบียบอำนาจที่ยั่งยืนต่อไป

- เมื่อกระแสแดงปฏิวัติ หรือปฏิวัติประชาชนไม่ยอมฝ่อ เขาจะเน้นการอวยสถาบัน มอมเมาประชาชน และปลุกมวลชนขวาพิฆาตซ้าย ขณะที่ทหารจะใช้ยุทธการปราบศัตรูของเจ้าอย่างหนัก เลียนแบบจีนชัดเจนยิ่งขึ้น และจะมีการป้ายสีฝั่งประชาธิปไตยว่าเป็นผู้หวังร้ายต่อประเทศชาติ ผู้ก่อการร้าย คนทรยศชาติ ฯลฯ

นี่คือสิ่งที่เผด็จการจะต้องทำ ถึงจะไม่ตรงเป๊ะ แต่ไม่หนีไปจากทิศทางนี้
แล้วขบวนประชาธิปไตย จะทำอย่างไรล่ะ? 
  • ท้อถอย และสยบยอม?
  • สู้ไปบ่นไป? โทษกันไปมาในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมชะตากรรม?
  • หมดความอดทน ใช้ความรุนแรง เพื่อสนองความคับแค้น?
  • ทำมาแบบไหน ก็ทำแบบนั้นต่อไป?
  • รอคอยพระเอกขี่ม้าขาว อย่างใจจดใจจ่อ?

หรือจะจัดทัพปฏิวัติปวงชนในทุกแนวรบ ช่วยกันรบด้วยความจริงจับ ด้วย ปัญญา และด้วยอารยวิถีจากทุกจุดที่ตนอยู่?
__________________
ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.​และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



สนธิ (ลิ้ม) แฉ ประยุทธ์ หักหลัง ประวิทย์ ซบตักป๋า จริง!!!

สนธิชื่นชมบทบาทที่เปลี่ยนไปของประยุทธ์แต่แนะแก้จุดอ่อนเรื่องเศรษฐกิจ
เช้าวันศุกร์หลังเถ้าแก่ผ่านพ้นจากคดีในศาลฎีกาจากการลุกขึ้นมาต่อสู้กับทักษิณไปอีกเปลาะหนึ่ง เรากินข้าวเช้ากันและคุยกันถึงความเป็นไปในบ้านเมืองเฉกเช่นปกติ ตอนหนึ่งเถ้าแก่สนธิก็พูดขึ้นมาว่า "ประยุทธ์วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆแล้ว"ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า

"สองปีแรกที่ขึ้นมาเป็นสองปีแรกที่ไม่แน่ใจ แล้วคนที่ทำให้ประยุทธ์ต้องเป็นอย่างนี้นี่นะ มีอิทธิพลทำให้ประยุทธ์เปลี่ยนความคิดแล้วประยุทธ์เดินหน้าไปอย่างนี้นี่ก็คือไพบูลย์ คุ้มฉายา เพราถ้าไม่มีไพบูลย์ คุ้มฉายา ประยุทธ์จะโดนประวิตรครอบงำตลอด ทุกเรื่องเลย ประยุทธ์เป็นคนซึ่งคิดอะไรง่ายๆสั่งการให้ทุกคนทำ ลักษณะเป็นผู้บัญชาการทหารบก เอ้ย ไปจัดการเรื่องนี้ เอ้ยไปจัดการหน่อย แต่การสั่งการให้คนทำในยุคที่ประยุทธ์ขึ้นมานี่ คนที่รับงานต่อไปนี่ไม่มีความสามารถ มีไพบูลย์อยู่คนเดียวที่อยู่กระทรวงยุติธรรมแล้วไพบูลย์เนี่ยก็ใช้กฎหมายเดินหน้า ไพบูลย์ก็โชคดีที่ไพบูลย์มีชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ชัยยะเป็นคนทำทุกเรื่องให้ไพบูลย์ ไพบูลย์ก็ทำเรื่องสำเร็จ พอแต่ละเรื่องทำสำเร็จปังปั๊บเนี่ย มันก็เหมือนปลดโซ่ตรวนของประยุทธ์ออกทีละข้อทีละข้อ เพราะก่อนหน้านั้นประยุทธ์ยังมีลักษณะปรองดองกับทักษิณ แต่พอปลดโซ่ตรวนออกปังปั๊บก็เอาดาบใส่มือให้ประยุทธ์ก็คือว่า หนีไม่ได้แล้วตอนนี้ต้องชนกับทักษิณแล้วนะเข้าใจมั้ย ใส่โซ่ตรวนการปรองดองออกแต่ใส่ดาบการปะทะกันเข้าไปแทนแล้ว นั่นคือที่มาตั้งแต่ถอดยศทักษิณแล้วเห็นมั้ย"เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบอึกหนึ่งก่อนจะพูดต่อ

