Friday, September 30, 2016

ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดของเสี่ย (ข่าวลับ วงลึก...​โปรดใช้วิจารณญาณ)

อ.หม่อม นิรนามไตรภูมิ

ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดของเสี่ย

หลายคนคงสงสัยว่าคนที่เจ้าอารมณ์คนที่มั่วแต่กามารมณ์ไม่ค่อยจะมีปัญญาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อย่างเสี่ย ทำไมทำอะไรแล้วเหมือนมีหลักมีแผนการ ทั้งๆที่ดูเป็นคนโง่ๆไม่น่าจะมีปัญญาทางการวางแผนอะไรต่อมิอะไรต่างๆ ได้มากนัก หรือเพราะมีผู้ที่มีปัญญาอยู่เบื้องหลังกันแน่ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอะไรหลายๆอย่างได้ รวมถึงความสำเร็จของครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเสี่ยที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งมีหลายคนอาจไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ก็ล้วนแล้วแต่ดำเนินตามแผนงานของ อ.หม่อม ที่วางไว้ให้เสี่ยได้ดำเนินงานตามมาเป็นเวลาหลายสิบปี อ.หม่อม มีเชื้อสายเป็นคนมอญเหมือนกันกับคุณยายปากแดง ทำไมจึงได้รับความไว้วางใจจากเสี่ยได้ขนาดนั้น คำตอบก็คือ เป็นญาติทางสายแม่ของเสี่ย  (ไม่แน่ใจว่าจะเป็นพี่น้องต่างพ่อหรือพ่อเดียวกันหรือเปล่า เพราะเสี่ยเป็นลูกอีกพ่อหนึ่งแต่มีการให้คนรับรู้ว่าเป็นลูกของอีกพ่อหนึ่งที่มียศถาบรรดาศักดิ์มาก หมายถึง ลูกของพ่อที่มียศถาบรรดาศักดิ์มากมีเพียง 2 คนคือ คนที่1(ผู้หญิง) และคนที่3(ผู้หญิง) เท่านั้น)  จะว่าไปแล้วความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นของเสี่ยก็คือ การได้รับมรดกจากพ่อผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากนั้นเอง และจะบอกกันให้ตรงๆ ตรงนี้ก็คือ ถ้ามีการตรวจ DNA กันการสืบทอดมรดกมายังเสี่ยจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน  ความจริงเสี่ยก็ไม่รู้นะว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มาก เพราะผู้เป็นแม่(คุณยายปากแดง)ปิดมาตลอด (หรือตอนนี้อาจจะรู้แล้วก็เป็นได้) จนกระทั่งคุณยายปากแดงป่วย(ซึ่งตอนนี้ตายแล้วตายช่วงก่อนมีระเบิดราชประสงค์) และก็ไม่อยากให้ลูกชายของตนเองรู้เรื่องนี้จึงต้องการปิดปากคนที่รู้เรื่องนี้ด้วยคือผัวตัวเอง(พ่อผู้มียศถาบรรดาศักดิ์มากเสี่ย) ซึ่งผัวของคุณยายปากแดงก็นอนป่วยมาก่อนคุณยายปากแดงเสียอีก เห็นผัวป่วยอยู่แถมตัวเองใกล้จะตายและไม่อยากให้ความลับถูกเปิดเผย คุณยายปากแดงจึงได้ให้หมอผีเขมรผู้เป็นใหญ่ในเขตแถวๆบุรีรัมย์ชื่อว่าชัย (หมอผีผู้ยิ่งใหญ่แถวบุรีรัมย์ชื่อชัย ชัยไหนนั้นที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่คิดว่าทุกคนคงรู้ดี) ทำยาสั่ง(หรือยาพิษ) แล้วให้คนภายในนำเข้าไปให้ผัวตัวเองกิน ยาสั่งที่หมอผีเขมรชัยทำขึ้นนั้น จะทำให้ร่างกายของผู้ที่กินค่อยๆเสื่อมไปเหมือนเป็นอัมพาตที่สำคัญจะพูดไม่ค่อยได้ พูดไม่ค่อยออก จนนานไปจะอ้าปากไม่เลย อย่างที่ทุกๆคนรู้ทุกๆคนเห็น การวางยาสั่งหรือยาพิษ เป็นอันว่าเขาทำสำเร็จ ที่เล่ามานั้นแค่เกิ่นนำคร่าวๆ มาสู่สาระเกี่ยวกับ อ.