เปิดพื้นที่ปลอดภัยในต่างแดน เพื่อ "สร้างสันติภาพ"
ในสังคมไทย
จากการที่ได้ติดตามงาน สัมมนาวิชาการ "ทหารกับการลงประชามติ" ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เยอรมัน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา จัดโดย ภาควิชาเอเชียจะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยบอนน์ โดยมีการเชิญ กลุ่มคนไทยผู้รักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงที่ทำกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านเผด็จการทหารในต่างประเทศ ( ส่วนใหญ่ในเยอรมันและประเทศใกล้เคียง) นักวิชาการไทย และต่างประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสัมมนาเกือบ 200 คน ผมถือว่าเป็นงานใหญ่มากสำหรับการจัดงานวิชาการของกลุ่มคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในต่างประเทศ
ใหญ่ทั้งในแง่ประเด็นของการพูดคุยทางเชิงวิชาการ และใหญ่ในการจัดกิจกรรมเดินขบวนรณรงค์ เรียกได้ว่า ตั้งแต่มีการทำรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ที่ผ่านมา นี่น่าจะเป็นการ จัดงานระหว่างคนไทยในต่างประเทศกับสถาบันอุดมศึกษาต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในมุมของผมที่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเช่นกันอีกอย่าง นั่นก็คือ การที่ กลุ่ม กปปส.(ฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ) ในเยอรมัน เข้าร่วมพบปะพูดคุยด้วย(ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ) แม้จะด้วยอากัปกริยาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรในตอนแรก แต่เมื่อมีโอกาสพูดคุยในบรรยากาศที่เป็นวิชาการ ทำให้ได้รับรู้หลักคิด เหตุผล ในการสนับสนุนรัฐประหาร และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผม อยากฟังอย่างมาก เพราะมีโอกาสน้อยมาก ที่จะได้รู้รับในบรรยากาศที่เป็นวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมี คนกลาง (Moderator) อย่างมหาวิทยาลัยบอนน์ สถาบันการศึกษาต่างประเทศ เป็นผู้ประสาน เพราะทำให้การพูดคุยของแต่ละฝ่าย มีน้ำหนัก มีเหตุผลที่น่ารับฟังมากยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่า การจะพูดคุยในประเด็นเหล่านี้ในเมืองไทย ไม่สามารถทำได้ การจะรับรู้ รับทราบถึงเหตุผลของแต่ละฝ่าย ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการในบรรยากาศที่ไม่มีใครได้เปรียบเหนือใคร ในพื้นที่สื่อสาธารณะในประเทศไทย เรียกว่าเกือบจะไม่มีเลย
เพราะเมื่อ รัฐบาลเผด็จการคุมประเทศ บรรยากาศจึงเอื้อให้ฝ่าย สนับสนุนเผด็จการทหารมากกว่า แม้สื่อสาธารณะในประเทศจะเปิดพื้นที่ให้พูดคุยอย่างอิสระ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีความเป็นอิสระ และไม่รู้สึกปลอดภัยสำหรับฝ่ายประชาธิปไตยเลย
โดยเฉพาะฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการ และปกป้องสถาบันกษัตริย์ ใช้สื่อของตัวเองในการให้ข้อมูลด้านเดียว จนไม่อาจจะให้น้ำหนัก ยอมรับเหตุผล หลักคิดที่นำเสนอออกมาได้
การจัดงานที่มหาวิทยาลัยบอนน์ เป็นเพียงการเปิดพื้นที่ให้กับฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก ทำให้ฝ่าย กปปส. ซึ่งสนับสนุนเผด็จการทหาร ไม่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการตั้งแต่แรก พวกเขาจึงกลายเป็นคนนอกในเวทีนี้ สำหรับผม ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
เพราะว่าไปแล้ว หลักการเหตุผล มุมมองความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการต่อต้านเผด็จการ และการเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย ของฝ่ายประชาธิปไตย ผมรับรู้ รับทราบกันมาแล้วโดยตลอด
ผมอยากรู้ว่า ข้อสงสัยอีกฝ่ายที่ว่าทำไมถึงต้องปกป้องสถาบันกษัตริย์ในยามที่สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ และมีปัญหาอย่างมาก จนเกือบจะไม่สามารถที่หวังของพลเมืองไทยได้อีกต่อไป ผมอยากรู้ว่าหลักคิดในเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ ซึ่งเป็นกระแสหลักของโลกยุคใหม่ กลุ่ม กปปส.คิดกันอย่างไร ผมถึงอยากฟังการอภิปราย โต้เถียง ด้วยเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ในบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมที่ไม่มีฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งรู้สึกได้เปรียบเสียเปรียบ
ผมจึงขอเสนอ ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยลัยบอนน์ หรือ มหาวิทยาลัยไหนก็ได้ ในโลกใบนี้ ที่มีภาควิชาศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดเวทีเสวนา ที่เชิญทั้งฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการ และฝ่ายต่อต้านเผด็จการในประเทศไทย มาร่วมพูดคุยด้วยเหตุผล ด้วยหลักการ ในบรรยากาศที่ปลอดภัย และเป็นมิตรด้วยกันทั้งสองฝ่าย อาจจะเชิญวิทยากร หรือแกนนำแต่ละฝ่ายมาจากประเทศไทยด้วยก็ได้
ซึ่งผมเชื่อว่า จะทำให้การพูดคุยเสวนาสร้างความรู้ ความคิดใหม่ๆ และคงจะเข้าใจ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสีเสื้อ ความแตกต่างระหว่างคนสายเลือดเดียวกัน อยู่ในครอบครัวเดียว แต่อุดมการณ์ความคิด ความเชื่อ แตกต่างอย่างสุดขั้ว ชนิดที่เรียกว่าพร้อมที่จะจับอาวุธลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันได้ เป็นเพราะอะไร
และผมเชือ่ว่า สุดท้ายแล้ว เรา(คนไทยทั้งสองขั้ว) คงมีหนทางที่จะอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งต้องเปลี่ยนใจไปร่วมกับอีกฝ่ายได้.
สันติภาพ...จงเจริญครับ พี่น้องไทย
21 มิย.59
No comments:
Post a Comment