"สังเกตตอนแรกที่ชัยยะทำเรื่องถอดยศทักษิณ ประยุทธ์ยังชักเข้าชักออกนะ ยังไม่ชนเต็มตัวนะ ชัยยะพูดได้เลยเป็นตัวแปรสำคัญมาก มาช่วงหลังเนี่ยพอในที่สุดแล้วนี่เลขาปปง.คนเก่านี่พ.ต.อ.สีหนาทเนี่ยมันสนิทกับคุณหญิงอ้อ เพราะฉะนั้นสังเกตอย่างในยุคสีหนาท สีหนาทจะไม่ทำเรื่องอะไรก็ตามที่จะไปกระทบกระเทือนฝ่ายพรรคเพื่อไทยหรือคุณหญิงอ้อหรือทักษิณ ก็เลยทำให้ลักษณะประยุทธ์คล้ายๆว่าเอ้ยมึงเป็นเลขาปปง.ทำไมไม่ทำ เขาสั่งไปแล้วไงว่าให้ทำแล้วไม่ทำ คือลักษณะประยุทธ์จะเป็นอย่างนี้เขาไม่ลงรายละเอียดเขาไม่ทำเอง เอ้ยไปจัดการนะ แต่พอไม่จัดการประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำยังไง เข้าใจหรือเปล่า เผอิญจังหวะธรรมะจัดสรรตำแหน่งของไอ้สีหนาทมันหมดเทอมมันหมด ต้องเอาตัวใหม่ขึ้นมา สีหนาทมันวางแผนถึงขนาดจะมีการคัดสรรนะ เอากรรมการคัดสรรเพื่อมีเลขาปปง.ใหม่วางแผนไว้เรียบร้อยเลยนะ เตรียมที่จะเอาคนทางสายของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ คุณหญิงอ้อขึ้นมาอีกที แต่เหมือนกับประยุทธ์รู้ทัน และไพบูลย์คงจะไปบอกประยุทธ์ ประยุทธ์ก็เลยตัดสินใจใช้มาตรา 44 แต่ก่อนจะใช้มาตรา44นี่ ประยุทธ์รู้ว่าชัยยะนี่เป็นน้องของเรา คำแรกที่ประยุทธ์พูดกับไพบูลย์ว่า เอ้ยนี่มันเด็กสนธินี่ ใช่มั้ย ไพบูลย์เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาบอกจะเด็กของใครไม่สำคัญหรอกสำคัญคนนี้ทำงานได้ ใช่มั้ย แล้วชัยยะก็เป็นคนตรงไปตรงมา"เถ้าแก่เล่ายาวก่อนจะพูดต่อ
"ประยุทธ์ก็เลยขอพบ ชัยยะก็บอกว่าผมนี่เป็นน้องพี่สนธิเค้า อยู่กันมา30กว่าปีแล้วเขาเป็นคนดีเขาไม่เคยทำชั่วอะไร ทำไมผมจะคบเขาไม่ได้ ถ้าท่านไม่สบายใจผมเซ็นใบลาออกให้ล่วงหน้าเลย แต่ถ้าท่านใช้ต้องอย่าระแวง ประยุทธ์เขาชอบความเป็นนักเลงแบบนี้ ก็เลยในที่สุดคำว่าคนของสนธิก็เลยหมดไป ซึ่งชัยยะขึ้นประวิตรไม่ต้องการ เพราะประวิตรเขาวางสายคนของเขานี่ ตั้งแต่อธิบดีดีเอสไอจะเอาคนของเขาไปนั่งแต่ว่าไพบูลย์กั๊กวิธีการไม่ต้องการให้ประวิตรส่งคนเข้ามาไพบูลย์ก็เลยตั้งคนในดีเอสไอที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตอนนั้นมารักษาการ คือให้คนข้างในขึ้นไม่ให้คนนอกเข้ามานี่คือวิธีการที่เขาสู้กัน แล้วก็แลกกันการที่ไพบูลย์สนับสนุนชัยยะขึ้นมาหรือจะทำไรก็ตามนี่ต้องแรกกับการที่ประวิตรจะเอาญาติขึ้นมาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นั่นคือที่มาของปฏิคม เหลืออีก3เดือนเกษียณก็ยังเป็นอธิบดี ไพบูลย์ก็ให้ไปเพื่อแลกกัน"