หม่อม ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเสี่ยกันดีกว่า อ.หม่อม นี้คือชื่อเล่นเขา (ไม่แน่ใจว่าชื่อจริงว่า นายศุภณัฐ ชัยชนิตย์ หรือเปล่า)  เป็นผู้มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ วิชาอาคมไสยเวทมอญ กฎหมายและการเมือง เป็นอย่างดี เป็นที่ปรึกษาให้กับเสี่ยมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว คนพวกนี้ชอบอ้างตัวว่าเป็นพระโพธิ์สัตว์ ชอบหลอกคนอื่น(รวมถึงหลอกเสี่ยด้วย)ว่าตนเองเป็นพระโพธิ์สัตว์ แต่ความจริงเขาเป็นพระโพธิ์สัตว์ไม่ได้หรอก เพราะภายในเขาบ้าฤทธิ์บ้าวิชาอาคมบ้าอำนาจ เขาจึงเป็นได้เพียงเพราะผู้ปรารถนาเท่านั้นเอง ยังห่างไกลคำว่าพระโพธิ์สัตว์อีกมากมายมหาศาล เอาเป็นว่าหากไกลกว่าสัตว์เดียรฉานก็แล้วกัน (อาการอยากเป็นพระโพธิ์สัตว์คล้ายๆพระพุทธอิสระแต่ความจริงมันไม่ใช่พระโพธิ์สัตว์) ที่ทำได้ก็มีแต่เพียงแค่หลอกตัวเองและหลอกเอาผลประโยชน์จากคนอื่นไปวันๆ เป็นอันว่าเขามีความรู้ โหราศาสตร์ มีวิชาอาคมไสยเวทฝ่ายมอญ มีความรู้ด้านกฎหมายและการเมืองด้วย แต่ที่แถมมานั้นก็คือ ความหลงในภูมิของตัวเอง คนๆนี้คนเดียว เป็นที่ปรึกษาให้เสี่ยได้ในทุกๆเรื่อง การเป็นที่ปรึกษา และเป็นผู้ดำเนินการธุระต่างๆในทางลับให้กับเสี่ย ทั้งทางโลกและทางไสยเวท ให้ได้ในทุกๆเรื่อง เสี่ยจึงให้ความเคารพนับถือบุคคลคนนี้เป็นอันมาก ถ้าจะว่าไปอาจกล่าวได้ว่า เสี่ยให้ความเคารพ อ.หม่อม คนนี้ เทียบเท่ากับความเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์เลยก็ว่าได้ การทำพิธีในรั่วบ้านเสี่ยแต่ละครั้ง เสี่ยจะให้เงินหรือเป็นการถวายแก่  อ.หม่อม ไม่ต่ำกว่าครั้งละ 50 ล้านบาท เรียกได้ว่าเสี่ยไว้ใจในฝีมือของ อ.หม่อม คนนี้แบบสุดๆ ใครคิดไม่ดีต่อเสี่ยนี่ ด้วยวิชาอาคมต่างๆของแก อ.หม่อม แกรู้หมด ใครไว้ใจได้ใครสมควรกำจัด เสี่ยก็อาศัย อ.หม่อม นี้แหละเป็นผู้แนะนำ และก็ขอบอกตามตรงวิชาอาคมของเขาแม่นและแน่นอนมากๆ เพราะแม่นยำมานานก็จึงเป็นที่เคารพของเสี่ยมากไง จะสังเกตได้ว่าเสี่ยมักจะเอาเงินที่ได้จาการทำสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน ยาเสพติด หวยไต้ดิน ส่วยมาเฟียในกองฉลาก ส่วยมาเฟียในวงการอื่นๆ การค้ามนุษย์ การค้าไม้ป่าสงวน การค้าของเถื่อน การค้าวัตถุโบราณ(เอาสมบัติของชาติไปขายให้เจ็กขายให้ฝรั่ง) เงินที่ได้จากธุรกิจใต้ดินเหล่านี้ เสี่ยมักจะเอาไปฟอกกับวัดหรือพระดังๆ อ้างว่าเป็นเงินบริจาคแล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม อ.