เถ้าแก่ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้งแล้วเล่าต่อ "พอชัยยะขึ้นมาปังปั๊บเนี่ย ชัยยะขึ้นมา3เดือนเนี่ยผลงานออกมาเป็นชุดเลย นี่คือสิ่งที่ประยุทธ์อยากให้ข้าราชการประจำทำตามคำสั่ง พอแล้วประยุทธ์ก็บอกผมให้เข้าทำนี่ ก็ทำตามกฎหมายเขาผิดตรงไหน แต่ถ้าไม่ทำนี่ประยุทธ์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เจออดีตตำรวจกล้าตัดสินใจเดินหน้าลุยชนทุกเรื่อง อิทธิพลมีไม่มีไม่สนใจทำให้เห็น จนกระทั่งพวกทักษิณเป๋ไปหมดเลย ทักษิณเป๋ไปหมดเลย ประยุทธ์โซ่ตรวนที่ถูกประวิตรครอบงำก็เลยหลุดหมดเหลือแต่ดาบที่อยู่ในมือ ตอนนี้นี่ชัยยะเป็นดาบอาญาสิทธิ์ของประยุทธ์ แล้วไพบูลย์อีกคนหนึ่ง มันก็เลยทำให้ประยุทธ์รู้สึกว่าเอ้ยถึงเวลาแล้ว ประยุทธ์ก็เริ่มแรงกับทักษิณทีละนิดทีละนิดสังเกตมั้ย ไม่เหมือนกับสมัยก่อนนะ เดี๋ยวนี้มีการไอ้ลูกหมานึกออกมั้ย พูดง่ายๆว่าเริ่มมีความมั่นใจแล้ว ที่ผ่านมาตัวเองไม่ใช่กลัว แต่ตัวเองขาดขุนพลไง เผอิญประยุทธ์มีครบแล้วตอนนี้มีไพบูลย์มีนั่น ขาดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเองคือทำยังไงให้กองทัพมันสงบ ในที่สุดก็เป็นที่มาของพล.อ.เฉลิมชัย ซึ่งเป็นฝ่ายวงศ์เทวัญ เป็นหมวกแดง การที่เฉลิมชัยมาครั้งนี้ก็เท่ากับว่าประยุทธ์จับมือกับป๋า เพราะไม่งั้นบูรพาพยัคฆ์ก็จะสืบทอดอำนาจต่อเพราะวางคนไว้หมดแล้ว เท่ากับตัดตอนบูรพาพยัคฆ์เลย จากนี้ไปสองสามรุ่นวงศ์เทวัญตลอด บูรพาพยัคฆ์ลืมไปได้เลยซึ่งประวิตรวางตัวพิสิษฐ์ เสธ.ทบ.ขึ้นปรากฎว่าเถียงกันหนักหน้าสาหัสสากรรจ์ในที่สุดประยุทธ์ชนะ ป๋านี่มีสิทธิ์มีส่วนมาก อิทธิพลป๋าสูงมาก เพราะฉะนั้นจากการไม่เปิดบ้านให้ กลายเปิดบ้าน ตัวผบ.ทบ.คนใหม่แสดงตัวว่าอยู่ข้างป๋าชัดเจน วันที่ที่ป๋าจัดคอนเสิร์ตไปเลยคนเดียวเลยนะ ไปยืนกับป๋าเลยนะ ตรงนี้ทำให้วันนี้เราเห็นภาพใหม่แล้ว บรรยากาศอึมครึมในเรื่องทหารหมดแล้ว วันนี้ที่น่าสนใจก็คือว่าประวิตรจะถอยแค่ไหน หรือประวิตรจะยอมรับสภาพแล้วต้องเล่นเกมต่อตามที่ประยุทธ์หรือสังคมหรือป๋ากำหนดให้เล่น แต่พี่มองแล้วประวิตรไม่มีหนทางสู้ประยุทธ์เลยตอนนี้ วิษณุออกมาลุยเรื่องปฏิรูปตำรวจแล้วเห็นมั้ย วิษณุนะลุยแล้วนะบอกทำเสร็จภายในปีนี้ 4 ข้ออะไรบ้าง อาวุโส หมายความว่าไงหมายความว่าจากนี้ไป เด็กของพัชรวาทเด็กของประวิตรพวกนี้เอามาฝากเอามายัดตรงโน้นตรงนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องอาวุโสอย่างเดียวแล้วนะก็เท่ากับว่า ในอดีตมีการซื้อขายตำแหน่งกันมาก เยอะมากเลย เขาก็เลยบอกว่าจากนี้แต่งตั้งอาวุโสอย่างเดียว ไม่มีสมัยก่อนอาวุโส 33 เปอร์เซนต์ ความสามารถ 33 เปอร์เซนต์ แล้วความเหมาะสมอีก33เปอร์เซนต์ ดังนั้นถ้ามี30คนตำแหน่งว่าง มีอาวุโสอยู่ร้อยคนได้ขึ้นแค่30คน อีก70คนวิ่งเต้นกันหมดนี่คือที่มาของการข้ามหัวคนไง แล้วการซื้อตำแหน่ง นี่สะท้อนให้เห็นการที่ประวิตรไม่ยอมปฏิรูปตำรวจ เห็นมั้ยว่าเกมออกมาแต่ละเกมเป็นเกมข้างบนทั้งนั้นเลย แล้วเมื่อวานนี้ที่จำคุกหมอเลี๊ยบเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมากไปยังทักษิณ ให้รู้ว่าน้องสาวมึงไม่หรอก เพราะฉะนั้นทักษิณมีทางเดียวคือต้องเอาน้องสาวหนี เพราะพิพากษามาแล้วถ้าผิดยายปูอาจโดนประมาณ12ปี เผลอๆอาจจะมากกว่านี้สุดแล้วแต่เขาคิดยังไง บุญทรงโดนแน่นอนโดนหมด แต่ว่ายิ่งลักษณ์นี่ทักษิณต้องเอายิ่งลักษณ์หนี ต้นปีหน้านี่น่าจะพิพากษาแล้ว จากนี้ไปจนถึงต้นปีช่วงไหนหนีได้หนีแล้ว แล้วถ้าจะหนีในขณะนี้จะหนีทางชายแดนภาค5เชียงใหม่เชียงรายน่าน เพราะผู้บัญชาการภาค5คนปัจจุบันสนิทกับเยาวภา วงศ์สวัสดิ์มาก"เถ้าแก่พูดถึงตรงนี้แล้วนิ่งเงียบปล่อยให้บนโต๊ะออกความเห็นก่อนจะพูดต่อว่า

"พี่มองว่าประยุทธ์พอปลดแอกแล้วมีคนทำงานให้แต่เขายังพลาดอยู่เรื่องเดียว เขาไม่เก่งเศรษฐกิจ เขาเลยต้องพึ่งสมคิด จุดอ่อนของประยุทธ์ตอนนี้คือเศรษฐกิจ สมคิดทำเละหมดเลย คือประยุทธ์น่าเสียดายมากไม่รู้เรื่องนี้ โดนสมคิดกล่อมเสียจนเชื่อสมคิดหารู้ไม่ว่าสิ่งที่สมคิดทำนี่ คือการทำลายรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทยให้เจ๊งฉิบหายหมดเลย สมคิดมันทำเพื่อทุนอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือน่าเห็นใจเขา เขาไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลยนะ แล้วสมคิดนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแบรนด์ดิ้งนะ สมคิดไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์คนนี่เข้าใจสมคิดผิดหมดเลยนะ สมคิดนี่เรียนจบมาทางแบรนด์ดิ้ง เชี่ยวชาญที่ทำอย่างไรที่จะโปรโมทอิมเมจของตัวเอง เน้นแบรนด์ดิ้งตลอด เป็นคนพูดเก่งแต่โอเปอเรชั่นใช้ไม่ได้เลย เพราะคนไม่เคยเข้าใจโอเปอเรชั่น จำไว้อย่างนะพี่เคยพูดหนึ่งถ้ายูเอาคนที่เคยเป็นอดีตนายแบงก์มาเป็นรัฐมนตรีคลังนะ เจ๊งทุกที เพราะมันมองปัญหาคลังแบบการเงิน เหมือนกับยูเอาหมอมาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ยูต้องเอาคนที่ เรียนทางด้าน public health สาธารณสุขศาสตร์มาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะว่าหมอเป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขเข้าใจมั้ย เหมือนกันการคลังยูต้องเอาคนซึ่งมีภาพกว้าง แล้วต้องเป็นคนที่เข้าใจตลาดทุนด้วยอย่างลึกซึ้ง คนที่เหมาะที่สุดในสายตาของพี่ที่จะเป็นรัฐมนตรีคลังนะ แล้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายอย่างแล้วพิสูจน์กึ๋นตัวเองมาเรียบร้อยคือธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ธีรชัยอดีตเป็นรองผู้ว่าแบงก์ชาติ อยู่ฝ่ายควบคุมมาก่อนเรื่องการเงิน สองไปเป็นเลขากลต. อยู่ตลาดทุนเขาครบหมดเลยเพราะตลาดทุนมันรวมถึงภาพเอกชนหมดทุกอย่างไง สามที่สำคัญที่สุดเขาเป็นคนที่ออกมาสู้เรื่องพลังงาน เพราะฉะนั้นเขามีลักษณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นวันนี้คนที่เหมาะจะเป็นคลังมากที่สุด พี่ดูตัวในประเทศไทยแล้ว เหลือธีรชัยคนเดียว แล้วเขาเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ เขาอยู่แบงก์ชาติเขารู้หมดนี่แบงก์เป็นยังไง"

เถ้าแก่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "ถ้าประยุทธ์หยุดคิดสักนิดหนึ่งแล้วหันมาดูเศรษฐกิจว่าใช้คนผิดหรือเปล่า ผิดเพราะสมคิดนี่เป็นนายหน้าของนายทุนหมดเลยไม่ว่าจะเป็นซีพี ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยเจริญ ไม่ว่าจะเป็น จิราธิวัฒน์ ทุนใหญ่นี่สมคิดคือตัวแทนนายหน้า ทำงานทุกอย่างเพื่อทุน สมคิดนี่ควรที่จะออกมาเช่นได้ข่าวว่าปตท.จะเริ่มขายหมูปิ้ง ข้าวเหนียวสมคิดต้องบอกปตท.ให้หยุดคุณจะไปทำลายคนที่ทำมาหากินหาเช้ากินค่ำได้อย่างไร ตรงนี้สมคิดกลับมองไม่เห็นมองว่าเข้าซีพีดีกว่าเข้าปตท.แล้วสมคิดก็ไม่สามารถลงไปแก้ปัญหาพลังงานได้ เพราะวันนี้ปัญหาพลังงานยังไม่มีใครลงไปแก้ทั้งระบบ ยังปล่อยให้ปตท.ยังปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเจ้าแห่งพลังงาน กำหนดทิศทางของพลังงานซึ่งไม่ใช่ เพราะพวกนี้เป็นพวกหวงอำนาจตัวเองเคยชินกับการผลิตไฟฟ้าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วพวกนี้ไปเข้าใจตัวเองผิด ว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มาว่าต้องรับผิดชอบเรื่องไฟฟ้าในประเทศไทย พวกนี้เข้าใจผิดเลยนะ ไม่มีพวกผมทำประเทศไทยมีไฟฟ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นพวกผมทำพวกผมจะสร้างเขื่อนอย่างเดียว สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ่านหินทุกอย่าง พวกนี้เป็นพวกเข้าใจผิดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์มานี่คือปัญหาใหญ่ของชาติซึ่งตรงนี้ประยุทธ์ไม่รู้เรื่อง ประยุทธ์ฟังฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวแล้วบอกเอาเถียงกันนั่งคุยกันใช้วิธีนี้วิธีเดียวซึ่งถ้าเป็นนายกฯที่กล้าตัดสินใจต้อง เข้าใจข้อมูลและเชื่อข้อมูลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วฟังธงไปเลย"