หม่อม บอกว่าฤกษ์งามยามดี ดวงดาวส่งเสริมเต็มกำลัง ก็จะนำเงินส่วนมากออกนอกประเทศไปฝากไว้ที่ธนาคาร HSBC ที่ฮ่องกง ที่มาทางแนววัดแนวพระก็เพราะมี อ.หม่อม คอยกับกับให้อยู่นั้นแหละ แนวนี้แนวถนัดของ อ.หม่อมเขา วัดไหนหรือพระไหนที่ดังขึ้นมาเสี่ยแกจะส่งคนไปเจรจาให้ฟอกเงินให้ทันที ถ้าไม่ทำให้ก็จะทำให้หายดังคือดับ ยกตัวอย่างเช่น พระนิกร พระภาวนาพุทโธ  พระยันตระ หรือล่าสุดพระเณรคำนั้นเอง คือพระเหล่านี้ผิดหรือไม่ผิดอย่างไรก็ตาม ที่แน่ๆมีการจัดฉากให้พระเหล่านี้ชื่อเสียงดับ ตามความต้องการของขบวนการฟอกเงินของเสี่ยอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน (บอกกันตามตรงเลยก็ได้ คือ ทั้งหมดที่เป็นข่าวนั้นหละที่เขาจัดฉากให้) การจัดฉากทำลายพระนั้นเนียนมาก เพราะมี อ.หม่อม เป็นผู้กำกับอยู่ไงถึงได้เนียน ส่วนวัดไหนพระไหนที่ยอมรับฟอกเงินให้เสี่ย ก็จะสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ตามสบาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ขอถอนตัว เสี่ยแกก็จะแถมคดีให้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นธรรมกาย เห็นธรรมกายเงินเยอะๆ ส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินบริจาคนะนั้น แต่เป็นเงินที่นำมาฟอกของเสี่ยนะรู้ไหม และก็เรื่องไปทำพิธีในที่ต่างๆเพื่อเสริมดวงบารมีให้กับเสี่ยนั้น มีแต่ อ.หม่อม เท่านั้นหละที่เป็นผู้ดำเนินการให้ เช่นการเอาทองคำไปเขียนรูปพระพุทธรูปบนแผ่นภูเขา แล้วให้ทหารที่กินเงินภาษีประชาชนไปเฝ้าทองคำให้เสี่ย เป็นต้น ส่วนหมอดูคนดังที่ติดเชื้อในกระแสเลือดตายนั้น เป็นเพียงผู้ออกงานในที่แจ้งให้เสี่ยในด้านนี้เท่านั้น เพราะ อ.หม่อม ไม่ชอบนักที่จะออกงานในที่แจ้งหรือให้คนรู้จักมาก เอาเป็นว่าตามที่กล่าวมาแล้วนั้น อ.หม่อม เป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อเสี่ยมากมายมหาศาลมาก เพราะถ้าขาด อ.หม่อม ไปเสี่ยจะไม่มีทางรู้และแน่ใจได้เลยว่าใครสามารถไว้ใจได้ใครไม่สามารถไว้ใจได้ ถ้าขาด อ.หม่อม ไปสักคน เสี่ยจะเป็นเหมือนผีหัวขาดเลยทีเดียว ไม่มีหู ไม่มีสมองไม่มีปัญญา(เพราะลำพังตัวของเสี่ยเองก็มีทุนเป็นคนโง่อยู่แล้ว หมายถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ทำอะไรตามอำเภอใจ) ไม่มีตา ไม่มีปาก(พูดอะไรก็ไม่มีน้ำหนักไม่มีใครเชื่อ เพราะไม่มีอาคมของ อ.หม่อม คอยค้ำชูไว้) ไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะไว้ใจใครได้ พึ่งพา อ.หม่อม มาเป็นเวลาเกือบค่อนชีวิต ถ้าจะหาใครมาแทน อ.