"คืออย่างนี้ปตท.นี่ต้องถือว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซนต์ เมื่อเป็นรัฐวิสาหกิจแล้วมิสชั่นของปตท.ที่มีมาดั้งเดิมคืออะไร ต้องชัดเจนตรงนั้น เมื่อมิสชั่นมาคือต้องรักษาเสถียรภาพของพลังงานในราคาที่ถูกให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่ถูกตรงนี้ มันต้องยืนตรงนี้ ไม่ใช่ปตท.มาอ้างว่าตอนนี้ธุรกิจน้ำมันมันกำไรน้อยลง มันก็เลยย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์คุณเข้าไปทำไม เพื่ออะไร สรุปแล้วคุณเข้าไปเพื่อทำมาหากินใช่มั้ยเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นใช่มั้ย แล้วคนที่ได้49เปอร์เซนต์คือเอกชน นอมินีของนักการเมือง 51เปอร์เซนต์ของรัฐบาลเพราะฉะนั้นแล้วนี่คุณก็จากเดิมที่คุณไปคิดราคาน้ำมันแพงคุณฆ่าคนใช้น้ำมันวันนี้น้ำมันราคามันตกลงมาคุณคิดแพงแบบเดิมไม่ได้ คุณก็เริ่มจะมาฆ่ารากหญ้า เพราะฉะนั้นปตท.คือฆาตกรที่อำมหิตและโหดเหี้ยมที่สุด แล้วยังมีเรื่องการผูกขาดโรงงานขยะที่กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบประยุทธ์ก็ยังไม่ลงไปแตะเหตุผลก็เพราะคนที่คุมคือรุ่นพี่ตัวเองพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วปรากฎว่าลูกชายของพล.อ.อนุพงษ์มีบทบาท

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ASIAN HUMAN RIGHTS COMMISSION - URGENT APPEALS PROGRAMME


Urgent Appeal Case: AHRC-UAC-105-2016


29 August 2016

---------------------------------------------------------------------

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression

ISSUES: Administration of justice; arbitrary arrest; freedom of expression; military

---------------------------------------------------------------------

Dear Friends,

The Asian Human Rights Commission (AHRC) has received updated information regarding three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR), who have been summoned for charges after organizing a constitution related event in the Northeast of Thailand. According to TLHR, all six of them were accused of violating the Head of the NCPO Order No. 3/2015, which bans a political gathering of five persons or more.

CASE NARRATIVE: (Based on the documentation by TLHR)

On 31 July 2016, student activists held a public discussion called 'Talk for Freedom on the Draft Constitution', prior to the August 7 Constitutional Referendum Day, at Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand. Despite many attempts to stop the event by authorities, including threats of filing legal actions against the organizers, the activists continued holding the discussion which took place with a strong presence of uniformed and plainclothed military and police.

On 17 August 2016, police issued summons to six individuals including three young activists, one local land rights defender, and two human rights documentation officers from Thai Lawyers for Human Rights (TLHR). The summons indicated that the police called them to report for charges of violating the Head of the National Council for Peace and Order (NCPO) Order No. 3/2015 (a ban on political of five persons or more). They will report themselves as summoned on 31 August 2016, 10:00, at Khon Kaen Police Station.

One of the six is Mr. Jatupat Boonpattararaksa (aka. Pai), prominent young activist of the Dao Din student activists in the Northeast and member of the New Democracy Movement (NDM), who was recently released on bail from 18 days in detention, with 13 days of hunger strike in two different cases relating to his exercise of peaceful assembly. Mr. Jatupat Boonpattararaksa and the other two student activists, Mr. Chatmongkol Jenchiewchan and Mr. Narongrit Oopachan, have worked closely with local communities in various northeastern provinces, particularly on protecting their community rights and advocating for human rights and social justice. In addition, Ms. Duangthip Karnrit and Ms. Neeranuch Niemsub, the two TLHR staff and Ms. Nutthapon Ardharn, local land rights defender, were summoned for the charges even though they were there to only observe the activity, and clearly identified themselves to the officers in the field.

If indicted, the six human rights defenders will be tried in a military court and shall face up to six months of imprisonment or a fine not exceeding 10,000 Baht (approx. USD 285).

According to Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong, inquiry officer of Khon Kaen Police Station, the summons dated 11 August 2016 was sent to the six human rights defenders for charges of violation the Head of the NCPO Order No. 3/2015 which bans a political gathering of five persons or more. The summons ordered them to report to police on 18 August 2016. However, Mr. Jatupat Boonpattararaksa was then detained at a prison in Phu Khiao District of Chaiyaphum province on charges against the Constitutional Referendum Act for allegedly distributing the Vote-No leaflets to public on 6 August 2016 (For more information, please follow this link http://www.humanrights.asia/news/urgent-appeals/AHRC-UAC-099-2016). Therefore, lawyers from TLHR requested a postponement to 31 August 2016, 10:00, at the Khon Kaen Police Station.

The six will hear details of charges and accusations against them only when they report to the police.

Before the activity on July 31 took place, the authorities including the Khon Kaen University had tried to stop it by threatening the student activists with legal actions under the Referendum Act, the offence of trespassing into a public premise, the NCPO's ban on political gathering, and even the Public Assembly Act, which does not apply to an assembly in an educational institution.

ADDITIONAL INFORMATION:

The following are the names and short profiles of the six human rights defenders:

1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa (Pai), 25 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din and the E-san New Democracy Movement (NDM) 

Background: He joined the Dao Din student activist group in 2010, when studying law at Khon Kaen University, Faculty of Law. The Dao Din and he have been working closely with several groups of community-based human rights defenders, for instance the Khon Rak Baan Kerd (KRBK), a community-based campaign against gold-mining in Loei province, the community-based campaign against potash mining and the Baan Lao Klue village campaign against a high-voltage electric project in Udon Thani province. His activism has continued to be one tightly linked to community-based struggles for social justice such as joining communities campaigning against the noise and air pollution by a tapioca factory on Nampong district, Khon Kaen province. In 2013, the Dao Din student group was awarded 'Role Model of the Youth Award' for having contributed to the development of humanity. The award was awarded by the Channel 9 (OMCT) programme, 'People Searching about Other People'. After the 2014 coup, Jatupat has continued his struggle for justice and democracy with the Dao Din and the New Democracy Movement (NDM). He has been facing four cases, all related to freedom of expression and freedom of assembly, including charges of sedition, violating the junta's ban on political gathering from protesting against the junta and military regime, violating the Referendum Act for campaigning to reject the junta constitution.

2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan, 20 years old, law student, Khon Kaen University, member of the Dao Din 

Background: Starting with the Dao Din and previously has participated in the 'Walk for Right' for the people in E-san helping as a security guard to ensure safety of the marchers. He has made comments during a public seminar voicing his opposition to the arrests made against critics of the Draft Constitution. The seminar "Getting to know the Draft Constitution for a proper referendum voting" was organized by the Constitutional Drafting Committee (CDC) at the Faculty of Law, Khon Kaen University. After making the comment and while leaving the room, he was apprehended by military officials who asked to have a talk with him.

3. Mr. Narongrit Oopachan, 21 years old, student of the Faculty of Humanities and Social Science, Khon Kaen University, member of the New Generation Civic Group and Mekong Study Group 

Background: He volunteers with the Mekong Study Group while studying in university. An independent group, the Mekong Study Group has been involved with the campaign on community rights work and human rights violation in the provinces of Udonthani, Nong Khai and Sakon Nakhon, where large scale potash mining has been vehemently pushed for. As a member of the New Generation Civic Group, he has been involved with organizing political activities including the "speak for freedom" event jointly organized with the E-san New Democracy Movement (NDM).

4. Ms. Nutthapon Ardharn, 34 years old, a member of the New E-san Group and volunteer of the Center for Human Rights Law for Society 

Background: Graduated with a masters degree from the Faculty of Journalism and Mass Communication, Thammasat University, she has started her work as coordinator of public forum program for the Thai PBS. Quitting her job, she returned to her hometown in Kalasin and has since been keen on monitoring impact from petroleum exploration. She has helped to organize local villagers and they have formed a conservation group to monitor the situation in many areas.

5. Ms. Duangthip Karnrit, 29 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: She has started her work with Green peace Thailand helping with fundraising and raising public awareness on impact from coal and nuclear energy and stimulating their interest in clean and alternative energy. She later joined the People's Information Center (PIC) documenting about people who have been affected by the crackdown in 2010.

6. Ms. Neeranuch Niamsub, 47 years old, at present a documentation staff member of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) 

Background: After obtaining her bachelor degree, she has started working with slum community in Klong Toey, Bangkok Port area, with Dung Pratheep Foundation to promote child care center in the shanty town of the capital city. She has also worked with community based organizations to demand the right to housing. Then, she has returned to live as a farmer in the Northeast continuing to work with local NGOs there and community based organizations on local wisdom. After the crackdown of the Red Shirt demonstrations in 2010, she has got to visit many of them who were incarcerated and their families as they were convicted for committing arson on the Provincial Hall of Mukdahan. They were helped to gain better access to the rights in judicial process. She has been involved with documentation and reporting of information of the impacts of the 2010 crackdown while helping the People's Information Center (PIC).

SUGGESTED ACTION:

Please write letters to the authorities below, asking them to immediately withdraw the case and end any ongoing investigation into the six human rights defenders.

Please note that the Asian Human Rights Commission is writing a separate letter to the UN Special Rapporteur on the promotion and protection of the right to freedom of opinion and expression and seeking his urgent intervention into this matter.