หม่อม ในช่วงเวลานี้ ก็ไม่รู้จะไว้ใจได้แค่ไหน เสี่ยจะอยู่ในอาการหวาดระแวงตลอดเวลาและจะเป็นบ้าไปในที่สุด ยิ่งหากมีอำนาจอยู่ในมือยิ่งมากยิ่งเป็นบ้าเร็ว ถ้าใครคิดว่าการเข้าถึงตัวเสี่ยนั้นเป็นเรื่องยากถึงยากที่สุด ลองพิจารณาการเข้าถึงตัว อ.หม่อม คนนี้ดีกว่าไหม มันง่ายกว่ากันเยอะนะจะบอกให้ และอีกอย่างที่อยากบอกให้รู้ไว้ก็คือ โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ การใช้วิชาอาคมต่างๆ มีบทบาทสำคัญในวงการของผู้มีอำนาจไทยมาตั้งแต่โบราณ จนถึงปัจจุบันเรื่องเหล่านี้และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ยังมีบทบาทสำคัญในวงการผู้มีอำนาจของไทยอยู่เนืองนิจ หากคุณยังจำตอนที่สนธิ ลิ้มทองกูล เอาผ้าอนามัยมาไว้ที่พระบรมรูปทรงม้าได้ ที่สนธิเขาบอกว่า มีการทำพิธีเพื่อไม่ให้สมเด็จพ่อ ร.5 ส่งพลังมาคุ้มครองประเทศไทยได้ และมีอีกช่วงที่เขาบอกว่ามีการทำพิธีในวัดพระแก้วเพื่อนำบางส่วนที่เป็นวัตถุของพระแก้วมรกต และพิธีนั้นก็มีการแยกดวงธรรมหรือพลังงานของพระแก้วมรกต ออกเป็น 4 ส่วนแล้วนำไปไว้ในที่ไกลกัน 4 ทิศ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ไห้พระแก้วมรกตมีพลังพอที่จะคุ้มครองประเทศได้อีกต่อไป และเขาก็ทำพิธีนั้นสำเร็จ คนที่ทำพิธีดังกล่าวนั้นก็มี อ.หม่อม เป็นผู้ดำเนินการ และแน่นอนว่าเสี่ยรับรู้และอำนวยความสะดวกให้ อ.หม่อม อย่างเต็มที่ เหตุผลที่ต้องทำพิธีดังกล่าวมานั้น ก็เพราะ อ.หม่อม ได้บอกกับเสี่ยว่า พลังงานของสมเด็จพ่อ ร.5 และพลังงานของพระแก้วมรกตที่คุ้มครองประเทศไทยอยู่ เป็นอุปสรรคต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เสี่ยทำอยู่และเป็นอุปสรรคใหญ่ของภารกิจในการรับสืบทอดมรดกของเสี่ยนั้นเอง เสี่ยอาจเริ่มรู้ว่าตนเองไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริงแล้วก็เป็นได้ (เป็นลูกแม่แต่ไม่ใช่ลูกพ่อผู้ที่จะมอบมรดกให้) จึงมีการดำเนินการอย่างที่กล่าวมานี้  คือความจริงทั้งหมดนี้สนธิ ลิ้มทองกูล ก็รู้ทั้งหมดแหละเพราะตอนนั้นเขามีสายข่าวอยู่ในบ้านญาติพี่น้องของเสี่ย แต่ก็พูดเท่าที่พูดได้ แล้วก็ให้ทักษิณเป็นแพะเรื่องนี้แทนก็แล้วกันง่ายดี คนในเขาก็รู้กันว่าตอนนั้นเสี่ยกับสนธินั้นไม่ถูกกัน แน่นอนว่าการนำเรื่องพิธีกรรมที่เป็นความลับของฝ่ายเสี่ยมาเปิดเผย ไอ้นี่มันปากมาก เดี๋ยวสักวันมันก็อาจจะหลุดปากแฉเสี่ยทั้งหมดก็เป็นได้ จึงเป็นที่มาของการที่เสี่ยสั่งยิงสนธิ ลิ้มทองกูลในเวลาต่อมา ถ้าอยากแน่ใจว่าจริงหรือไม่รายละเอียดต่างๆเป็นอย่างไรบ้างก็ลองไปถามสนธิ ลิ้มทองกูล ดูสิ การเมืองไทยเป็นไงหละ อะเมซิ่งไหมการเมืองไทย ต่อสู้กันทุกรูปแบบเลยทีเดียว จำไว้นะจุดอ่อนจุดแข็งของเสี่ยก็อยู่ที่ อ.หม่อม นิรนามไตรภูมิ คนนี้คนเดียวนี่แหละ
ความจริงก็คือ  #จะสืบได้อย่างไรไม่ใช่ลูก  ใช่ไหมหละ


No comments:

Post a Comment