To support this case, please click here: 

SAMPLE LETTER:

Dear ___________,

THAILAND: Six more human rights defenders summoned by police for exercising their freedom of expression


Name of victim: 1. Mr. Jatupat Boonpattaraksa 2. Mr. Chatmonkol Jenchiawchan 3. Mr. Narongrit Oopachan 4. Ms. Nutthapon Ardharn 5. Ms. Duangthip Karnrit 

6. Ms. Neeranuch Niamsub

Names of alleged perpetrators: Police

Date of incident: 31 July 2016 to the Present

Place of incident: Khon Kaen University in Khon Kaen, northeastern province of Thailand

I am writing to voice my deep concern regarding the act of judicial harassment against student activists and human rights defenders in Thailand. With regard to the July 31 seminar held by three student activists, Mr. Jatupat Boonpattaraksa, Mr. Chatmonkol Jenchiawchan and Mr. Narongrit Oopachan, at Khon Kaen University, I believe they attempted to exercise their rights to freedom of expression and freedom of peaceful assembly by discussing the Draft Constitution in the run-up to the Referendum. In fact, ordinary persons should have been able to freely discuss and criticize the charter before making their decision to accept or reject it.

Furthermore, Ms. Natthapon Ardharn, Ms. Duangthip Karnrit (TLHR) and Ms. Neeranuch Niemsub (TLHR) only monitored the July 31 seminar and had no involvement with the organization team. The two TLHR staff clearly identified themselves with name tags while observing the activities, and identified themselves as observers with the authorities who were in charge of keeping law and order at the venue.

I wish to point out that the legal actions against the activists and observers are not only means to intimidate, harass and punish the human rights defenders individually, but have affected collectively the work of promotion and protection of human rights and freedoms of people. Further, documenting and reporting upon the human rights situation and violations in other provinces of Thailand will be more difficult.

Therefore, I would like to urge the Thai Government and authorities, including the Royal Thai Police, the Attorney General Office, the Judge Advocate General, the NCPO, to drop all charges against the activists and human rights defenders and end all acts of judicial harassment against them and all human rights defenders in Thailand.

Yours Sincerely,

……………….

PLEASE SEND YOUR LETTERS TO:


1. General Prayuth Chan-ocha

Prime Minister

Head of the National Council for Peace and Order

Rachadamnoen Nok Road

Bang Khun Phrom

Bangkok 10200 

THAILAND

Tel: +662 283 4000

Fax: +662 282 5131

Email: panadda_d@opm.go.th

2. Pol. Gen. Chakthip Chaijinda

Commissioner General of the Royal Thai Police 

Rama I Rd, Khwaeng Pathum Wan, 

Khet Pathum Wan, Bangkok 10330

THAILAND

Tel: +662 2516 831

Fax: +662 2053 738

3. Pol.Sub.Lt. Pongniwat Yuthaphunboripahn 

Deputy Attorney General.

The Office of the Attorney General

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December, B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND

Tel: +662 142 1444 

Fax: +662 143 9546 

Email: ag@ago.go.th

4. Mr. What Tingsamitr

Chairman of National Human Rights Commission 

The Government Complex Commemorating His Majesty the King's 80th Birthday Anniversary 5th December

B.E.2550 (2007), Building B 120 Moo 3

Chaengwattana Road 

Thoongsonghong, Laksi Bangkok 10210 

THAILAND 

Tel: +662 141 3800, +662 141 3900

E-mail: help@nhrc.or.th

5. Assoc. Prof. Dr. Kittichai Triratanasirichai

The Rector of Khon Kaen University

No.123 Moo 16

Mittraphap Road Nai Meaung sub district, 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

THAILAND 

Tel: +6643-009700

E-mail:president@kku.ac.th

6. Pol.Maj. Chirattikul Charatkamolpong

Inquiry officer of Khon Kaen Police Station

No. 324 Moo 16 Kanlapaphruek Road 

Meaug district, 

Khon Kaen province 40000

Tel: + 664 323 5095 8

THAILAND

Thank you.


Urgent Appeals Programme 

Asian Human Rights Commission (ua@ahrc.asia)

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช. และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 5 แนวรบอำนาจมืดของวัง 

https://youtu.be/IphgdUxSe8U      

https://youtu.be/948irZRnaQ0      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg      

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8      

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt      

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2      

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล



Sunday, August 28, 2016

แนะนำเว็บไซต์มดแดง เชิญพี่น้องไปติดตามข่าวสารได้ทุกวันนะครับ

เว็บไซต์มดแดง http://unrad.net/ 

มดแดงหนึ่งตัว เหมือนไร้พลัง เหมือนน้อยนิด กัดใครสู้ใครก็ยากเอาชนะได้แม้จะมีพิษกัดเจ็บ  เวลาเผชิญหน้ากับสัตว์ใหญ่หรือศัตรูใด ๆ ก็มักถูกมองว่าไร้ค่า ไร้พิษสง  มักถูกเขาบี้ เหยียบย่ำ ทำลายรัง หรือฉกฉวยเอารังเอาเม็ดไข่ไปกิน.... มดแดงล้มช้าง เกิดจากแนวคิดที่ว่ามดแดงหากรวมพลังกัน หากวางแผนหลบเร้นหรือวางตำแหน่งไว้ดีพอ แล้วจู่โจมพร้อมกัน แยกงานกันทำอย่างมีเป้าหมาย หากกัดจุดตายและกัดพร้อมกัน ด้วยเครือข่ายและการกะจังหวะเวลาที่ดี สามารถล้มช้างสารตัวมหึมาได้... 

แนวคิดนี้ เทียบเคียงกับการเมืองไทยได้ โดยมดแดงเปรียบได้กับพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศครับ... เรามีพลังมากมายในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย เราต้องรู้ค่า รู้สิทธิ และรู้หน้าที่ของตัวเอง ว่าหากรวมกันและทุกคนทำงานหนัก เราล้มทุกอย่างที่ขวางความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองได้ครับ แนวทางอื่น ๆ เราจะค่อย ๆ สานต่อกันเป็นลำดับต่อไปครับ


นอกจากนี้ ท่านยังสามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ทางสื่อต่อไปนี้ครับ

เว็บไซต์สำหรับเผยแพร่ความรู้และความจริงเพื่อประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง ::::: 

ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน

DailyMotion 

1. คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม 

2. ก้าวสู่สาธารณรัฐเสรีประชาธิปไตย 

3. เว็บไซต์มดแดงล้มช้าง Official 

4. สภาอภิวัฒน์ราษฎรเสรีไทย 

5. สำนักวิชาชาวดิน Piangdin Academy 

6ด้วยมือและตีนของปวงชน 

7. Piangdin for Peace Academy 

8. ปฏิวัติปวงชนมดแดงล้มช้าง 

9. Ugly Truths about Thai Politics 

10. มหาวิทยาลัยประชาชน Official 

11. มูลนิธิวู๊ดไซด์-นปช. ยูเอสเอ 

12. รวมคลิปหลวงตาชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 

13. สู่อธิปไตยของปวงชน 

14. สมัชชาประชาชนเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย 

15. สู่เส้นทางการปฏิวัติโดยปวงชนชาวไทย 

16. องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย



"ไม่ต้องเหนียมอายกันแล้ว” วัฒนา เมืองสุข

"ไม่ต้องเหนียมอายกันแล้ว"

การประชุม กบข. ครั้งที่ 3/2558 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2558 โดยพลเอกประยุทธ์ หัวหน้า คสช. เป็นประธาน มีประเด็นสำคัญคือการเร่งรัดเรียกค่าเสียหายคดีจำนำข้าวซึ่งคณะกรรมการเข้าใจว่ามีอายุความ 1 ปี ต้องฟ้องภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 (รายงานข้อ 2) เจ้าหน้าที่ชี้แจงเหตุล่าช้าว่าการทำงานมีขั้นตอนตามกฎหมาย ประธาน กบข. จึงให้ข้อสังเกตว่า "หน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือประเมินความเสียหายและนำส่งข้อมูลให้กรมบัญชีกลางพิจารณาตั้งเรื่อง ไม่ต้องพิจารณาประเด็นยุติธรรม แต่ต้องพยายามดำเนินการให้ทันกรอบเวลาการส่งฟ้อง มิฉะนั้น จะถือเป็นความบกพร่องของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์"

เพื่อให้บรรลุภารกิจคือจัดการกับนายกยิ่งลักษณ์โดยไม่ต้องให้ความเป็นธรรม พลเอกประยุทธ์จึงใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 39/2558 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2558 นิรโทษกรรมให้กับทุกคนที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเรื่องจำนำข้าวไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย ตามรายงานการประชุมและคำสั่งที่โพสต์มาเป็นหลักฐาน ดังนั้น คำแก้ตัวของพลเอกประยุทธ์ในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ที่ว่า ตนไม่ได้เร่งรัดก็ดี หรือ ไม่ได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้ไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรมเพราะเป็นหน้าที่ของศาลก็ดี จึงสวนทางกับข้อเท็จจริงในรายงานการประชุมอันเป็นเอกสารราชการ แสดงถึงวิธีจัดการกับฝ่ายตรงข้ามโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่ต้องให้ความเป็นธรรมและไม่ต้องรับผิดชอบ นายกยิ่งลักษณ์และจำเลยอื่นในคดีจำนำข้าวไม่มีสิทธิป้องกันตัวเองเนื่องจากมีการนิรโทษกรรมทุกคนไว้ล่วงหน้าแล้ว หรือนี่คือหนึ่งในภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชาติที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำต่อไปจนได้

สงสารก็แต่นายกยิ่งลักษณ์และคนไทยอีก 10.59 ล้านคนที่เลือกข้างประชาธิปไตย ที่นับจากนี้ไปคงแสวงหาความยุติธรรมได้ยากลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็น การปรองดองที่ใช้เป็นข้ออ้างการยึดอำนาจก็ยิ่งห่างไกลความจริงมากขึ้น เพราะความยุติธรรมไม่มีความสามัคคีก็ไม่มีทางเกิด หรือนี่คือวิบากกรรมของคนไทยที่ต้องดิ้นรนแสวงหาความเป็นธรรมกันเอง

วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
28 สิงหาคม 2559